|
ความมั่งคั่ง มาจากพระเจ้า
ศบ.
สดุดี 127:1-5
สัปดาห์นี้มีประชุมใหญ่ขององค์กรคริสตจักรสามัคคีธรรม ประจำปีนี้ ทำให้ผมคิดถึงพระคุณนานา ที่พระเจ้าทรงกระทำให้สามัคคีธรรมกรุงเทพ ที่ผ่านมา มากมายเหลือเกิน
1. พระองค์ทรงเป็นผู้สร้างบ้าน
“ถ้าพระเจ้ามิได้ทรงสร้างบ้าน บรรดาผู้ที่สร้างก็เหนื่อยเปล่า” (1)
ไม่มีใครสร้างบ้านโดยไม่ออกแรง ไม่ใช้กำลังความคิด ไม่ลงทุนทรัพย์ หรือจ่ายเงินจ่ายทอง พระเยซูทรงสอนเราเสียด้วยว่าก่อนสร้างคิดเสียก่อนว่าจะทำให้สำเร็จได้หรือไม่ ผมเคยทำบ้าน ต่อเติมบ้านส่วนนั้นส่วนนี้ ทุกครั้งที่ทำบ้าน ก็ต้องออกแรง ออกกำลังทุกครั้ง ซาโลมอนผู้เขียนบทความนี้ พระองค์ทรงสร้างพระวิหารเลิศหรู สวยงามตระการตา ใช้กำลังคน วัตถุดิบ ทองสัมฤทธิ์ ไม้สนสีดาราคาแพง ซาโลมอนทำด้วยสติปัญญา กว่าจะได้พระวิหารยิ่งใหญ่ แต่พระองค์เป็นผู้ตรัสเองในทีนี้ว่า ถ้าพระเจ้ามิได้เป็นผู้สร้าง พระองค์ก็เหนื่อยเปล่า คือไม่ได้อะไร การปลูกคริสตจักรก็เช่นเดียวกัน แน่นอน ต้องเหน็ดเหนื่อย ต้องอดหลับอดนอน ต้องจ่ายทรัพย์มาก ผมไม่ลืม ปี 2005 ที่เราสร้างอาคารศรัทธวิหาร สามชั้น พี่น้องทุ่มเททั้งกำลังกายและทรัพย์ สำเร็จได้ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เหมือนของขวัญที่ตกจากฟ้า เราไม่มีเงินก่อนสร้าง พระวิหารราคากว่า 30 ล้าน พอสร้างเสร็จ เราไม่เป็นหนี้ แต่ก็ไม่มีเงินเหลือ พระเจ้าทรงช่วยในการสร้างเพราะ (1) เราสร้างวิหารเพื่อพระองค์ เพื่อใช้เป็นที่นมัสการ เป็นสถานที่สอนพระวจนะ เป็นที่ช่วยคนเจ็บไข้ได้ป่วยให้รับการบำบัด เพื่อถวาย
พระเกียรติแด่พระองค์ และ (2) เราสร้างวิหารโดยพระองค์ เป็นพระคุณทั้ง วิศวกรเยี่ยม สถาปนิกยอด ทีมก่อสร้างเก่ง ทั้งเงินที่พี่น้องถวายครบครัน ถ้ามิได้มาจากพระเจ้า ก็เป็นไปไม่ได้เอาเลย เมื่อสำเร็จก็ไม่เหนื่อยครับ
2. พระองค์ทรงเป็นผู้ดูแล
“ถ้าพระเจ้ามิได้เฝ้าอยู่เหนือนคร ยามตื่นอยู่ก็เหนื่อยเปล่า” (1)
ธรรมดาบ้านที่สร้างเสร็จแล้ว ถ้าไม่ดูแลรักษา ก็จะทรุดโทรม ถ้าไม่มียาม พวกก็มาขนข้าวของไปหมด หมู่บ้านที่ผมอยู่ มีกรรมการประชุมกัน มีคนงานตัดต้นไม้ มีเจ้าหน้าที่มาฉีดยาฆ่ายุงในร่องน้ำ มีระบบยามรักษาความปลอดภัย ทั้งหมดนี้ ต้องจ่ายเงินทองทั้งสิ้นในบ้านของเราเอง การบำรุงรักษาเป็นเรื่องที่จำเป็น เราต้องรดน้ำต้นไม้ ตัดแต่งต้นไม้ ทำความสะอาด ไม่ดูแลบ้านก็รก ซาโลมอน เป็นกษัตริย์ที่มีสติปัญญา พระองค์จัดระบบดูแลพระวิหารไว้เลอเลิศ มอบหมายแบ่งเวร ให้ปุโรหิตและเลวี ทรงมีข้าราชการดู และพระราชวัง การค้าก็ระบบการเงิน ทรงมีเรือกำปั่นขนสินค้าไปขายต่างประเทศ สำหรับการทหาร พระองค์มีพลม้า รถรบนับหมื่นประจำอยู่ตามหัวเมือง ซาโลมอนฉลาดครับ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม พระองค์ก็ตรัสไว้เองว่า “ถ้าพระเจ้ามิได้เฝ้าอยู่เหนือนคร ยามก็เหนื่อยเปล่า” แปลว่าอะไร นั่นหมายความว่า แม้เราจะจัดเตรียม จัดระบบไว้ได้ดีปานใดก็ตาม ถ้าไม่พึ่งพระองค์ ศัตรูก็ทะลุทะลวงเข้ามาได้ การปลูกคริสตจักรเป็นสิ่งหนึ่ง การสร้างคริสตจักรให้คงอยู่ มั่นคง และเพิ่มพูนมีกำไร เป็นอีกสิ่งหนึ่ง ถ้าไม่พึงพระเจ้า ไม่อธิษฐาน ไม่วางใจ ไม่ยึดหลักแห่งพระวจนะ มารก็จะโจมตีจนคริสตจักรพังได้
ผมเพิ่งสอนเรื่องเปาโล ถูกพวกยิวรุมตี แบบปิดประตูตีแมว คือ ปิดประตูพระวิหาร ขังเปาโลไว้แล้วรุมกระทืบ ว่างั้นเถอะ! พระเจ้าให้นายพันโรมันที่อยู่บนหอคอยเห็นความวุ่นวาย (พอดิบพอดี) รีบเข้ามาช่วย คุมตัวท่านออกมาทันเวลา ทำให้ท่านมีโอกาสประกาศพระกิตติคุณกับฝูงชน พอเข้าไปในสภาสูงของยิว เปาโลพูดไปคำเดียว (พอเหมาะพอเจาะ) ทำให้สภาสูง ที่มีทั้งพวกสะดูสี และพวกฟาริสี ทะเลาะกันเอง ต่อมาพวกยิว กว่า 40 คนแอบสาบานตนกันว่า วันรุ่งขึ้น จะดักฆ่าเปาโล ไม่ได้ฆ่าไม่กินข้าวมื้อเช้า
(เผอิญพอดิบพอดี)ความลับรั่วไหล หลานของเปาโลรู้ข่าวการดักทำร้ายลุงของตน (อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น) หลานชายเปาโล จึงเข้าไปบอกเปาโลในค่าย เปาโลขอให้ทหารพาหลานไปพบนายพัน นายพันจึงให้ทหารเกือบ สามร้อยคน พาเปาโลไป ค่ายทหารใหญ่ที่ซีซารียากลางดึก (กิจการ 21-23) เวลาพระเจ้าคุ้มครองดูแล ใครจะตียังไงก็ไม่ตายครับ เปาโลไม่ต้องกระหืดกระหอบกินอาหาร นอนดึก ท่านนอนหลับสบายทุกคืน (สดุดี 127:2)
3. พระเจ้าเป็นผู้ประทานลูกให้
“นี่แน่ะ บุตรทั้งหลายเป็นมรดกจากพระเจ้า ผลิตผลของครรภ์เป็นรางวัล” (สดุดี 127:4)
เราสร้างบ้าน ก็เพื่อผู้อาศัย ใช่! เรามีบ้านเพื่อเราจะพักอาศัยอยู่เอง แต่มองไปสู่อนาคต ใครจะอยู่ต่อไปถ้าไม่มีเรา ต่อจากเรื่องสร้างบ้าน ซาโลมอนพูดเรื่องการมีลูก เพราะบ้านที่ไม่มีลูกจะเงียบเหงา ว้าเหว่ วังเวง แล้วเราจะไม่มั่นใจว่าคุ้มค่าในการสร้างหรือไม่ ซาโลมอนผู้ชี้ให้เห็นว่า พระเจ้าคือผู้สร้างบ้าน ทรงเป็นผู้มอบมรดกให้บ้านนี้ โดยการมีบุตร มีอนาคต เป็นของขวัญจากพระเจ้า ถ้าอับราฮาม และนางซาราย ไม่มีอิสอัค พงศ์พันอิสราเอลจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ท่านเองจะเป็นบิดาของมวลชนได้อย่างไร เพราะท่านมีอิสอัค จึงมีหลาน ยาโคบ และเพราะมียาโคบ จึงมียิวสิบสองเผ่า เป็นต้นตระกูลของชาติอิสราเอล
4. ความจริงการมีลูก มีเรื่องปวดหัวอยู่มาก
ผมเข้าใจเรื่องนี้พอสมควร บ้านที่มีลูก มีเรื่องให้ปวดเศียรเวียนเกล้าหลายอย่าง ตั้งแต่ลูกยังเป็นเด็กเล็ก แกจะทำบ้านรก ขีดพื้นตรงโน่น เขียนผนังตรงนี้ ทำแจกันแตก ทำน้ำหกราดพื้น ลืมปิดไฟ ลืมปิดประตู เปิดก๊อกน้ำทิ้งไว้ เข้าบ้านไม่ล้างเท้า โอ๊ย! สารพัดเรื่องที่ชวนให้รำคาญใจ การมีโบสถ์ก็เช่นเดียวกัน เราจะสร้างโบสถ์เป็นพระวิหารสวยเพียงใด ถ้าคริสตจักรไม่มีผู้เชื่อใหม่ คริสตจักรจะวิเวก วังเวง โบสถ์อาจมีระเบียบ งดงาม ตกแต่งด้วยแก้วโมเสก ปูด้วยพรมราคาแพงลิ่ว มีเครื่องอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยที่สุด เดินเข้าไปก็เรียบร้อย รื่นตา แต่จะมีประโยชน์อันใด ถ้าคริสตจักรไม่มีลูก การมีคนใหม่ เราอาจต้องปวดหัวกับ ความไม่เรียบร้อย เขาอาจทำผิดนั่นผิดนี่ เราต้องเข้าไปแก้ปัญหากันไม่หยุดไม่หย่อน ตั้งแต่เรื่องสามัญ จนกระทั่งถึงเรื่องศีลธรรม ตั้งแต่เรื่องพูดไม่มีหางเสียง เรื่องน้อยอกน้อยใจ จนถึงเรื่องกินเหล้าเมายา แต่เขาจะดีขึ้น เขาจะโตขึ้น
5. มีลูกไว ยิ่งดี
“บุตรทั้งหลาย ที่เกิดเมื่อเขายังหนุ่ม ก็เหมือนลูกธนูในมือนักรบ”
(สดุดี 127:4)
โดยสรีระของร่างกายทั้งชายและหญิง ตอนเป็นหนุ่มเป็นสาวนั้นมีลูกง่ายกว่าคนอายุมาก แต่ผมก็เห็นคู่แต่งงานใหม่หลายคู่ ควบคุมไว้ ไม่ให้มีลูก ด้วยเหตุผลหลายเรื่อง เช่น ต้องการเรียนต่อบ้าง การเงินไม่พร้อมบ้าง กลัวเป็นภาระในการสร้างเนื้อสร้างตัวบ้าง แพทย์หญิงวนากานต์ สิงเสนา สูติ-นรีแพทย์ เวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า อายุของภรรยา มีโอกาสตั้งครรภ์มากที่สุดในช่วงอายุ 25 ปี แล้วหลังจากนั้นจะเริ่มลดลง และลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อมีอายุเกิน 35 ปี (thairath.co.th/content/190784)
ซาโลมอน หนุนใจว่า การมีลูกไว เป็นการดี เพราะโตได้ทันใช้งาน ท่านว่าเหมือนลูกธนูในมือนักรบ คนวัยผมน่ะ เข้าใจได้ไม่ยาก ตอนเราเป็นหนุ่มทมัดทแมง เลี้ยงลูกเล็ก เราไม่เหนื่อยนัก ตื่นมากลางดึกกลางดื่น ผลัดกับภรรยา ลุกขึ้นมาชงนม เปลี่ยนผ้าอ้อม กล่อมให้หลับ ก็ไหวอยู่ พออายุมาก หัวถึงหมอน ก็ลุกยากเสียแล้ว คริสตจักรก็เหมือนกัน เปิดคริสตจักรแล้ว อย่ามานั่งคุมกำเนิด รีบประกาศ สร้างคนสร้างสาวกดีที่สุด เขาจะได้โตขึ้นทันใช้งาน
6. มีลูกมาก ไม่ยากจน
“ชายใด ๆ ที่มีลูกธนูเต็มแล่งก็เป็นสุข เขาจะไม่ต้องอาย เมื่อเขาสู้ศัตรูของเขาที่ประตูเมือง” (สดุดี 127:5)
ผมเกิดทันสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม คงเป็นเพราะพ่อแม่สมัยก่อนมีลูก ครอบครัวละมาก ๆ ท่านทำให้ประชากรไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงมีคำขวัญที่ผมคุ้นหูว่า “มีลูกมาก จะยากจน” และ “มีลูก 1 คน จนไป 7 ปี” ประกอบกับค่าครองชีพสูงขึ้น คนไทยจึงมีลูกกันน้อยลง สิงคโปร์ สมัย ลี กวน ยู ก็เคยพูดเป็นคำขวัญเช่นกัน“ชาย หรือ หญิง ก็ได้ อย่าให้เกินสอง” วันนี้สิงคโปร์ เปลี่ยนนโยบาย และคนไทยก็เปลี่ยนความคิดไปเช่นเดียวกัน ผมเห็นโครงการใหม่ ๆ เกิดขึ้น เช่น จากหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ เขียนเรื่อง“มีลูกเพื่อชาติ” บอกว่า วันนี้ รัฐบาลหันมาส่งเสริมให้เพิ่มประชากรด้วยนโยบาย "มีลูกเพื่อชาติ" ศ.ปราโมทย์ ประสาทกุล ที่ปรึกษาอาวุโส สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล สะท้อนว่า ปัจจุบันขณะนี้อัตราจำนวนการเกิดของเด็กไทยลดลงมาก หากเทียบกับอดีตที่มีมากกว่า 1 ล้านคนในทุกปี แต่ขณะนี้จำนวนการเกิดลดต่ำ ลงเรื่อย ๆ อาทิ เมื่อปี 2014 อัตราการเกิดอยู่ที่ 7.7 แสนคน ปี 2015 เกิด 7.4 แสนคน
ล่าสุดปี 2016 เกิดอยู่ที่ 7 แสนคน (posttoday.com/politic/report/482560)
ครับ คนไทย เราคุมกำเนิดซะ จนเกิดปัญหาเสียแล้ว
ซาโลมอน หนุนการมีลูกมาก คริสตจักร ก็เช่นเดียวกัน การประกาศพระกิตติคุณ ไม่เพียงแต่ช่วยให้คนไทยเข้ามาพบพระเจ้าเท่านั้น ผู้เชื่อพระเจ้าวันนี้ จะเป็นฐานการประกาศในยุคต่อ ๆ ไปด้วย ท่านเปรียบเทียบให้เราฟังว่า เหมือนลูกธนูเต็มแล่ง เป็นกองทัพที่สู้ศึกได้ วันก่อนผมดูหนังสงครามประวัติศาสตร์ เรืองของอัศวินอาร์น เขามีกองทัพชาวบ้าน ถูกกองทัพของศัตรูมารังแก ศัตรูมีทั้งพลม้า มีกำลังมาก กองทัพชาวบ้านของเขาใช้ มีด ใช้ขวาน แต่เขาเก่งเรื่องธนู ข้าศึกส่งทัพม้ากองที่ 1 มา เขาวัดระยะลูกธนูที่ยิงไป ว่ามันตกลงได้ไกลแค่ไหน จากนั้นพอศัตรูส่งทหารขี่ม้าเรียงหน้ากระดาน ได้ระยะ ชาวบ้านของเขาก็ยิงธนูขึ้นฟ้า ยังกับห่าฝน ฆ่าทหารและกองทัพม้าตายเกือบหมด เขาส่งทัพม้ากองที่ 2 มาอีก พอได้ระยะความไกลของธนูที่วัดไว้ ชาวบ้านก็ยิงธนูขึ้นฟ้า ราวกับห่าฝน เอาจนข้าศึกหมดแรง เสียขวัญ ชาวบ้านจึงเข้าประจัญบาน และชนะในที่สุด ซาโลมอน ตรัสไว้ถูกแล้ว ชายใด ๆที่มีลูกธนูเต็มแล่ง เป็นสุข ไม่อายเวลารบศึก
มีลูกมาก ยากจนตอนแรก ๆ เท่านั้น อนาคตไม่จนแน่ ขยันประกาศ ขยายคริสตจักร แรก ๆ หนักหน่อย นานไปพระเจ้าจะโปรดให้มั่งคั่งขึ้นอย่างสดุดีบทที่ 127 อย่างแน่นอน
|
|
|