ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพันธกิจ
(อ.จ. ดาวิด แก้วประการ)
หัวหน้างานพันธกิจ ภาคสนาม
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพันธกิจคริสตจักรสามัคคีธรรมกรุงเทพ ที่พระองค์ทรงนำและขับเคลื่อนตลอดมา แม้ว่าการเริ่มต้นงานพันธกิจ เราไม่ทราบว่าจะเริ่มจากจุดไหน วิธีการปฏิบัติอย่างไร แต่สิ่งที่เราได้เรียนรู้และเข้าใจคือ การวางใจในพระเจ้า ฟังพระสุรเสียงของพระเจ้า เชื่อฟังพระเจ้าและผู้นำ เป็นการขับเคลื่อนที่ดีที่สุด ทำให้งานพันธกิจที่เกิดขึ้นจากจุดแรกและจุดต่อๆไป เป็นสิ่งที่พระเจ้าให้เกิดขึ้นจริงๆ บทความเริ่มต้นฉบับนี้ ผมยังไม่กล่าวถึงรายละเอียดของงานพันธกิจ แต่ขอเริ่มต้นคุยกันก่อน แนะนำบางสิ่งบางอย่างก่อน ผมขออนุญาตแนะนำตัวก่อน ผมชื่อนายดาวิด แก้วประการ แต่หลายคนมักจะเรียกนำหน้าว่าอาจารย์ ขอบคุณพระเจ้าที่ให้เกียรติ ผมรับใช้พระเจ้าในหน้าที่หัวหน้าฝ่ายงานพันธกิจ คริสตจักรสามัคคีธรรมกรุงเทพ ปีนี้เป็นปีที่ 18 แล้ว ตลอด 17 ปีที่ผ่านมาต้องกล่าวด้วยใจยินดีว่า ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงนำในงานรับใช้ พบกับความสำเร็จและล้มเหลวบ้าง เป็นเรื่องธรรมดาที่เราต้องพบเจอ แต่ก็ไม่ท้อใจ เพราะความหวังใจอยู่ในพระเจ้า และพร้อมที่จะรับทุกอย่างที่เกิดขึ้นตามน้ำพระทัยพระเจ้า พระองค์ทรงนำทุกฝีก้าว แม้ว่างานรับใช้นั้นต้องเดินทางไปต่างจังหวัดหลายจังหวัด ในงานรับใช้ พระเจ้าได้สอนและให้บทเรียนหลายอย่าง สิ่งแรกคือความสำเร็จที่เกิดขึ้นในงานรับใช้ พระเจ้าได้สอนผมเสมอว่า อย่าติดอยู่กับความสำเร็จ เพราะว่าหากเรายึดติดกับความสำเร็จ นั้นหมายถึงเรากำลังยกย่องตัวเราเอง คิดว่าเป็นผลงานของเราที่ทำ ในที่สุดเป็นเหตุให้ลืมพระคุณของพระเจ้า พี่น้องหลายท่านคงแปลกใจ ทำไมผมจึงเขียนบทความเช่นนี้ งานรับใช้เป็นงานที่ต้องรับผิดชอบสูงก็จริง แต่ถ้างานรับใช้นั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำ เป็นไปได้ที่จะเกิดผลเป็นผลอันถาวร ในทางกลับกันถ้าเรารับใช้พระเจ้าตามความคิด ตามแผนงาน ตามใจปราถนา ใช้วิธีที่คิดว่าดีที่สุด แต่ไม่ได้เกิดจากการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นไปได้เช่นกันที่จะเกิดผลหรือประสบผลสำเร็จ แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน ดังนั้นเราจึงไม่ควรติดอยู่กับความสำเร็จ แต่เรามีหน้าที่สนองทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า ลงมือทำให้ดีที่สุด รับผิดชอบให้ดีที่สุด ซื่อสัตย์ให้ดีที่สุด รวมทั้งมีชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า แน่นอนความสำเร็จที่พระเจ้าประทานให้ก็จะเกิดขึ้น สรุปแล้วความสำเร็จหรือผลที่เกิดขึ้นเป็นของพระเจ้าไม่ใช่เป็นของเรา เมือไรก็ตามที่เรายกย่องตัวเราเอง เท่ากับนำชีวิตของเราไปสู่ความล้มเหลว ประการที่สองจะกล่าวถึง ความล้มเหลว มีบ้างไหมที่พบกับความล้มเหลว ผมตอบโดยไม่ลังเลใจคือ พบเช่นกัน ในงานรับใช้เป็นเรื่องปกติที่จะพบกับความล้มเหลว แต่ถ้าเราไม่ท้อใจหรือติดอยู่กับความล้ม เหสว ลุกขึ้นแก้ไขพัฒนาในความผิดพลาด เรียนรู้ในบทเรียนที่เกิดขึ้น ยอมรับสภาพความเป็นจริงและก้าวต่อไป มั่นใจได้ว่า โอกาสที่จะพบกับความสำเร็จรออยู่ข้างหน้า เมือผมเรียนระดับมัธยม ผมชอบกีฬาวิ่งมาราธอน และผมเคยเข้าแข็งขันในกีฬาประเภทนี้ เมือผมมารับใช้พระเจ้า ทำให้คิดถึงนักวิ่งมาราธอน ปกติการวัดผลมักจะตัดสินผู้ที่วิ่งเข้าเส้นชัยที่หนึ่งถึงสาม แต่เมือผมนำมาเปรียบเทียบกับงานรับใช้พระเจ้า เป็นงานคล้ายกับนักวิ่งมาราธอน แม้ว่าการวิ่งมาราธอนไม่ได้เข้าเส้นชัยที่หนึ่งถึงสาม แต่เรายังวิ่งต่อไปให้ถึงเส้นชัย จะได้ที่ห้าที่หกหรือลำดับอื่นๆ เท่ากับว่าประสบผลสำเร็จ เพราะวิ่งถึงเส้นชัย ความล้มเหลวหลายครั้งที่เกิดขึ้นเพราะยังไปไม่ถึงเป้าหมาย เมือพบปัญหาอุปสรรค หรือเห็นคนอื่นประสบผลสำเร็จ ก็หยุดหรือเลิกทำ นี้คือจุดเริ่มต้นของความล้มเหลว
ขอพระเจ้าทรงนำงานพันธกิจที่จะก้าวไปสู่เป้าหมาย เป็นเป้าหมายที่พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียม แม้ว่าจะพบปัญหาอุปสรรค เราจะก้าวต่อไป ก้าวต่อไปโดยการพึงในพระเจ้า เช่นกันขอหนุนใจพี่น้องที่ได้อ่านทุกท่านว่า พระเจ้าทรงเป็นทุกสิ่งในชีวิตเราเสมอ เพียงเราวางใจ มีความเชื่อ ก้าวต่อไป พระองค์จะทรงนำประทานสิ่งที่ดีให้ อย่ายึดติดกับความสำเร็จจนลืมพระเจ้า อย่าให้ความล้มเหลวเป็นอุปสรรคที่จะทำให้เราหยุดก้าวเดินต่อไป จงเข้มแข็งในพระเจ้า โอกาสหน้าผมจะนำบทความมาหนุนใจ รวมทั้งเสนองานพันธกิจ แนะนำทีมงานเพื่อพี่น้องจะได้รู้จักและมีส่วนร่วมในการอธิษฐานเผื่องานพันธกิจต่อไป ขอพระเจ้าทรงอวยพระพร
|