สิทธิอำนาจของพระเยซู

ศ.บ

 

พวกมหาปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ของประชาชนมาหาพระองค์ ทูลถามว่า “ท่านมีสิทธิอันใดจึงได้ทำเช่นนี้ ใครให้สิทธิแก่ท่าน” (มัทธิว 21:23)

 


พวกเขาข้องใจว่าพระองค์ ใช้สิทธิอำนาจอันใดชำระพระวิหาร (ที่พวกเขาโกงประชาชน) ใครให้สิทธิอำนาจพระเยซู พระเยซูทรงซักถามเขาเรื่องสิทธิอำนาจที่ยอห์นให้ผู้คนรับบัพติสมาว่ามาจากมนุษย์หรือสวรรค์ ทำเอาพวกเขาอึ้ง ตอบไม่ได้ สิทธิอำนาจของพระเยซูมาจากสวรรค์ครับ สิทธิอำนาจ ที่ใช้ได้จริง ต้องมีผู้มีฤทธิ์ยิ่งใหญ่สูงขึ้นไป มอบให้ สิทธิอำนาจของพระเยซูมาแต่พระบิดาผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด

 

จากพจนานุกรม “สิทธิอำนาจ แปลว่า สิทธิในการออกคำสั่ง ในการตัดสินใจ และบีบบังคับให้ทำตาม”
ตำรวจจราจร ยืนบนถนน เป่านกหวีด ยกมือขึ้นห้ามรถ ให้รถหยุด แม้รถคันนั้นจะเป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่โตแค่ไหนก็ตาม เมื่อถูกสั่งห้ามให้หยุด คนขับจะหยุดรถทันที รถคันนั้นจอดนิ่งตามคำสั่งตำรวจ เพราะอะไร ก็เพราะตำรวจมีอำนาจ อำนาจที่ตำรวจคนนั้นมี มาแต่ไหน คำตอบคือเพราะ ตำรวจผู้นั้นรับสิทธิในการออกคำสั่งมาจากกรมตำรวจ และรัฐบาล ถ้าคนขับรถไม่ฟัง เพราะถือว่าตำรวจตัวเล็กนิดเดียว ครับ เขาจะต้องเจอกับตำรวจทั้งกอง ทั้งกรม โทษที ทั้งประเทศ ผู้มอบสิทธิอำนาจนี้มาให้ตำรวจ คนขับรถบรรทุกสู้ไม่ได้หรอก

 

 


3. พระเยซูทรงมีสิทธิอำนาจเหนือ โรคภัยไข้เจ็บในร่างกาย (มาระโก 7:31-37)
ที่ริมฝั่งทะเลสาบกาลิลี เขาพาชายหูหนวกติดอ่างมาหาพระเยซู หลังจากพระองค์ใช้พระหัตถ์ยอนเข้าที่หู ใช้นิ้วพระหัตถ์แตะที่ลิ้นชายผู้นั้น พระองค์ทรงแหงนพระพักตร์ดูฟ้า ตรัสว่า “เอฟฟาธา” แปลว่า “จงเปิดออก” ทันที หูเขาก็ได้ยินปกติ ลิ้นที่ขัดก็หลุด และเขาก็พูดชัดทันที
ไม่ใช่ครั้งเดียวที่พระองค์ทรงสำแดงสิทธิอำนาจรักษาโรคผู้ป่วยด้วยการออกคำสั่ง พระคัมภีร์บันทึกครั้งต่อครั้ง เมื่อพระองค์สั่ง โรคร้ายก็หายไปในพริบตา

 


4. ทรงมีสิทธิอำนาจ ยกโทษบาป (มก 2:1-12 )
ตอนพระเยซูประทับที่บ้านหลังหนึ่งริมฝั่งกาลิลี มี สี่คนหามคนง่อยมา จะให้พระเยซูรักษา เมื่อเข้าใกล้ไม่ได้ เพราะคนแน่นล้นบ้านหลังนั้น เขาจึงรื้อหลังคาบ้าน และหย่อนแคร่ลงมา แทนที่พระองค์จะรักษาง่อยเขา พระองค์บอกเขาว่า “ลูกเอ๋ย บาปของเจ้าได้รับอภัยแล้ว” เล่นเอาพวกฟาริสีที่อยู่ตรงนั้นขัดใจหนัก พระองค์เป็นใครถึงมายกบาป พระเจ้าเท่านั้นยกบาปได้ พระองค์ชี้ให้พวกเขาเห็นว่าพระองค์มีสิทธิอำนาจยกบาป โดยการสั่งให้คนง่อย ลุกขึ้นยกแคร่กลับบ้าน เขาก็หายง่อยทันที
การยกบาป เป็นเรื่องที่แลไม่เห็นได้ด้วยตา แต่การสั่งให้คนง่อยลุกขึ้นเดิน เห็นได้ พระเยซูตรัสถามพวกเขาว่า 2 อย่างนี้ข้างไหน ยากกว่ากัน มันยากทั้งคู่ ถ้าพระองค์มิได้เป็นพระเจ้า ไร้สิทธิอำนาจ หรือถ้าพระบิดาไม่ทรงสนับสนุน
ในบ้านเรา ในหลวงทรงสิทธิในการพระราชทานอภัยโทษ หรือลดโทษนักโทษ ผู้สำนึกความผิด กลับตัวกลับใจเป็นคนดีได้

 

 

 

5. พระเยซูมีสิทธิอำนาจเหนือความตาย
(ยอห์น 11:17-44) ที่บ้านเบธานี ลาซารัส ตายไป 4 วันแล้ว เขาเอาศพไปฝังในอุโมงค์ แต่พระเยซูก็ตรัสเรียกลาซารัสให้คืน

 


ชีพจากความตาย “ลาซารัสเอ๋ย ออกมาเถิด” ผู้ตายนั้นก็ออกมา ทั้งผ้าที่พันเนื้อตัวเขา
โยบกล่าวว่า “พระเจ้าทรงประทานชีวิต และพระองค์ทรงเอาไปเสีย” (โยบ 1:21)
เมื่อทรงเป็นผู้ประทานลมปราณให้มนุษย์ ถ้าพระองค์ทรงมีพระประสงค์ ทำไมพระองค์ จะเรียกคนให้ฟื้นจากตายไม่ได้

 


6. พระเยซูมีสิทธิอำนาจ เมื่อสอนพระคำ (มัทธิว 7:29)
ประชาชนอัศจรรย์ใจด้วยคำสอนของพระองค์ เพราะพระองค์สั่งสอนพวกเขาด้วยสิทธิอำนาจ หาเหมือนพวกธรรมาจารย์ของพวกเขาไม่ มีพลัง มีน้ำหนัก เพราะเป็นความจริง อยู่บนเหตุผล เป็นคำสั่งที่กอปรด้วยฤทธิเดช ผู้สอนเองปฏิบัติ ผู้สอนเองสามารถสาธิตสิ่งที่สอน ผู้ฟังกล่าวขานกันว่า “การนี้เป็นอย่างไรหนอ เป็นคำสอนใหม่แน่ ท่านสั่งผีโสโครกด้วยสิทธิอำนาต และมันจำต้องฟัง” (มาระโก 1:27)สำคัญที่สุด คือพระองค์มิได้สอนตามใจพระองค์เอง แต่สอนตามที่พระบิดามอบหมายให้ “คำสอนของเรา ไม่ใช่ของเราเองแต่เป็นของพระองค์ ผู้ทรงใช้เรามา” (ยอห์น 7:16)

 

ผมพูดเรื่องสิทธิอำนาจของพระเยซู เหนือสิงสารพัดมาเสียยืดยาว เรารู้ดีว่า พระองค์ทรงฤทธิ์เพราะพระบิดาทรงประทานสิทธิอำนาจให้ และเพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ยอมฟังพระบิดาทุกประการ พระเยซูตรัสว่า “เรามิได้กล่าวตามใจเราเอง แต่ซึ่งเรากล่าวและพูดนั้น พระบิดาผู้ทรงใช้เรามา พระองค์นั้นได้ทรงบัญชาให้แก่เรา” (ยอห์น 12:49)

 

 

 


สิทธิอำนาจนี้ พระเยซูทรงประทานให้แก่ สาวก รวมทั้งแก่เราทั้งหลายด้วย


เมื่อพระองค์ส่งเหล่าสาวกออกไปประกาศ พระองค์ส่งพวกเขาออกไปเป็นคู่ ๆ พระองค์ประทานสิทธิอำนาจให้แก่พวกเขาด้วย ให้พวกเขามำอำนาจในการขับผี ในการวางมือรักษาคนป่วย สาวกมีสิทธิอำนาจ เช่นนี้ ก็เพราะพระองค์ทรงประทานให้ เหมือนอย่าง กรมตำรวจมอบหมายให้ตำรวจจราจร ในการหยุดรถ

หลังจากพระเยซูเป็นขึ้นจากความตาย พระองค์มีพระมหาบัญชา ให้สาวกออกไปประกาศทั่วโลก พระองค์ตรัสว่า “ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลาย จงออกไปสั่งสอนคนทุกชาติให้เป็นสาวก....” (มัทธิว 28:18-19)

 

 

 

“พระบิดาทรงใช้เรามาฉันใด เราใช้ท่านทั้งหลายไปฉันนั้น” (ยอห์น 20:21)
“เจ้าทั้งหลายจงออกไป ทั่วโลกประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน ผู้ใดเชื่อ และรับบัพติสมาแล้วผู้นั้นจะรอด แต่ผู้ใดไม่เชื่อจะต้องปรับโทษ มีคนเชื่อที่ไหน หมายสำคัญเหล่านี้จะเกิดขึ้นที่นั่น คือ เขาจะขับผีออกในนามของเรา เขาจะพูดภาษาแปลก ๆ เขาจะจับงูได้ ถ้าเขากินยาพิษอย่างใดจะไม่เป็นอันตรายแก่เขา เขาจะวางมือบนคนป่วย แล้วคนเหล่านั้นจะหายโรค”

 


สิทธิอำนาจ นี้ สาวกเข้าใจดี พวกเขาน้อมยอมฟัง พระองค์ผู้มีพระบัญชา ในพระธรรมกิจการ พวกเขาพากันออกไปประกาศ และเกิดผล เพราะเขาทำ สอน ประกาศ รักษาผู้ป่วย ในพระนามพระเยซูผู้ประทานสิทธิอำนาจนี้แก่เขา พระบิดาทรงสนับสนุนให้เกิดขึ้น
ทุกวันนี้ เรา สาวกผู้ที่มีความเชื่อ น้อมยอมฟังพระองค์ เชื่อวางใจพระองค์ พระองค์ก็ประทานสิทธิอำนาจนี้ให้แก่เราทั้งหลายเช่นเดียวกัน เมื่อเราขับผี มารมิได้กลัวเรา แต่กลัวพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ เมื่อเราวางมือรักษาโรค โรคภัยไข้เจ็บหายได้ เพราะพระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูมีอำนาจ

 


Visitor 820

 อ่านบทความย้อนหลัง