นิโคเดมัส สาวก ลับ

 

ศบ.

 

 

 

วันนี้ขอพูดเรื่องนิโคเดมัส สาวก ลับๆ ของพระเยซู
เรื่องของนิโคเดมัส ปรากฏในพระคัมภีร์ 3 ฉากเท่านั้น แต่ละฉากถูกบันทึกโดยยอห์นทั้งสิ้น
( ยอห์น 3:1-21 ; 7:50 ; 19:39 )

 


ฉากแรก (3:1-21) สัมภาษณ์พระเยซู
นิโคเดมัสคือใคร? นิโคเดมัส เป็นฟาริสีคนหนึ่ง ท่านเป็นสมาชิกสภาสูงของยิวด้วย เป็นที่รู้กันดีว่าฟาริสี เป็นชนชั้นปัญญาชน ผู้แยกตัวออกมาจากสังคมของโลก เป็นกลุ่มไฮคลาส พวกเขาต่างจากพวกสะดูสี ที่ไม่เชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย แต่ฟาริสีเชื่อทั้งเรื่องทูตสวรรค์ และการฟื้นคืนชีพหลังความตาย ฟาริสีแตกต่างจากพวกสะดูสีอีกประการหนึ่งคือ พวกเขาเห็นว่าควรแปลและตีความกฏของโมเสสได้ ในขณะที่สะดูสียึดตัวบทกฏหมายโมเสสแข็งขัน นิโคเดมัส เป็นขุนนางยิวที่แตกต่างจากฟาริสีหรือสะดูสีอื่นๆอยู่ประการหนึ่ง คือ ท่านเฝ้าสังเกตพระเยซู ฟังคำสอน และงานของพระองค์ นิโคเดมัสเกิดความเลื่อมใสศรัทธา ชื่นชมพระเยซู ในขณะที่เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน พากันต่อต้านพระเยซูไปหมด ท่านคงได้ยินได้ฟังเสียงวิพากย์วิจารณ์พระเยซูเสียจนหูชา ว่าพระองค์ไม่ดีอย่างนั้น สอนผิดเพื้ยนอย่างนี้ โดยเฉพาะเรื่องการที่พระเยซูรักษาคนป่วยในวันสะบาโต แต่เมื่อนิโคเดมัสนั่งลงคิดไตร่ตรอง ใคร่ครวญอย่างเป็นธรรม ท่านก็ยอมรับลึกๆในใจของท่าน สิ่งที่พระเยซูสอนนั้นล้วนเป็นความจริง เข้าหลักเข้าเกณฑ์ สอดคล้องกับพระลักษณะของพระเจ้าทั้งสิ้น เช่น ที่พระองค์สอนว่า “คนที่ถ่อมสุภาพ พระเจ้าจะอวยพระพร คนที่ทุกข์ใจ พระเจ้าจะเล้าโลมใจเขา เวลาทำทานอย่าทำเพื่อเอาหน้า เป็นต้น” ที่น่าทึ่งอีกประการหนึ่ง คือ พระองค์มีฤทธิ์เดชอำนาจ ในการรักษาโรค และการขับผี นิโคเดมัสตั้งคำถามตัวเองว่า “เป็นไปได้ไหมที่พระเยซูทรงเป็นพระเมสสิยาห์ พระผู้ไถ่โทษ ที่พวกเรา ฟาริสีรอคอย เมื่อพระเมสสิยาห์เสด็จมา พระองค์จะพาพวกเราเข้าสู่ชีวิตใหม่ แผ่นดินใหม่ที่มีพลัง เหมือนโมเสสพาคนอิสราเอลเข้าคานาอัน ไม่เหมือนกับสภาพที่ตนกำลังเป็นอยู่ในปัจจุบัน คือล้มเหลวพ่ายแพ้ และหาสันติสุขไม่ได้ คิดอย่างนี้ พวกเพื่อนๆต้องฉุน เดือด โกรธขึ้งเขาแน่ ๆ แต่ เอาเหอะ ถ้าใครรับความจริง ไม่หลอกตนเองก็ย่อมต้องยอมรับว่า เราที่ถือพระบัญญัติอยู่ต่างก็ไม่มีความสุขจริง พ่ายแพ้ เอาชนะเนื้อหนังของตัวเองไม่ได้ทั้งสิ้น”

 

 

 

 

นิโคเดมัส คิดแล้วมิได้อยู่เฉย สิบปากว่าไม่เท่าสองตาเห็น เป็นไปได้ไหม ที่ตนจะได้สัมภาษณ์พระองค์ด้วยตนเอง เออ แต่เรื่องนี้ต้องเป็นความลับ ซ่อนเร้น จะให้พวกยิวรู้ไม่ได้โดยเด็ดขาด ถ้าล่วงรู้ก็ต้องเป็นเรื่องใหญ่โตแน่ๆ ในที่สุด การขอเข้าพบพระเยซูที่ห้องชั้นบนดาดฟ้าที่เบธานี บ้านของลูกศิษย์พระองค์ผ่านยอห์น สาวกหนุ่มคนใกล้ชิดก็ประสบความสำเร็จ คืนนั้นเป็นคืนเดือนหงาย ลมโชยมา พัดเย็นๆ บรรยากาศสงบเงียบดีจัง
“ท่านอาจารย์เจ้าข้า ข้าพเจ้าทราบว่า ท่านเป็นครูที่มาจากพระเจ้า เพราะไม่มีผู้ใดทำหมายสำคัญ ซึ่งท่านได้กระทำนั้นได้ นอกจากว่า พระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วย” ฟาริสีครูสอนธรรมะวัย 60 ผมเผ้าและเคราสีขาวดอกเลา แสดงถึงความชราให้เห็นอย่างชัดเจนถามนักธรรมหนุ่มวัย 30 เหมือนคนลดเกรดตัวเองลงมา แต่พระเยซูทรงพระลักษณะมั่นคง ตื่นตัว ยิ้มพราย จริงจัง แฝงความเมตตาบนพระพักตร์ของพระองค์ ดูเหมือนพระองค์จะอ่านทะลุปรุโปร่ง เข้าไปในใจของนิโคเดมัสว่า “เขาไม่มีความสุข และกำลังแสวงหา”

 

 

 


เราต้องรู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ
พระองค์จึงมิได้เฉไฉถกกับนิโคเดมัส เรื่องเปลือกนอกให้เสียเวลา ตรัสตรงเผง เข้าเป้าทันที “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่ จะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้” นิโคเดมัสก็เช่นกัน มิได้เสแสร้งว่าเรื่องที่พระองค์ตรัสนั้น เป็นเรื่องของคนอื่นแต่หมายถึงตน ตนที่อายุปูนนี้เข้าไปแล้ว แต่ยังไม่พบความสุขที่แท้จริง เหมือนใจที่ถมไม่เต็ม ครั้งหนึ่งพระเยซูตรัสว่า “บุคคลผู้ใดรู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขาแล้ว” คนที่ยอมรับว่าตนเป็นคนบาป สำนึกบาปเท่านั้นจึงจะกลับใจใหม่ได้ แต่นิโคเดมัสก็ไม่เข้าใจว่า “การบังเกิดใหม่”นั้นหมายความว่าอย่างไร จึงถามว่า “คนชราแล้วจะบังเกิดใหม่ได้อย่างไรได้ จะเข้าในครรภ์มารดาครั้งที่สองและบังเกิดใหม่ได้หรือ” และพระเยซูก็ตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่จากน้ำและพระวิญญาณ ผู้นั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้” เมื่อพระเยซูขยายความนิโคเดมัสจึงเริ่มถึงบางอ้อ ว่าคนที่จะพบสัมผัสสวรรค์ พบชีวิตใหม่ เป็นชีวิตที่ประสบชัยชนะเหนือเนื้อหนัง มีสันติสุข มีพลังสดชื่น ตื่นตาตื่นตัวต้องมีพระวิญญาณ ซึ่งเรามองไม่เห็นพระองค์ แต่พระองค์ทรงทำการในชีวิตเราเหมือนลมเย็นๆที่กำลังพัดให้ท่านสัมผัสได้บนดาดฟ้า ที่บ้านเบธานี “แล้วประสบการณ์ที่ว่านี้ จะเป็นไปได้อย่างไร?” ฟาริสีชราถามด้วยอาการอยากรู้ หิวโหย อยากให้ประสบการณ์ “การบังเกิดใหม่” นั้นเป็นของของตน บ่อยครั้งเราไม่ได้อะไรจากพระเจ้า เพราะใจยโส ปิดประตูใจตนจากพระเจ้า ต้องวางใจในพระผู้ไถ่โทษ

 

 

 


พระเยซูทรงขยายความให้นิโคเดมัสทราบว่า พระองค์คือบุตรมนุษย์ ผู้ที่ลงมาจากสวรรค์ ผู้เสด็จมาเพื่อวายพระชนม์ไถ่โทษบาปที่ไม้กางเขน ไม้กางเขนเปรียบเหมือนงูทองเหลืองที่โมเสสยกขึ้นในถิ่นทุรกันดาร เพื่อช่วยคนที่จะตายเพราะพิษงูแมวเซา คนที่รอดตาย คือคนมองดูงูทองเหลืองนั้นด้วยความเชื่อ เช่นเดียวกับ ผู้ที่รับการไถ่โทษบาปเพราะศรัทธาพระองค์



ฉากที่สอง (ยอห์น 7:50) บททดสอบความเชื่อ
พระคัมภีร์มิได้บอกว่านิโคเดมัส สัมผัสพระเยซูในวันที่สนทนากับพระองค์หรือไม่ ซึ่งถ้าไม่ได้พบพระองค์ก็น่าเสียดาย เพราะท่านมายืนอยู่ที่ประตูสวรรค์แล้วจริงๆ แต่ที่แน่ ๆ คือท่านแอบศรัทธาในพระเยซู เพราะในเทศกาลอยู่เพิ่ง เมื่อพระเยซูทรงสั่งสอนอยู่ที่พระวิหาร พวกมหาปุโรหิตและฟาริสี ใช้เจ้าหน้าที่ให้ไปจับพระเยซู
แต่พวกเขาไม่กล้า เพราะกลัวประชาชน บางคนเชื่อว่าพระองค์คือ “ผู้เผยพระวจนะ” บางคนเชื่อว่าพระองค์คือ “พระคริสต์” เจ้าหน้าที่ที่จะมาจับพระองค์ พอมายืนฟังพระองค์ ใจก็คล้อยตามไปด้วย กลับมารายงานพวกฟาริสีว่า “ไม่เคยมีผู้ใดพูดเหมือนคนนี้เลย” เล่นเอาฟาริสีส่วนมากโกรธเกรี้ยว เจ้าหน้าที่ ฟาริสีหัวโจกคนหนึ่งสาดสายตารอบๆไปที่เจ้าหน้าที่และเพื่อนๆฟาริสี พร้อมกับพูดว่า “พวกเจ้าถูกชักจูงให้หลงไปด้วยแล้วหรือ มีผู้ใดในหมู่เจ้าหน้าที่ หรือพวกฟาริสีศรัทธาในผู้นั้นหรือ แต่ประชาชนหมู่นี้ที่ไม่รู้ธรรมบัญญัติก็ต้องถูกสาปแช่งอยู่แล้ว” คำถามนี้เหมือนบททดสอบอันท้าทาย ที่ยิงตรงมายังนิโคเดมัส เพราะเขาคือฟาริสีคนหนึ่งที่แอบชอบพระเยซู ไม่โต้แย้งอะไร ก็เท่ากับยอมรับโดยปริยายว่า ตน คือ หนึ่งในก๊วนที่ต่อต้านพระเยซู ซึ่งในใจก็รู้ดีว่า ตนเห็นต่างจากพวกเขา ประมาณสองปีที่ได้ไปนั่งสนทนากับพระเยซู นิโคเดมัสไม่มีความสุขเลย จิตสำนึกของเขารู้ว่า พระเยซูคือพระบุตรของพระเจ้า การบังเกิดใหม่เกิดขึ้นในตัวเขาได้ก็ต่อเมื่อเขายอมรับว่าเขาคือคนบาป คนหนึ่งที่เห็นแก่ตัว เขาบาปไม่แพ้ประชาชน ไม่แพ้คนเก็บภาษี หญิงแพศยา หรือชาวประมงที่ติดตามพระองค์ เขาต้องวางใจในพระองค์ และติดตามพระองค์ แต่เขาไม่กล้า มีรายงานมาถึงฟาริสีเรื่องคำสอนของพระองค์แทบทุกเรื่อง เขาจำพระดำรัสของพระองค์ได้ว่า “ผู้ใดใคร่ตามเรามา ให้คนนั้นชนะตนเอง แบกกางเขนของตนตามเรามา ถ้าผู้ใดรักเรามากกว่า บ้าน เรือนไร่นา บิดา บุตร ภรรยา พี่น้องชายหญิง ผู้นั้นก็เป็นสาวกของไม่ได้” ด้วยสัญชาติญาณของฟาริสี นักตีความพระวจนะ ก็แปลความได้โดยไม่ต้องครุ่นคิด “ถ้าฉันไม่ได้รักพระเยซูมากกว่า ตำแหน่งในสภาสูง มากกว่าความมีหน้ามีตา ของคณะฟาริสี หรือสิทธิในธรรมศาลาของชาวยิว ฉันก็เป็นสาวกของพระเยซูไม่ได้” นิโคเดมัส จำพระดำรัสของพระเยซูอีกครั้งหนึ่งได้ว่า “ผู้ใดต้อนรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราจะต้อนรับเราต่อหน้าทูตสวรรค์ ผู้ปฏิเสธเราต่อหน้ามนุษย์ เราจะปฏิเสธเขาต่อหน้าทูตสวรรค์เช่นเดียวกัน”คิดแล้วก็นึกอายชาวบ้านที่กล้าหาญในการแสดงตนว่าศรัทธาพระองค์มากกว่าตน นิโคเดมัสรวบรวมความกล้าหาญ แสดงออกถึงความศรัทธา ที่ตนเองแอบอมพะงำมาตั้งสองปี โดยกล่าวเข้าข้างพระเยซูและแย้งพวกยิวว่า “กฏหมายของเราตัดสินคนใด โดยที่ไม่ได้ฟังเขาก่อน และรู้ว่าเขาได้ทำอะไรบ้างหรือ”

 

 


นี่เป็นครั้งแรกที่เผยใจตนเองออกมาให้เพื่อนๆฟาริสีทราบ หลังจากปิดบัง ซ่อนเร้นความคิด จิตใจตนมิให้ใครล่วงรู้มานานถึง 2 ปี ทันทีเขาก็โดนกระหน่ำ ทัวร์ลง ถูกโจมตีจากเพื่อนๆฟาริสีราวกับระเบิดในสนามรบ “ท่านมาจากาลิลีด้วยหรือ จงค้นหาดูเถิด แล้วท่านจะเห็นว่า ไม่มีผู้เผยพระวจนะเกิดขึ้นมาจากกาลิลี”ครับ! นี่คือความกล้าหาญที่สุดที่นิโคเดมัสมีให้พระเยซู ผมเคยเห็นคนไม่น้อยที่ชื่นชอบพระเยซู เชื่อว่าโลกนี้มีพระเจ้าจริง เชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า เชื่อว่าความรอดนั้นมีทางเดียวเท่านั้นคือการวางใจพระเยซู แต่กลัวว่าถ้าแสดงตนให้ปรากฏ ว่าเชื่อพระเยซูแล้วตนจะหลุดจากตำแหน่งทางราชการ กลัวว่าเพื่อนฝูงจะไม่คบ กลัวพ่อแม่ที่ไม่เป็นคริสเตียนจะโกรธ กลัวว่าจะสูญเสียสามีที่เคร่งศาสนาอื่นจะทิ้งไป กลัวว่า พ่อแม่ ป้า ยาย จะไม่โอนมรดกให้ บางคนไม่กล้าแสดงตนว่าเป็นคริสเตียนเพราะกลัวตกงาน กลัวเงินเดือนไม่ขึ้น กลัวเจ้านายไม่ชอบ บางคนจะมาโบสถ์ จะเข้าเซลล์ จะก้มลงอธิษฐานก่อนกินข้าวก็อาย เขาไม่ต่างอะไรไปจากนิโคเดมัส สาวก ลับ คนนี้
ในการรับใช้พระเจ้าของผม ผมได้เห็นคริสเตียนใหม่ ถูกไล่ออกจากบ้านหลายคน แต่เมื่อเขาเชื่อจริง เขาได้ชั่งใจตีราคา และเลือกพระคริสต์ โดยไม่หวั่นเกรงว่าตนจะสูญเสียอะไร ขณะเดียวกันผมก็ได้เห็นผู้เชื่อหลายคน ที่ยอมลอยช้อนตามเปียก รามือ หันหลังให้พระเยซู อย่างน่าเสียดาย ขณะเดียวกัน ผมก็ได้เห็น คนที่ครั้งหนึ่ง เคยต้องหอบผ้า ออกจากบ้านเพราะเชื่อพระเยซู กลับได้รับชัยชนะจากครอบครัวตน ในปั้นปลายเช่นกัน

 

 



ฉากที่ 3 (ยอห์น 19:39) แสดงความศรัทธาที่อุโมงค์ศพ
เมื่อพระเยซูวายพระชนม์ ที่ไม้กางเขน สมใจยิวทั้งหลายแล้ว ดูเหมือนความเสี่ยงในการแสดงตัวว่าตนเชื่อถือพระเยซูจะซาลงไปมาก โยเซฟชาวอาริมาเธีย ซึ่งเป็นสาวกลับๆของพระเยซู เพราะเขากลัวพวกยิว ก็ได้ขอพระศพพระเยซูจากปีลาต และปีลาตก็ยอมให้ โยเซฟจึงมาอัญเชิญพระศพของพระองค์ไป พระคัมภีร์บันทึกต่อไปว่า ฝ่ายนิโคเดมัส ซึ่งตอนแรกไปหาพระองค์ในเวลากลางคืนนั้น ก็มาด้วย เขาเอาเครื่องหอมผสม คือมดยอบกับกฤษณ่หนักประมาณสามสิบกว่ากิโลกรัมมาด้วย อัญเชิญพระศพพระเยซูลงมา เอาผ้าป่านกับเครื่องหอมพันพระศพนั้นตามธรรมเนียมฝังศพนั้นตามธรรมเนียมฝังศพของพวกยิว ครับนี่คือความกล้าหาญที่สุดที่นิโคเดมัสมีให้พระเยซู มันช่างแตกต่างจาก ยอห์น สาวกที่พระเยซูรัก ราวฟ้ากับดิน ยอห์นแสดงตัวท่ามกลางภัยที่อาจมาถึงตัวเขาได้ ทุกนาที เขาโอบกอดมารีย์มารดาของพระองค์ท่ามกลางศัตรูของพระองค์ที่โคนกางเขน และไม่เคยหวาดหวั่นต่อความตายแม้แต่น้อย “ในความรัก ไม่มีความกลัว”

 

 

 


ผมได้อ่านหนังสือที่เขียนเลียบเคียงพระคัมภีร์ เรื่องของนิโคเดมัส และบทวิจารณ์หลายฉบับ ผมเชื่อว่าผู้เขียนคงจะนึกเสียดาย ที่นิโคเดมัสไม่ได้แสดงความกล้าหาญ ในการลุกขึ้นมาแสดงตนร่วมทุกข์กับสาวกอื่นๆ ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าข้อเขียนนั้นจริงหรือไม่ แต่ผมสังเกตว่า หลังจากพระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นจากความตาย พวกสาวกลุกขึ้นประกาศใหญ่ในกรุงเยรูซาเล็ม ทั้งถูกพวกยิวข่มเหงหนักถึงขั้นฆ่าสาวกถึงตายหลายคน แต่ผมก็ไม่ได้ยินชื่อของนิโคเดมัสปรากฏให้เห็นในการต่อสู้เพื่อความเชื่ออีกแม้แต่ครั้งเดียว ผมเคยเห็นสาวก ลับๆของพระเยซู หลายคน เขาเป็นคนดี เขาแอบช่วย เหลือเรา แต่ผมก็ไม่เคยเห็นคนเหล่านี้แข็งแรงในพระเจ้า ผมเกรงว่าเขายังไม่ได้รับประสบการณ์ “การบังเกิดใหม่” เสียด้วยซ้ำ เขาเป็นเพียงคนที่ไปยืนอยู่ที่ทางเข้าสวรรค์ แต่ไม่ได้เข้าไป ผมคิดว่าเขาทรมาณใจนะครับ เพราะเขารู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด แต่ความกลัวคนมันครอบงำใจเขาอยู่ คนที่บังเกิดใหม่จริง ไฟมันติด ชีวิตมันสว่าง เหมือนตะเกียงที่ถูกจุดติด ตะเกียงที่จุดติดมีไฟ ใครละจะเอาถังไปครอบ สาวกแท้ของพระเยซูอยากเปิดเผยตนเอง เอาตะเกียงวางไว้บนเชิงตะเกียง ให้คนรู้ไปทั้งเมือง ตายเป็นตาย ขลาดทำไม แล้วผลสุดท้ายก็ไม่ตาย แถมเจริญยิ่งๆขึ้น เพราะพระเยซูตรัสว่า “ผู้ใดสู้เสียชีวิตเพื่อเห็นแก่เรา ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด” ถ้ากลัวอย่างนิโคเดมัส ผมก็ว่าตายทั้งเป็นด้วยซ้ำไป เชื่อผมซิ

 


ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ


Visitor 228

 อ่านบทความย้อนหลัง