|
พระพรบนความเจ็บปวด
คุณแม่ การุณย์ กิตติพงศ์
ความเจ็บปวด อาจเข้าใจได้หลายเหตุ เจ็บปวดในร่างกายด้วยภัยไข้เจ็บ หรือความเจ็บใจ โดยการถูกเอารัดเอาเปรียบ หรือถูกใส่ร้าย รังแก แท้ที่จริง เรามีพระสัญญาของพระเจ้าชัดเจนแน่นอน พระสัญญาของพระองค์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
สดุดี 34:18-19 18 พระเจ้าทรงอยู่ใกล้ผู้ที่จิตใจฟกช้ำ และทรงช่วยผู้ที่จิตใจสำนึกผิด คนชอบธรรมนั้นถูกข่มใจหลายอย่าง แต่พระเจ้าทรงช่วยกู้เขาออกมาให้พ้นหมด
หลายต่อหลายครั้งในชีวิต ที่มีปัญหาหนัก ๆ เกินกำลังที่ฉันจะทน หรือแก้ไขเองได้ ลางทีช่วยให้คิดว่า เรื่องอย่างนี้เกิดกับฉันทำไม และฉันจะแก้อย่างไร? เราทราบว่าทุกปัญหามีทางหลีกเลี่ยงได้แน่นอน ทุกครั้งที่เกิดปัญหา ฉันจะสำรวจตัวเอง ฉันทำอะไรผิดบ้าง หรือพระเจ้ามีพระประสงค์จะสอนอะไรฉันหรือ แต่ฉันก็รู้ว่า ใต้ร่มพระคุณของพระเจ้าที่ฉันอาศัยอยู่นี้ มีมากพอสำหรับเราเสมอ
จะเผชิญความทุกข์อย่างไร? 1) ให้เราเชื่อในความดีของพระเจ้า บางครั้งเราลืมคิดถึง หรือตั้งคำถามในเชิงสงสัย จะดีมากถ้าเราระลึกได้และพบว่า พระเจ้าผู้ประเสริฐของเรา ไม่ได้ทอดทิ้งเราเลย
2) ให้รู้เถิดว่าพระเจ้าไม่ได้ทอดทิ้งเรา เยเรมีย์ 29:11-12 “พระเจ้าตรัสว่า เพราะเรารู้แผนงานที่เรามีไว้สำหรับเจ้า เป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพ ไม่ใช่เพื่อทุกขภาพ เพื่อจะให้อนาคตและความหวังใจแก่เจ้า แล้วเจ้าจะทูลขอต่อเรา และมาอธิษฐานต่อเรา และเราจะฟังเจ้า” พระองค์ทรงรักเรา ทรงฉลาด พระองค์ทราบว่าอะไรดีที่สุดสำหรับเรา ทั้งพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าทรงมีฤทธิ์ที่จะกระทำได้
3) ให้เราดูแบบอย่างของพระเจ้า มัทธิว 3:17 และนี่แน่ะมีพระสุรเสียงตรัสจากฟ้าสวรรค์ว่า
“ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก” แน่นอน เราต้องทนทุกข์เพราะพระคริสต์ เป็นส่วนหนึ่งในแผนการของพระเจ้า ในการไถ่โทษแทนเราทั้งหลายที่เชื่อ เราได้อ่าน ฮีบรู 5:8-9 “ถึงแม้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระบุตร พระองค์ก็ทรงเรียนรู้ที่จะนอบน้อมยอมเชื่อฟังโดยความทุกข์ลำบาก ที่พระองค์ได้ทรงทน เมื่อพระเจ้าทรงทำให้พระเยซูเพียบพร้อมทุกประการแล้ว พระเยซูก็เลยทรงเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความรอดนิรันดร์ สำหรับคนทั้งปวงที่เชื่อฟังพระองค์”
ในกรณีพระเยซู พระองค์ไม่เคยทำบาป พระองค์มีน้ำพระทัยเชื่อฟังอยู่แล้ว แต่เราทั้งหลายเป็นคนบาป เราต้องเรียนที่จะเชื่อฟัง และทิ้งนิสัยบาป พระเยซูทรงยอมทุกอย่าง ต้องตายบนไม้กางเขน
ฮีบรู 4:15-16 เพราะว่า เรามิได้มีมหาปุโรหิตที่ไม่สามารถจะเห็นใจในความอ่อนแอของเรา แต่ได้ทรงถูกทดลองใจเหมือนอย่างเราทุกประการ ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังปราศจากบาป ฉะนั้นขอให้เราทั้งหลาย จงมีใจกล้าเข้ามาถึงพระที่นั่งแห่งพระคุณ เพื่อเราจะได้รับพระเมตตา และจะได้รับพระคุณที่จะช่วยเราในขณะที่ต้องการ
พระเจ้าทรงทราบกำลังของแต่ละคนดี เรามีกำลังอ่อนแอ ไม่พอที่จะช่วยแม้แต่ตัวเอง พระเยซูทรงทราบดี จึงยอมเสด็จลงมารับสภาพเป็นมนุษย์อย่างเรา ทรงยอมตาย เพื่อเราจะไม่ต้องตาย ยอมเจ็บปวด เพื่อเราจะไม่ต้องเจ็บ อย่างนี้เรียกว่ารอดโดยพระคุณ และหายเจ็บโดยพระเมตตาคุณของพระเยซูคริสต์
4) ให้เราเข้าใจพระประสงค์ของพระเจ้า โรม 8:28 เรารู้ว่า พระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง คือคนทั้งปวงที่พระองค์ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์
การเข้าใจความจริงข้อนี้ จะนำความสุขใหญ่หลวง และความหวังมากมายมหาศาลมาสู่จิตใจเรา แต่ถ้าเราไม่เข้าใจ ก็ไม่เกิดผลอะไร ทั้งเกิดความสับสนในใจ บางคนอ่านพระคัมภีร์ และพบว่า พระเจ้าเป็นเหตุให้ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น โดยความคิดส่วนตัว แล้วตั้งแต่เป็นเด็ก เมื่อมีการเจ็บป่วย ไม่เคยคิดว่าพระเจ้าให้ป่วย แต่คิดว่าเราอาจมีความบกพร่อง มารจึงมีโอกาสให้เราป่วย เหตุที่ทำให้คิดเช่นนั้น เมื่อฉันอายุ 4-5 ขวบ มีคนอุ้มพี่สาวฉันมาบ้าน บอกว่า พี่สาวฉันถูกสุขบ้ากัด ที่หลังตลาด ฉันคิดประสาเด็กว่า เพราะฉันอยู่บ้าน ที่บ้านมีพ่อ แม่ ไม่มีสุนัขบ้ามากัด ดังนั้นเวลาฉันป่วย ฉันคงไปห่างไกลพระเจ้ากระมัง สิ่งดีมาจากพระองค์คือ ฉันเข้าใกล้พระเจ้ายิ่งขึ้น การได้เข้าใกล้พระเจ้า คือการไกลบาปโดยอัตโนมัติ ทั้งทราบด้วยว่า พระองค์ทรงสัพพัญญูญาณ ทราบแม้แต่ความคิดในใจของเรา
ถ้าเราอ่าน โรม 8 ช้า ๆ จนจบบท และพิจารณา เข้าถึงความหมาย เราจะเกิดความอบอุ่น ความมั่นใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิต
ดังนั้น การวางใจในพระคุณของพระเจ้า ที่โปรดให้พระเยซูคริสต์นำมานั้น มีมากเพียงพอสำหรับเราทุกคน ยากอบ 1:2-6 ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า เมื่อท่านทั้งหลายประสบความทุกข์ยากลำบากต่าง ๆ ก็จงถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะท่านทั้งหลายรู้ว่า การทดลองความเชื่อของท่านนั้น ทำให้เกิดความหนักแน่นมั่นคง และจงให้ความมั่นคงนั้นบรรลุผลอันสมบูรณ์ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนที่ดีพร้อม มีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่มีสิ่งใดบกพร่องเลย
ถ้าผู้ใดในพวกท่านขาดสติปัญญา ก็ให้ผู้นั้นทูลขอจากพระเจ้า ผู้ทรงโปรดประทานให้แก่คนทั้งปวงด้วยพระกรุณาและมิได้ทรงตำหนิ แล้วผู้นั้นก็จะได้รับสิ่งที่ทูลขอ แต่จงให้ผู้นั้นทูลขอด้วยความเชื่อ อย่าสงสัยเลย เพราะว่าผู้ที่สงสัยเป็นเหมือนคลื่นในทะเลซึ่งถูกลมพัดซัดไปมา
ดังนั้นเมื่อความทุกข์ยากลำบากเกิดขึ้นทีไร ทำให้เราคิดว่า พระองค์ทรงสอนอะไรเรา เราพิจารณาตัวเรา มีอะไรซ่อนเร้นในชีวิตเราบ้าง จะเป็นบทเรียนดีที่สุดมาถึงเราโดยเฉพาะ
สิ่งที่เราได้รับ (1) ความชื่นชมยินดี หลังจากเราผ่าน และเข้าใจแล้ว เราจะได้กำลัง ได้บทเรียน ได้ความใกล้ชิดพระเจ้า 1 เธสะโลนิกา 5:18 จงขอบพระคุณในทุกกรณี เพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ซึ่งปรากฏอยู่ในพระเยซูคริสต์เพื่อท่านทั้งหลาย
(2) จะได้รับความเข้าใจจากคำถามของเราเอง ที่ว่า ก) ปัญหานี้เกิดกับฉันทำไม ข)ฉันจะแก้อย่างไร ค) ฉันได้รับประโยชน์อะไร เป็นบทเรียนแก่ชีวิตของฉันบ้าง
(3) ความอดทน เราอยากจะให้ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้าแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ฟิลิปปี 1:6 ข้าพเจ้าแน่ใจว่าพระองค์ผู้ทรงตั้งต้นการดีไว้ในพวกท่านแล้ว จะทรงกระทำให้สำเร็จจนถึงวันแห่งพระเยซูคริสต์
(4) การทูลขอ เราต้องยอมรับว่า มีมากมายที่เรายังไม่เข้าใจ เพราะเราขาดสติปัญญา ยากอบ 1:5 ถ้าผู้ใดในพวกท่านขาดสติปัญญา ก็ให้ผู้นั้นทูลขอจากพระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสั่งให้เราทูลขอ พระบิดาจะทรงประทานให้
(5) ความเชื่อ ยากอบกล่าวต่อไปว่า ให้ทูลขอด้วยความเชื่อ ท่านจะได้รับ อย่าสงสัยเลย เพราะผู้เชื่อในพระเจ้าจะต้องได้รับแน่ ต้องพร้อมที่จะได้รับ
(6) การเตรียมตัว (เตรียมใจ)
พร้อมที่จะรับงาน หรือปัญหาครั้งต่อ ๆ ไป ทั้งนี้เพื่อเพิ่มกำลัง ความเชื่อ การได้ใกล้ชิด ได้รู้จักน้ำพระทัย และสนิทสนมกับพระเจ้ามากขึ้น
มัทธิว 11:28-30 “บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลาย หายเหนื่อยเป็นสุข จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพและใจอ่อนน้อม และจิตใจท่านทั้งหลายจะได้พัก ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา”
1 เปโตร 5:7 จงละความกระวนกระวายของท่านไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่านทั้งหลาย
|
|
|