ง่ายที่พระบิดาจะประทานสิ่งดีให้ท่าน


ศบ.

(มัทธิว 7:11) ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระบิดาในสวรรค์ จะทรงประทานของดีแก่ผู้ที่ขอต่อพระองค์
พระเยซูสอนสาวกเรื่องการอธิษฐาน เพื่อจะรับคำตอบ เงื่อนไขสำคัญอันแรก ก็คือ สิ่งที่เราทูลขอต้อง “เป็นสิ่งที่ดี” ที่เป็นสิ่งที่เป็นตามน้ำพระทัย แล้วเรารู้ได้อย่างไรว่า สิ่งใดดี สิ่งใดไม่ดี ผมจะแจงให้ฟังครับ
ทูลขอสิ่งดี ที่เป็นน้ำพระทัย


(1) การทูลขอเพื่อช่วย แก้ทุกข์ของคนอื่น เป็นสิ่งดี เรื่องที่พระองค์เล่า คือ มีเพื่อนคนหนึ่งมาเยี่ยมเยียนที่บ้าน หิวโหย แต่เขาไม่มีอาหารเลี้ยงเพื่อน (ลูกา 11:5-8) ผมแปลความน่ะครับ

 


ก) มีคนหิวโหย เข้ามาขออาหารจากเรา เราเองไม่มีเงินไปซื้ออาหารมาเลี้ยงเขา เราจึงทูลขอพระเจ้า ดีครับ
ข) มีคนแก้ปัญหาชีวิตไม่ได้ มืดมน มาพึ่งเรา เราเองก็คิดไม่ออก เราจึงกราบทูลขอพระปัญญา นี่ก็ดีแน่
ค) น้องคนหนึ่งเคยโทรมาหาผม เขาบอกผมว่า เขากำลังเครียดจัด ปาขวดถ้วยชามแตก เขาจะฆ่าตัวตาย ผมมีอะไรจะพูดกับเขา ผมก็จนปัญญา ขณะยังถือโทรศัพท์อยู่ ผมก็อธิษฐาน ทูลขอคำพูดจากพระเจ้าทันที คราวนั้นผมได้คำตอบ ผมตอบเขา ท้ายที่สุด เขาบอกว่า “เขาไม่ฆ่าตัวตายแล้ว”
ง) มีคนพบทุกข์โศกเพราะสิ้นเนื้อประดาตัว มาพึ่งเรา แต่เราไม่มีคำพูดช่วยยกชูจิตใจเขาได้ เราจึงทูลขอจากพระเจ้า
จ) มีคนต้องการความรอด แต่เราไม่อาจนำเขามาถึงพระเจ้าได้ เราทูลขอพระเจ้าในการนำวิญญาณ
ฉ) คนผีเข้า ออกอาการฟุ้งเฟื้อ น้องคนหนึ่งมาตามผมไปช่วยขับผี ขณะเดินไป ผมก็ตระหนักว่าผมไม่ได้เป็นหมอผี เพราะผมไม่มีฤทธิ์เดชอะไร ผมเดินไปอธิษฐานไป ขอพระเจ้าช่วยด้วย พอไปถึงผมขับผี มันก็ออกไป น้องที่ผีเข้าก็สงบ พระเจ้าตอบผม เพราะสิ่งที่ขอนั้นดีแน่นอน
ช) พระองค์เคยไปประกาศในที่กันดาร มีคนมากมาฟัง พวกเขาหิว สาวกไม่มีเงินไปซื้ออาหาร ประจวบกับที่นั้นห่างไกลบ้านเรือน พระเยซูยังเคยสั่งสาวกของพระองค์ว่า “ท่านทั้งหลายจงเลี้ยงเขาเถิด” (มาระโก 6:37) แสดงว่า ทูลขอเรื่องวัตถุเพื่อช่วยคนอื่นในสิ่งที่จำเป็น ก็เป็นสิ่งดี
ญ) มีชาย 4 คน หามคนง่อย จะให้พระเยซูรักษา เข้าไปไม่ถึงพระองค์ เพราะคนแน่นเต็มบ้าน 4 คนนี้จึงรื้อหลังคา คงต้องจ่ายเงินให้เจ้าของบ้านค่าซ่อมแซมบ้าน ไม่รู้เท่าไร พระเยซูทรงชมเชย 4 คนนี้ว่ามีความเชื่อ (มาระโก 2:5) แสดงว่าพระองค์ทรงเห็นชอบกับการรื้อหลังคา และจ่ายเงิน ผมแปลน่ะครับว่า การทูลขอค่ารถ ค่าเช่าอาคาร ขอสถานที่ชุมนุมเพื่อ นำวิญญาณ หรือช่วยคนป่วย ให้คนมาฟังพระกิตติคุณและคำสอน เป็นสิ่งดีที่พระเจ้าพอพระทัย
ป) คนเจ็บคนหนึ่ง ถูกคนทำร้าย ปางตาย เขาจึงเอาขึ้นลา พาไปรักษาที่โรงแรม ( ลูกา 10: 33-35) การเข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วย โดยหารถพยาบาล หาค่าน้ำมันรถ นำคนเจ็บไปฝากที่โรงพยาบาล เสียค่าพยาบาลตามความจำเป็น เป็นสิ่งพอพระทัย ขาดเงินก็ทูลขอเถอะ พระเจ้าประทานให้แน่


(2) การทูลขอให้เรามีศักยภาพในการประกาศเป็นสิ่งดี
ก) พระเยซูส่งสาวกออกไปเป็นคู่ ๆ ( ลูกา 10:1) หากเราไปประกาศ แต่เราไม่มีคู่ เราย่อมทูลขอพระองค์ได้ เพราะพระองค์ชอบให้เราไปรับใช้โดยมีเพื่อน ผมไม่ได้หมายความว่า ต้องเป็นคู่ชีวิตเสมอไป อาจเป็นเพื่อนคู่หู
ข) พระองค์ตรัสว่าออกไปที่ไหน เจอบ้านทีมีสันติสุข ให้กินอยู่กับเขา (ลูกา 10:5) แสดงว่า พระองค์คาดหวังให้มีผู้เชื่อในทุ่งนาที่สนับสนุนเลี้ยงดูความเป็นอยู่ของเรา เป็นน้ำพระทัยของพระเยซูให้การไปเปิดคริสตจักรลูก และ สมาชิกเลี้ยงดู ศบ.
ค) มีคนป่วย คนเจ็บ ต้องการการหายโรค คนผีเข้า ไม่ว่าเราจะมีของประทานการรักษาโรค หรือไม่ก็ตาม เป็นพระบัญชาของพระองค์ ให้เรารักษาคนเจ็บให้หาย (ลูกา 10:9) การทูลขอให้เรามีเงินพาคนไปโรงพยาบาล หรือวางมือรักษาโรค เป็นน้ำพระทัยที่ คริสตจักรทูลขอพระเจ้าได้ เป็นสิ่งดีครับ
ง) งานพระเจ้ามีคนไม่พอ มีผู้ออกมารับใช้พระเจ้าน้อย เก็บเกี่ยวไม่ทัน คนไทยตายทุกวัน โดยไม่รู้พระกิตติคุณ เรามีสิทธิอธิษฐานขอให้มีผู้มารับใช้มากขึ้นไหม พระเยซูทรงบัญชาเองว่า “จงอ้อนวอนพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์” ( มัทธิว9:38 ) ดังนั้น ประกาศ รณรงค์ให้สมาชิกออกมาประกาศ การเปิดศูนย์ฝึกอบรมผู้รับใช้ การหาทุนเพื่อให้ผู้ที่อยากรับใช้ ได้กินอยู่เพื่อเรียนพระคัมภีร์ การหาค่ารถ ค่าอาหารให้นักเรียนศูนย์ฝึกที่อยากรับใช้ ไปฝึกงาน การหาครูสอนศูนย์ฝึกที่อยากรับใช้เพื่องานนี้ ย่อมเป็นน้ำพระทัย
ฉ) มีผู้ประกาศ ที่พร้อมออกไปเปิดงานในทุ่งนาใหม่ สร้างโบสถ์ เลี้ยงดูสมาชิก เขาพร้อมออกไป โบสถ์แม่ไม่มีเงิน เป็นน้ำพระทัยไหม ที่โบสถ์แม่จะทูลขอเงินจากพระเจ้า ส่งเขาออกไป แน่นอน เปาโลว่า “ผู้ที่ไม่ได้ยินถึงพระองค์ จะเชื่อในพระองค์อย่างไรได้ และเมื่อไม่มีผู้ประกาศให้เขาฟัง เขาจะได้ยินถึงพระองค์อย่างไรได้ ถ้าไม่มีใครใช้เขาไป เขาจะประกาศอย่างไรได้” (โรม 10:14-15) การใช้ผู้ประกาศออกไป เบื้องต้น ก่อนที่คริสตจักรใหม่จะมีเงินสิบลด เลี้ยงตนเอง โบสถ์แม่ต้องช่วยเลี้ยงดูผู้ประกาศ การทูลขอทุนเบื้องต้น ให้ผู้ประกาศ ย่อมเป็นสิ่งดี และเป็นน้ำพระทัย
ช) เปาโลขอให้ทิตัส ช่วยส่งเศนาสผู้เป็นทนายความ และอปอลโลไป อย่าให้เขาขาดสิ่งใด (ทิตัส 3:13) แสดงว่า การจ่ายค่าตั๋วเดินทางให้ผู้รับใช้ ค่าน้ำมันรถ ไปทำงาน พร้อมทั้งให้ ค่าอาหาร ระหว่างทาง เป็นน้ำพระทัย เราย่อมทูลขอพระเจ้าได้เพราะเป็นสิ่งดี


(3) การทูลขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ ให้เจิมเรา เพื่อการรับใช้ที่มีฤทธิ์เดช และเกิดผล ใช้ของประทานอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งดี เช่น การเป็นผู้ประกาศ การเป็นครู การเตือนสติ การอภิบาลศิษย์ การวางมือรักษาโรค การบริจาค การต้อนรับแขก และการรับใช้ใด ๆ ที่มีอำนาจ มีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งดี และเป็นน้ำพระทัยชัดเจน “ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระบิดาผู้สถิตในสวรรค์จะทรงประทานพระวิญาณบริสุทธิ์แก่ผู้ที่ขอต่อพระองค์” (ลูกา 11:13)

 


(4) การทูลขอเพื่อให้เราได้สุขสบายขึ้น แน่นอน พระเจ้าสร้างสรรพสิ่งในโลกเพื่อเราจะได้สุขสบาย แต่ใจของเราต้องอยู่ที่พระเจ้า ไม่ใช่ทรัพย์ “สำหรับคนที่มั่งมีฝ่ายโลก จงกำชับเขาอย่าให้มีมานะทิฐิ หรือให้เขามุ่งหวังในทรัพย์ที่ไม่เที่ยง แต่จงหวังใจในพระเจ้าผู้ทรงประทานทุกสิ่งเพื่อความสะดวกสบายของเรา” (1 ทิโมธี 6:17)
ข้อ 1 , 2 และ 3 ที่ผมยกมาข้างต้น เป็นสิ่งดีที่เราน่าทูลขอมากที่สุด แต่ คริสเตียนไม่ใคร่จะทูลขอ เราชอบทูลขอแต่ข้อที่ 3 นี้ คือ ทูลขอให้เราสบายขึ้น มีบ้านหลังใหญ่ขึ้น ธุรกิจรุ่งเรืองขึ้น มีรถหลายคัน มีที่ดินมาก ๆ มีเครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่าง เท่าที่โลกนี้ให้เราได้ ไม่ใช่พระเจ้าประทานให้ไม่ได้ แต่พระองค์ทรงดูท่าทีในจิตใจว่าเราต้องการสิ่งเหล่านี้ทำไม มีคริสเตียนไม่น้อยที่มั่งคั่งแล้วลืมพระเจ้า ซาโลมอนเป็นคนหนึ่ง เงินกลายเป็นพระเจ้าของเขา ( มธ 7:24) พระเยซูเล่าถึงเศรษฐีที่รื้อยุ้งฉางเก่า และสร้างยุ้งฉางใหม่ เพื่อตนเอง ว่าเป็นคนโง่ (ลูกา 12:13-21)
การทูลขอความมั่งคั่งและสุขสบายของตนเอง พระเจ้าทรงดูใจของเรา ว่าถูกต้องหรือเปล่า แล้วพระองค์ทรงประทานให้ตามที่ทรงวินิจฉัย ให้เกิดผลดีที่สุดกับลูกที่รักของพระองค์
หลายคนชอบอ้าง ฟิลิปปี 4: 19 “และพระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานสิ่งสารพัด ที่พวกท่านขาดอยู่นั้น จากทรัพย์อันรุ่งเรืองของพระองค์ ในพระเยซูคริสต์” แล้วก็คิดมุมเดียวว่า พระเจ้าต้องให้เรามั่งคั่ง เขาลืมไปว่า เปาโลบอกคริสตจักรฟิลิปปีเช่นนี้ เพราะคริสเตียนชาวฟิลิปปี สนับสนุนการประกาศของเปาโล “เมื่อตอนที่ข้าพเจ้าไปจากแคว้นมาซิโดเนีย ไม่มีคริสตจักรใดมีส่วนร่วมกับข้าพเจ้าในรายรับรายจ่ายเลยนอกจากพวกท่านพวกเดียวเท่านั้น” (ฟิลิปปี 4:15) อย่าลืมว่าพระพรที่พระเจ้าเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงให้ ก็เพราะพวกเขาแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมก่อน ( มัทธิว 6:33) สิ่งดีสำหรับลูก คือ การสร้างนิสัยดี ไม่โลภ รักคนอื่น สำคัญกว่า ความสุขสบาย

แต่อย่าหลงเข้าใจผิดว่า พระเจ้าจะให้อะไรเรายากแสนยาก มันตรงกันข้ามครับ



เมื่อเราเป็นลูก ทูลขอสิ่งดี พระเยซูทรงตรัสให้เรารู้ว่า สิ่งที่เราทูลขอนั้น พระเจ้าประทานให้เราง่ายที่สุด (มัทธิว 7:11) ทรงสำแดงให้เรารู้ว่า พระองค์ทรงปรารถนาให้เราได้สิ่งดีอยู่แล้ว ทรงเปรียบเทียบ ความรักของพ่อในโลก ทีมีต่อลูก มีพ่อคนไหน ลูกขอปลา เอางูให้ ลูกขอไข่ เอาแมลงป่องให้ หรือขอขนมปัง เอาก้อนหินให้ ไม่มีพ่อในโลกที่เป็นอย่างนี้ ขอสิ่งดีให้สิ่งร้าย ยั่วเย้าลูก ( ลูกา 11:11-13) ตรงกันข้าม พ่อพยายามหาสิ่งดีมาให้ลูกเกินกว่าที่ลูกทูลขอ เพราะรักลูก ชาร์ล จี ฟินนี กล่าวว่า เรามีพ่อที่เป็นมหาเศรษฐี เรายากจนข้นแค้น เราขอเงินพ่อ และคิดว่าพ่อจะไม่ช่วย ก็เท่ากับเราดูถูกพ่อว่า ท่านรักเงินทองยิ่งกว่ารักลูก พระเยซูตรัสว่าพ่อผู้เป็นคนบาป พ่อที่ใจร้าย ที่เห็นแก่ตัว ยังไม่ทำอย่างนี้กับลูก ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระบิดาผู้ทรงสถิตในสวรรค์ จะประทานสิ่งดีให้แก่ลูกแน่ ดังนั้นในข้อต่าง ๆ ที่ผมยกมาข้างต้นนั้น ให้เรามั่นใจ ทูลขอ ขอ หาเ คาะ ขอไม่หยุด (ลูกา 11:9-10) มีหรือพระเจ้าจะไม่ประทานให้ เพราะพระองค์ทรงเป็นพ่อที่ประเสริฐยิ่งที่สุด

หากว่าเราขอผิด ขอเพื่อสนองตัณหาของตัวเราเอง พ่อในโลกยังรู้ดีว่า การให้สิ่งนั้นคือการทำร้ายลูก พระบิดาผู้เป็นพ่อในสวรรค์ที่รักเรา ผู้ทรงมุ่งให้สิ่งดีแก่เรายิ่งกว่า ย่อมยับยั้ง และปรับปรุงความคิดเราให้ถูก เสียก่อนที่พระองค์จะทรงเทพรลงมาให้

สุขสันต์วันพ่อครับ




Visitor 237

 อ่านบทความย้อนหลัง