|
พระเจ้า ผู้ทรงหวงแหน
ศบ.
“พระเจ้า ทรงเป็นพระเจ้า ผู้ทรงหวงแหน” (นาฮูม 1:2)
ภาษาอังกฤษ หวงแหน คำนี้ ใช้ศัพท์ Jealous ที่ภาษาไทยแปลอีกอย่างว่า อิจฉา ถ้าแปลว่าพระเจ้าอิจฉา ก็เข้าใจว่าพระเจ้าไม่ดี เพราะ อิจฉาริษยา เป็นความบาป เป็นงานของเนื้อหนัง (กาลาเทีย 5:20) เป็นสิ่งที่เราไม่ควรอิจฉาใคร เช่น เราอิจฉาที่เพื่อนเขาซื้อรถคันใหม่ ขณะที่เรายังขับรถเก่า ๆ
ดีที่คนไทยเราแปลคำนี้ว่า หวงแหน เข้าใจได้ ชัดเจนดี
ผมเคยไปเทศนาที่โบสถ์นครฯ พอเทศน์จบ เขาเปิดโอกาสให้สมาชิก ถามคำถามนักเทศน์ ถามอะไรก็ได้ ช่วงนั้นที่นคร คนเห่อ “จตุคามรามเทพ” กันมาก คนจากจังหวัดอื่น ๆ แห่กันไปชื้อ จตุคามฯ ที่นครฯกันมาก คนนครก็เปิดร้านขายจตุคามกันเป็นการใหญ่ ผมไม่เคยเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อน ร้านขายขนมจีน ร้านขายมอเตอร์ไซค์ก็ติดป้ายขายจตุคาม เกลื่อนเมือง เขาว่าคนนครฯ ช่วงนั้นรวยกันขึ้นมาก คริสเตียนในโบสถ์นครฯ ถามผมว่า “เขาน่ะเชื่อพระเจ้าอยู่แหละ แต่ขอขายจตุคามด้วยได้ไหม ฐานะจะได้ดีขึ้นบ้าง ?” ผมไม่คิดว่าผู้ถามจะมาทำอาชีพนี้จริง ๆ แต่คงอยากฟังความเห็นของผมว่า ผมคิดอย่างไร
ผมกำลังเจอคำถามว่า
“พระเจ้าทรงรู้สึกอย่างไร เวลาเราไหว้รูปเคารพ
ผมก็ถามที่ประชุมว่า “ที่นี่มีใครบ้างที่แต่งงานมีครอบครัว” ที่ประชุมก็ยกมือกันขึ้นมาหลายคน ผู้หญิงมีมากกว่าผู้ชาย ซึ่งเป็นลักษณะธรรมดาทุก ๆ โบสถ์ ผมก็หยิบกระเป๋าเงินของผม ซึ่งผมพกติดตัวออกมาให้ที่ประชุมดู เปิดกระเป๋าออกมา ผมมีรูปถ่ายภรรยา อยู่ในกระเป๋าเงิน ซึ่งเป็นธรรดาของผม ไปไหน ๆ ใช้เงินแต่ละครั้งเปิดกระเป๋า ก็จะเห็นรูปภรรยา ส่วนที่นิ้วนางมือซ้ายของผมมีแหวนทองคำเกลี้ยง ซึ่งผมสวมมาตั้งแต่วันแต่งงาน นานกว่า 40 ปีแล้ว ภรรยาเป็นคนสวมให้ในวันแต่ง พี่น้องผู้หญิงทั้งหลายที่ฟังผมก็คงนึก ภูมิใจผมแทนภรรยา ผมถามที่ประชุมว่า สมมุติว่าวันหนึ่ง ภรรยามาเปิดกระเป๋าเงิน เห็นรูปผู้หญิงสาวคนอื่น ภรรยาจะคิดอย่างไร ถ้าวันหนึ่งผมถอดแหวนวันแต่งออก เอาแหวนวงใหม่ที่สาวอื่นมอบให้ มีชื่อสาวสลักเป็นที่ระลึกไว้ที่แหวน มาสวมแทน ภรรยาจะเฉย ๆ หรือ คุณผู้หญิงทั้งหลายที่เป็นภรรยา หากในกระเป๋าเงินสามีของท่านมีรูปผู้หญิงสาวอื่น อยู่ในกระเป๋าท่านจะ โอ เค ไหม? เขาเอาแหวนวงอื่น มาสวมแทน ท่านจะโอ เค ไหม?
โดยไม่ได้นัดหมายกัน ผู้หญิงทั้งหลายในโบสถ์ ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่ โอ เค แน่นอน” หากสามีของท่านอ้างว่า “ไม่มีอะไร ไม่ได้มีอะไรกัน แค่เอารูปถ่ายเขามาติดไว้ในกระเป๋าเงินเท่านั้น แค่เอาแหวนของเธอมาสวมแทนเท่านั้น เชื่อผมเถอะ ผมยังรักคุณเสมอ ท่านจะเชื่อเขาไหม?” ไม่มีผู้หญิงคนไหน ในที่ประชุม ตอบ ว่าเชื่อสักคน บางคนลั่นปากออกมาว่า “ไม่มีอะไรกัน ทำไมเอารูปเธอมาไว้ในกระเป๋าสตางค์” บางคนบอกผมว่า “ทำยังงี้บ้านแตกแน่” รูปถ่ายสาวอื่นในกระเป๋า บ่งบอกใจของสามี และไม่มีภรรยาคนไหนยอมรับการนอกใจได้ ผู้หญิงทั้งหลาย ท่านเป็นภรรยาที่ “หึงหวง” ท่านหวงแหงนคนรักของท่านใช่ไหม พระเจ้าทรงหวงแหงนท่านเช่นเดียวกัน
แต่เราทำกับพระเจ้า
สามีบางคน อ้างว่าตอนแต่งงานกัน ตนเป็นคนไปสู่ขอ ตอนหมั้นหมาย ตนคือคนจ่ายค่าของหมั้นด้วยราคาสูง ผมไม่ทราบว่าท่านซื้อภรรยามาหรือยังไง บางคนยังอ้างว่า เมื่อแต่งแล้ว ตนคือคนทำมาหากินหาเงินหาทองมาเลี้ยงภรรยา ตอนอยู่เป็นคู่เคียงเรียงหมอน ท่านจึงคิดว่าท่านจะเลือกใครที่ไหนต่อไปอีกย่อมเป็นสิทธิของท่าน ท่านพูดราวกับภรรยาคือทาสของท่าน ซึ่งในความเป็นจริง คู่สามีภรรยาต้องซื่อสัตย์ต่อกันทั้งสองฝ่าย พอกัน ผมเคยประกอบพิธีให้หลายคู่ในงานสมรส บางคู่ สามีรำรวย ภรรยายากจน บางคู่สามียากจน ภรรยาร่ำรวย ในพิธีทั้งคู่ให้คำปฏิญาณว่าจะต้องสัตย์ซื่อต่อกัน เหมือนกัน ทั้งสองรับปากว่า “ข้าพเจ้าของสัญญา” เหมือนกัน ถ้อยคำเดียวกัน ถ้าท่านไม่รับปากเช่นนี้ ต่อให้ท่านมั่งคั่งแค่ไหน มีหรือที่พ่อแม่เจ้าสาวจะยกเธอให้ท่าน “การนอกใจ” โดยอ้างสิทธิอื่นใด จึงไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง
เราคือผู้เป็นหนี้พระเจ้ามากล้นพ้นตัว
เมื่อพระเจ้าสร้างเรา ทรงสร้างตามแบบพระฉายของพระองค์ ไม่เหมือนสัตว์ เราเป็นที่รักของพระองค์ โลกที่พระองค์จัดเตรียมให้เรานั้น ล้ำเลิศ ดีที่สุด ให้เราได้อยู่อย่างสุขสบาย ผมขอบรรยายเรื่องนี้ ย่อ ๆ ตั้งแต่ก่อนที่เราเกิดมา ทรงสร้างตัวเราขึ้นในครรภ์มารดา อย่างเหลือเชื่อ กษัตริย์ดาวิดกล่าวว่า “พระองค์ทรงกระทำให้ข้าพระองค์แปลกประหลาด อย่างน่ากลัว พระราชกิจของพระองค์อัศจรรย์ ” (สดุดี 139:14) ระบบต่าง ๆ ในร่างกายเรา เป็นฝีพระหัตถ์มหัศจรรย์ เรามีระบบโครงกระดูกเป็นโครงร่างของเรา มีระบบกล้ามเนื้อ และผิวหนังให้เราแข็งแรงและสวยงาม มีระบบย่อยอาหาร และระบบหายใจ ให้พลังแก่เซลล์ของร่างกาย มีระบบไหลเวียนของโลหิต ให้เรามีชีวิตชีวา มีระบบประสาทควบคุมการสื่อสารภายใน เก่งยิ่งกว่าองค์การโทรศัพท์ มีระบบขับถ่ายของเสียออกไป ให้เราเปล่งปลั่งอยู่เสมอ และมีระบบสืบพันธุ์ให้เรา มีลูกมีหลานได้ เราเป็นหนี้พระองค์ทุกลมหายใจ
เกิดมาแล้วก็ทรงมีอาหารให้เราพร้อมมูล ตั้งแต่น้ำนมจากครรภ์มารดา ร่างกายต้องการอาหาร 5 หมู่ คาร์โบไฮเดรท โปรตีน ไขมัน เกลือแร่ และวิตามิน ทรงสร้างเตรียมไว้ให้เราทั้งหมด ในรูปแบบของข้าว เมล็ดพันธุ์ ผัก ผลไม้ หมู เห็ด เป็ด ไก่ ปลา ทั้งเอร็ดอร่อย ตามฤดูกาล น่ารับประทานและมีประโยชน์ เรามีต้นไม้ภูเขา ลำธาร ท้องทะเล ท้องฟ้าอากาศที่สวยงาม เราชื่นชมกับป่าเขาลำเนาไพร เมฆ หมอก เราถ่ายรูปความงามของธรรมชาติ มาลงเฟสบุ๊ค ใส่อัลบัม เรานำไม้สน ไม้สัก ยางพารา แร่เหล็ก ดีบุก เงิน มาสร้างบ้าน สร้างรถยนต์ เรือกลไฟ เครื่องบิน เราเอาฝ้ายมาทอเป็นเสื้อผ้า สวมใส่สวยงาม เราเอาสีจากธรรมชาติมาย้อมเสื้อผ้า ทาสีบ้านให้ดูสดใส เรานำทองคำ เพชรนิลจินดามาประดับกายให้ดูหรูหรา เก๋ไก๋
ทรงเตรียมให้เราด้วยความรัก ที่ไม่ธรรมดา เหมือนพ่อหนุ่มเตรียมเรือนหอให้เจ้าสาว
สร้างสรรค์ครันครบไว้ ประเสริฐดี
พืชสัตว์สารพัดมี เพื่อให้
เราอิ่มเอมเปรมปรีดิ์ แนบสนิท
ดั่งเรือนหอรอไว้ รับเจ้าสาวสวย
มนุษย์ทำให้พระเจ้าเจ็บปวดพระทัย
พอเราใช้ชีวิต ในโลก เรากลับไม่สนใจใยดีในพระองค์ ไม่เพียงแค่นั้น เรากลับ “นอกใจ” พระองค์ แทนที่จะรัก เทิดทูน โมทนา พระองค์เป็นสุดยอดในดวงใจของเรา เรากลับมีพระอื่นในกระเป๋าสตางค์ของเรา เรากราบไหว้ เทิดทูน ทั้ง ๆที่สิ่งอื่นไม่เคยให้อะไรเรา เราพูดเหมือนนางโกเมอร์ ที่นอกใจโฮเชยา ว่า “ฉันจะไปหาผัวคนแรกของฉัน เพราะแต่ก่อนนั้นฐานะฉันยังดีกว่านี้ แต่นางหาทราบไม่ว่า เราเป็นผู้ให้ ข้าว เหล้าองุ่น และน้ำมัน ได้ให้เงินทองแก่นาง ซึ่งเขาใช้สำหรับพระบาอัล” ( โฮเชยา 2:8)
เราทำให้พระองค์ ที่รัก และหึงหวงเรา เจ็บแค้นในพระทัย
เราเป็นของพระคริสต์ พระองค์คือเจ้าบ่าว
ผู้เชื่อทั้งหลาย วันนี้เราคือเจ้าสาวของพระคริสต์
เปาโลพูดกับคริสเตียนเมืองโครินธ์ “เพราะว่าข้าพเจ้าหวงแหนท่านอย่างที่พระเจ้าทรงหวงแหน เพราะว่า ข้าพเจ้าได้หมั่นพวกท่านไว้สำหรับสามีผู้เดียว เพื่อถวายพวกท่านให้แก่พระคริสต์ เป็นพรหมจารีบริสุทธิ์” (2 โครินธ์ 11:2)
เปาโลพูดอย่างนี้ เตือนใจพวกเขาให้สัตย์ซื่อ ไม่หลงตามคำล่อลวงให้ “นอกใจ” พระคริสต์
อดีตที่เราไม่สัตย์ซื่อต่อพระผู้สร้าง ไม่ได้ถวายพระเกียรติ ไม่ได้ขอบพระคุณ เราตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย เปาโลว่า “เรากลับคิดในสิ่งไร้สาระ จิตใจโง่เขลาของเราก็มืดมัวไป เราอวดอ้างว่าเป็นคนมีปัญญา เราจึงกลายเป็นคนโง่เขลาไป..พระเจ้าทรงปล่อยเรา..เราจึงรับผลกรรม” ( โรม 1:21-27)
เหมือนนางโกเมอร์ นอกใจโฮเชยาห์ จนเธอต้องตกไปเป็นทาส เพราะชายชู้ของเธอช่วยอะไรเธอไม่ได้ วันหนึ่งโฮเชยาห์ไปพบเธอ ที่ตลาดค้าทาส เธอก้มหน้าไม่มองใคร แต่โฮเชยาห์ก็ไถ่เธอกลับคืนมา เหมือนพระคริสต์ทรงไถ่เรากลับมาโดยไม้กางเขนของพระองค์ นี่คือพระคริสต์เจ้าบ่าวผู้ทรงรักเรา ทรงหวงแหนเรา ทรงมอบชีวิตของพระองค์ให้เรา
ผู้เชื่อทั้งหลาย ท่านคือเจ้าสาวของพระคริสต์ ที่พระองค์ทั้งรัก ทั้งหวง ทั้งห่วง เราคือเจ้าสาวผู้ที่พระองค์ทรงไถ่มาด้วยราคาสูง
เราจะตอบสนองความรักของพระองค์อย่างไร
1. แต่ละวัน เราสัมพันธ์กับพระองค์โดยการพูดคุยสนทนากับพระองค์หรือเปล่า เราคุยกับคนได้ทั้งโลกทุกวัน คุยสารพัดเรื่อง แต่เวลาคุยกับพระองค์เราคุยแค่คำสองคำ อย่างเสียไม่ได้ อย่างคนไม่มีเวลาให้พระองค์หรือเปล่า ถ้าเป็นในบ้าน สามีถามคำตอบคำ แต่พอคุยกับชายอื่นคุยจ้อ ขโมงโฉงเฉง สามีจะคิดอะไร บางคนตอบคนโน่นคนนี้ในไลน์ โต้กันไปกันมา ราวกับจะเขียนตำรา “บทสนทนา” วางขายในตลาดได้ แต่บทสนทนาระหว่างเรากับพระเยซูเงียบกริบ เราทำให้พระองค์หึงหวงเราหรือเปล่า
2. แต่ละวัน พระองค์มีจดหมายรักถึงเรา คือพระคัมภีร์ เราอ่านหรือเปล่า หรืออ่านอย่างขอไปที เราอ่านบทความในเฟสบุ๊ค ในหนังสือ ดูยูทูป ดูได้เป็นชั่วโมง ๆ แต่สิ่งที่พระองค์เขียนถึงเรา เรากลับไม่รู้ ทั้งดูไม่อยากจะรู้เสียด้วยหรือเปล่า ถ้าสามีของท่านไปต่างจังหวัดสัก อาทิตย์ โทรศัพท์กลับมาเพราะอยากคุยกับท่าน สายของท่านไม่เคยว่าง แต่ท่านมีเวลาฟังพ่อหนุ่มพูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้เป็นชั่วโมง ๆ สามีจะไม่หึงหวงหรือ
3. แต่ละวัน ท่านมีชมเชยคนนั่นคนนี้ ทั้งต่อหน้าและลับหลังสามี เขาดีอย่างนั้นอย่างนี้ สรรเสริญเยินยอ ความสามารถ บุญคุณ ทั้งชมเขาในเฟสบุ๊ค เป็นคำพูด เป็นเสียงเพลง แต่งบทเพลง เป็นคำกลอน ชมเชย ยกย่อง สร้างดนตรี เผยแพร่ เขียนเป็นภาพ ทำเป็นหนัง ใช้เวลาครุ่นคิด
ไต่ตรองอย่างดี แต่สามีของท่านเอง ท่านเอื้อนเอ่ยถึงคุณความดีของเขาไม่ออก เขาแต่งเพลงเรื่องสามีของท่านมาให้ท่านร้องท่านก็ร้องไป โดยไม่เคยสำนึกในเนื้อหา สามีคงจะหึงท่านอย่างยิ่ง พระเจ้าจะไม่ทรงหวงแหนท่านในเรื่องนี้หรือ
4. เวลามีปัญหา ท่านบอกใคร เป็นคนแรก ท่านโทร วุ่นไปหมด หรือ อธิษฐาน
5. ในบ้านของท่าน ท่านเอารูปใครมาแขวนไว้ในห้องรับแขก
6. เมื่อท่านเข้าสังคมกับเพื่อนฝูง เขาถามถึงคู่ครองของท่าน ท่านพูดถึงพระเอกของท่านว่าเป็นอย่างไร ท่านกลับพูดไม่ออก เล่าไม่เป็น ราวกับคู่ของท่านเป็นมนุษย์ต่างดาว แต่พอให้เราเล่าเรื่องเจ้านายในที่ทำงาน ท่านคุยได้เป็นฉาก ๆ คุยว่าเขาดีกับท่านอย่างไร เขามีนิสัยยังไง เขาชอบอะไร
ถ้าภรรยา เป็นอย่างนี้ สามีของท่านจะรู้สึกอย่างไร ทำนองเดียวกัน พระเยซูจะไม่ทรงหึงหวงหรือ ที่ท่านไม่ได้เป็นพยานให้พระองค์สักคำ แต่คุยเรื่องดาราในดวงใจ ไอดอลที่ท่านโปรด โพสต์ลงในเฟสบุ๊ค เขียนบรรยายสุดซึ้ง พระองค์จะรู้สึกอย่างไร
หึงหวงก็เพราะรักมากน่ะซี
จากวันนี้เป็นต้นไป ขอให้คนรักของท่าน ได้ชื่นใจกับท่านครับ
|
|
|