เอโนค เป็นที่พอพระทัย

ศบ.

 

เพราะ​เอ​โนค​มี​ความ​เชื่อ ฉะนั้น​พระ​เจ้า​จึง​ทรง​รับ​ท่าน​ขึ้น​ไป เพื่อ​ไม่ให้​ท่าน​ประสบ​กับ​ความ​ตาย ไม่​มี​ผู้ใด​พบ​ท่าน เพราะ​พระ​เจ้า​ทรง​รับ​ท่าน​ไป​แล้ว ก่อนที่​ทรง​รับ​ท่าน​ขึ้น​ไป​นั้น มี​ผู้​เป็น​พยาน​ว่า​ท่าน​เป็น​ที่​พอ​พระ​ทัย​ของ​พระ​เจ้า   

 

          แต่​ถ้า​ไม่​มี​ความ​เชื่อ​แล้ว จะ​เป็น​ที่​พอ​พระ​ทัย​ของ​พระ​เจ้า​ก็​ไม่ได้​เลย เพราะ​ว่า​ผู้​ที่​จะ​มา​เฝ้า​พระ​เจ้า​ได้​นั้น ต้อง​เชื่อ​ว่า​พระ​องค์​ทรง​ดำรง​พระ​ชนม์​อยู่ และ​พระ​องค์​ทรง​เป็น​ผู้​ประทาน​บำเหน็จ​ให้แก่​ทุก​คน​ที่​แสวงหา​พระ​องค์​   ฮีบรู 11:5-6

 

           เอโนค  เป็นคนรุ่นที่ 7  นับแต่อาดัม ท่านมีอายุ  65 ปี จึงมีบุตรชื่อเมธูเสลา จากนั้นท่านก็ดำเนินชีวิตกับพระเจ้าอีก 300  ปี  รวมอายุของเอโนค 365  ปี เอโนคหายหน้าไป  พระเจ้าทรงรับเขาไป โดยไม่ผ่านความตายเลย  เอโนค เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า (ปฐมกาล 5:21-24  ฮีบรู 11:6-5)  

 

            ”เอโนค” เป็นผู้สืบ               พงศ์พันธุ์”

                 เสท” วงศ์ทรงสรร               รุ่นห้า

                ใช้ชีวิตตะละวัน               ชิดพระเจ้า

               ศรัทธาแรงแข็งกล้า    เลิศหล้าพอพระทัย

        

                  ดำเนินเพลินกับไท้                ดั่งสหาย

                    สนทนารักทักทาย             ค่ำเช้า

                   ทรงนำข้ามความตาย               แปลกมนุษย์

                   เอโนค ลาโลกเข้า                        สู่ฟ้ากายาทิพย์


                

 

       หวานชื่นแท้

 

      สมัยของเอโนคพระคัมภีร์บรรยายผู้คนในสังคมว่า เค้าความคิดของเขาล้วนเป็นเรื่องร้ายเสมอไป  คือ  คิดแต่จะได้   คิดแต่จะทำตามอำเภอใจ  คิดชั่ว  พระเจ้าทรงทอดพระเนตรดูใจของคนแต่ละคน ๆ พระองค์ผิดหวัง “เสียพระทัยที่ได้สร้างมนุษย์มา” (ปฐมกาล 6:5-6) พระเจ้าทรงโทมนัส  เศร้าพระทัยอย่างยิ่ง แต่เอโนคใช้ชีวิตไม่เหมือนคนในสังคม เขาดำเนินชีวิตกับพระเจ้า  ตั้งแต่เยาว์วัย จนจากโลกนี้ไป ไม่ใช่วันสองวัน  ปีสองปี ไม่ใช่ขึ้น ๆ ลง ๆ บางครั้งใกล้ชิดพระเจ้า  บางครั้งห่างเหิน  แต่เอโนคดำเนินกับพระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อ เสมอต้นเสมอปลาย

 

          โลกทุกวันนี้  ใกล้วันพระเยซูเสด็จกลับมา  ความชั่วช้าของคนเราไม่ต่างกัน  แต่พระเจ้ายังทรงปรารถนาได้สหายที่ดำเนินชีวิตกับพระองค์ อย่างเอโนค  เอโนค เองเคยพยากรณ์ไว้ว่า “นี่แน่ะ  องค์พระผู้เป็นเจ้าได้เสด็จมาพร้อมกับผู้บริสุทธิ์ของพระองค์ เป็นหมื่น ๆ เพื่อพิพากษาปรับโทษคนทั้งปวง  ทรงกระทำให้ทุรชนทั้งปวง  รู้สึกตัวถึงการอธรรมที่เขาได้กระทำด้วยใจชั่ว  และรู้สึกตัวถึงการหยาบช้าทั้งหมดที่ทุรชนคนบาปเหล่านั้นได้กล่าวร้ายต่อพระองค์  คนเหล่านั้นมักเป็นคนบ่น  พร่ำทับถมตัวเอง และประพฤติตามตัณหาอันชั่วของตัว คุยอวดเสียงขรม และยกยอผู้อื่นเพื่อประโยชน์ของตน” (ยูดา 14-16) 

 

          มีผู้เป็นพยานว่า ท่านเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า

 

         เรารู้ว่าพระเจ้าพอพระทัย  ก็เพราะมีผู้เป็นพยาน  พระคัมภีร์ฉบับอธิบายใช้คำว่า  “เพราะก่อนหน้านั้น  เขาได้รับการยกย่องว่า  เป็นผู้ที่พระเจ้าพอพระทัย” ใครยกย่องเขา ใครเป็นพยานให้เขา  เป็นไปได้ที่ (1)  พระเจ้าเองทรงยกย่องเขา และ (2) คนอื่นเป็นพยานให้เขา  

   โลกสมัยนั้นพระคัมภีร์บรรยายว่าชั่วช้า  ผมก็เดาว่าสังคมสมัยนั้นคงไม่ยกย่องอะไรเขาหรอก  คงจะแช่งด่าเสียด้วยซ้ำ  ว่าใช้ชีวิตเป็นแกะดำ  ทำตัวเป็น”พระ” อยู่ได้  ไม่เอาใคร  แต่เอโนคไม่หวั่นไหว  ไม่ลอยช้อนตามเปียก  เหมือนลางคนว่า  “เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม”  เสียงอย่างนี้เอโนคไม่สนใจ   ดังนั้นบุคคลที่ยกย่องเขา รับรองเขา  เป็นพยานให้เขาคือพระเจ้าเองต่างหาก  พระเจ้าพอพระทัย  พระเจ้าเคยชมโยบให้มารฟัง   พระบิดาเคยชื่นชมพระเยซู  เมื่อพระองค์รับบัพติสมากับยอห์น บัพติสโต  ว่า  “ท่านนี้เป็นบุตรที่รักของเรา   เราชอบใจท่านมาก”  พระเจ้าทรงภาคภูมิในตัวเรา  เวลาเราทำให้พระองค์พอพระทัย   

 

         เอโนค  ดำเนินชีวิตอย่างไร  ให้เป็นที่พอพระทัย

 

เอโนค เชื่อพระเจ้า 

 

         ฮีบรู 11:5 บอกว่า  เอโนคเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า  และบรรทัดถัดมา (11:6) กล่าวว่า  “แต่ถ้าไม่มีความเชื่อแล้วจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าไม่ได้เลย  เพราะว่าผู้ที่มาเฝ้าพระเจ้าได้นั้นต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่  และประทานบำเหน็จแก่คนที่แสวงหาพระองค์”  ถ้าเรามิได้เป็นผู้เชื่อ  เป็นลูกพระองค์  ถ้าเราไม่เชื่อว่าโลกนี้  พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่จริง  พระองค์จะพอพระทัยได้อย่างไร พระเจ้าประทานพระบุตรเข้ามาในโลกเพื่อไถ่โทษ  เมื่อเราวางใจ หรือเชื่อพระองค์  พระเจ้าทรงอภัย  หากเราไม่เชื่อ  พระเจ้าจะพอพระทัยได้อย่างไร  

 

2.    เอโนค ดำเนินชีวิตในศีลธรรม  

 

       อย่างที่กล่าวแล้ว ขณะที่คนพากันทำผิด  ทำชั่ว  เอโนคใช้ชีวิตสวนกระแสสังคม   บางคนบอกว่า   การดำเนินชีวิตที่ดี ไม่จำเป็น   เพราะถ้าเราเชื่อพระเยซู   พึ่งคุณความดีของ   


                          

 

พระเยซู  พระเจ้าก็จะพอพระทัย จริงหรือ  หากเราเดินออกนอกทางพระเจ้า  ทำบาปต่อไปเรื่อย ๆ  จิตสำนึกจะไม่ฟ้องร้องเราหรือ ใจที่ฟ้องร้อง  พระวิญญาณบริสุทธิ์จะรับรอง  และยืนยันว่า เราเป็นที่พอพระทัยได้อย่างไร (1 ยอห์น 3:19-21)  เปาโลว่า  อย่าประพฤติตามคนในยุคนี้...เพื่อท่านจะทราบน้ำพระทัยของพระองค์” ( โรม12:2)

 

3.     เอโนค  เสมอต้นเสมอปลาย   

 

       อย่างที่ยกมากล่าวข้างต้น 300  ปีหลังมีบุตร  ชื่อ เมธูเสลา   ท่านสัตย์ซื่อ  มั่นคงมาก  ไม่วอกแวก  พระเยซูตรัสว่า  ผู้ใดจับคันไถ  แล้วหันหน้ากลับเสีย  ไม่สมควรกับแผ่นดินของพระเจ้า(ลูกา 9:62)

 

4.     เอโนค  เรียนรู้จักพระทัยพระเจ้า   

 

         พระธรรมอาโมส  3:3   กล่าวว่า   “สอง​คน​จะ​เดิน​ไป​ด้วย​กัน​ได้​หรือ นอก​จาก​ทั้ง​สอง​จะ​ได้​ตก​ลง​กัน​ไว้​ก่อน”   ดำเนินชีวิตด้วยกัน ก็ต้องเรียนรู้ใจกัน  เอโนคดำเนินกับพระเจ้า  ย่อมต้องรู้จักพระทัย   ท่านรู้ได้อย่างไร   เอโนคก็ต้องสนทนากับพระเจ้า  พูด กราบทูล        และฟังพระดำรัส  ทำความเข้าใจพระดำริ  ไม่แปลกเลยที่เอโนค       รู้เรื่องการที่พระเยซูจะเสด็จกลับมาครั้งที่สอง   แน่นอน   ท่านต้องรู้เรื่องการเสด็จมาครั้งแรก เพื่อไถ่โทษบาปของพระเยซู   เอโนค รู้มากกว่านั้น  คือรู้ใจคนยุคสุดท้าย ล่วงหน้า ( ยูดา 14-16)  ท่านทราบได้อย่างไร  ในการสนทนา  พระเจ้าตรัสบอกท่าน   ถ้าเราจะเป็นที่พอพระทัยพระองค์   เราต้องใกล้ชิดพระเจ้า  อ่านพระคัมภีร์   อธิษฐาน  เปิดหูออกฟังพระสุรเสียง

 

5.     เอโนค  ปรารถนาทำให้พระเจ้าพอพระทัย  

 

        ในพระธรรม ฮีบรู 11:6 นอกจากเราจะต้องเชื่อว่าพระเจ้าทรงพระชนม์อยู่  เราต้องเชื่อว่าด้วยว่า  “พระเจ้าประทานบำเหน็จ ให้แก่ทุกคนที่แสวงหาพระองค์”  คำว่าแสวงหา  แปลว่าพยายาม  เอโนคพยายามครับ  ท่านเสาะแสวงหาพระองค์  มุ่งหน้าทำสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย  ท่านมิได้นิ่งเฉย  ธรรมดา  การพยายามทำให้ใครสักคนพอใจอกพอใจ  เราต้องออกแรง  พยายาม  ทำสิ่งที่เขาชอบ เช่น  ซื้อของไปฝาก  ชวนเขาไปเลี้ยง  ชมเชยเขา  ปรนนิบัติพินอบพิเทา  เพื่อจะได้

 

                                 

 

    ใจเขา  ให้เขามีความสุข    การทำให้คนพอใจอาจทำเพื่อประโยชน์ส่วนตนก็มี  เอโนค เองยังทำนายไว้ว่ายุคสุดท้ายจะมีคนที่ “ยกยอผู้อื่น เพื่อหวังประโยชน์ของตน” (ยูดา 16)  คือ  ยกยอคน  อย่างฉายาของชูชก  ว่า “ยกยอ ย่ามใหญ่”   ครับ  ก็เป็นธรรมดา  ที่คนเรามักมุ่งทำให้คนนั้นคนนี้พอใจ   แต่อาจมีไม่มาก   ที่มุ่งหวัง  พยายามทำให้พระเจ้าพอพระทัย  เอโนค พยายามทำให้พระเจ้าพอพระทัย  แม้คนไม่ชอบ  แต่พระเจ้าชอบ  เอโนคก็เลือกทำสิ่งที่พระเจ้าชื่นชอบ 

 

6.     เอโนค รับใช้พระเจ้า  

 

        บางคนบอกว่า  เอโนค  เป็นผู้เผยพระวจนะ  ที่กล่าวถึงพระประสงค์ให้คนทราบ  ครับ  ท่านเป็นผู้ประกาศด้วย  ที่แน่นอนที่สุดชีวิตของท่านประกาศ  คนที่รู้จักชีวิตของท่านจึง  เป็นพยานว่า ท่านเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า  ลูกของท่าน  คือ เมธูเสลาคงจะเป็นลูกที่อยู่ในโอวาทด้วย  เมธูเสลา  จึงมีอายุยืนยาวที่สุดในบรรดาคนที่เคยเกิดมาในโลก คือ 969 ปี  เพราะพระเจ้าสัญญาว่าลูกที่เชื่อฟังจะมีอายุยืนครับ( เอเฟซัส 6:2) 

 

7.      เอโนค  ยอมสละตนเอง เพื่อให้พระเจ้าพอพระทัย

 

         เวลาความต้องการของเรา  ขัดกับพระประสงค์ของพระเจ้า  เอโนค เลือกเสียสละความต้องการของตนเอง พระเยซูเคยตรัสว่า  บ่าวที่ทำตามใจนาย   กลับมาจากทุ่งนา กายก็เหนื่อย  ท้องก็หิว   ส่วนนายก็ยังไม่กินข้าวเหมือนกัน   บ่าวที่ดี ไม่คิดถึงตัวเอง   ด้วยความเต็มใจ เขารีบไปหุงข้าวให้นายกินก่อน  (ลูกา 17:7-10)  เปาโลเคยชมทิโมธีว่า  คนอื่นแสวงหาประโยชน์ของตนเอง  แต่ทิโมธีแสวงหาประโยชน์ของพระเยซูคริสต์  (ฟิลิปปี 2:21)  ไม่มีแบบอย่างอันใดยิ่งใหญ่กว่าพระเยซู   พระองค์ทรงเสียสละ  ทนความทุกข์ยาก  ยอมแม้ถึงความมรณาที่ไม้กางเขน  

 

        ให้เราดำเนินชีวิตเป็นที่พอพระทัย ถึงสวรรค์อย่างเอโนค น่ะครับ                              

 



Visitor 685

 อ่านบทความย้อนหลัง