เชื่อว่าทำได้ 

ศบ.

     พระเยซูตรัสตอบสาวกว่า “จงเชื่อในพระเจ้าเถิด  เราบอกความจริงแก่ท่านว่า  ถ้าผู้ใด ๆ จะสั่งภูเขานี้ว่า  จงถอยไปลงทะเล  และมิได้สงสัยในใจ  แต่เชื่อว่าจะเป็นไปตามที่สั่งนั้น  ก็จะเป็นตามนั้นจริง”  เหตุฉะนั้น  เราบอกท่านทั้งหลายว่า  ขณะเมื่อท่านอธิษฐานพระเจ้าขอสิ่งใด  จงเชื่อว่าจะได้รับ  และท่านจะได้รับสิ่งนั้น”

         หนังสือที่สอนให้เราคิดในแง่บวก   มีขายเต็มท้องตลาด  พูดว่า  ถ้าเราเชื่อว่าทำได้ เราจะทำได้  ผู้เขียนส่วนมาก  จะเน้นเรื่อง  พลังจิต พลังความตั้งใจจริงของคนเรา   ซึ่งเราแต่ละคนต้องสร้างขึ้น ฟังเผิน ๆก็ว่าพระเยซูทรงสอนเหมือน  ตำราเหล่านั้น แต่ความจริงพระองค์สอน แตกต่างครับ คือ  สอนให้สาวก ให้วางใจพระเจ้า “จงเชื่อในพระเจ้าเถิด” หากเขาอธิษฐานทูลขอสิ่งใด   แม้สิ่งที่ทูลขอจะเป็นปัญหาใหญ่โตเหมือนภูเขาเลากา โดยมิได้สงสัย  เขาจะได้รับสิ่งนั้น  พระดำรัสของพระเยซู  มี  เงื่อนไขบางประการ ดังนี้

     1. สำหรับสาวก   

        พระสัญญานี้  พระองค์ตรัสกับสาวก  ผู้เชื่อ  ไม่ใช่ผู้ที่ไม่เชื่อพระเจ้า   ปกติสาวก  เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง  พระองค์ทรงสร้างทุกสิ่งในโลก  เชื่อว่าพระเยซู  เป็นพระบุตรผู้เสด็จมาไถ่โทษบาปผู้ที่กลับใจ  เชื่อพระองค์   เชื่อพระคัมภีร์ว่าเป็นพระวจนะของพระเจ้า  ทุกสิ่งพระคัมภีร์สอน   เชื่อว่าเป็นความจริงทั้งสิ้น  ทั้งเชื่อว่าพระเจ้ารับเราเป็นลูกของพระองค์ด้วย   “ปราศจากความเชื่อแล้ว  จะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าไม่ได้เลย   เพราะผู้ที่มาหาพระเจ้านั้นต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่  และประทานบำเหน็จแก่ผู้ที่แสวงหาพระองค์”  

    2.  เชื่อพระเจ้า  

      เมื่อเราเป็นลูกของพระองค์แล้ว  เราก็ต้องไว้วางใจพระองค์  เหมือนลูกวางใจพ่อ ดังนั้น  รากฐานของการรับคำตอบ  ไม่ได้อยู่ที่พลังจิตอันกล้าแกร่ง แต่อยู่บนการไว้วางใจพระเจ้า  กิเดโอน  เป็นคนขี้ชลาด  เขาหนีพวกมีเดียนที่เข้ามาบุกรุก  เขาหลบลงไปนวดข้าวในบ่อย่ำน้ำองุ่น  ให้พ้นสายตาพวกมีเดียน  แต่เมื่อพระเจ้าทรงใช้เขา   เขาต้องการความมั่นใจว่าเป็นพระดำรัสจากพระเจ้า เขาทดสอบ  พอเขาแน่ใจว่า  เป็นดำรัสพระเจ้าแน่  เขายืนหยัดสู้กับพวกมีเดียน  ครั้งแรกเขาเป่าเขาสัตว์   เรียกคนอิสราเอลให้ออกมารบ  มีคนออกมารบสามหมื่นสองพันคน โทษที  พวกมีเดียนมีเป็นแสน  แต่กิเดโอนก็วางใจพระเจ้าว่าชนะได้  พระเจ้าทรงให้ลดทหารลงโดย  ครั้งแรกบอก พวกเขาว่าใครกลัว  ก็อนุญาต กลับไปบ้านตัวเองได้  กลับไปสองหมื่นสองพันคน   เหลืออยู่แค่หมื่นเดียว พระเจ้ายังเห็นว่ามากไป  ให้กิเดโอนพาทหารเหล่านี้ไปดื่มน้ำ  ที่ลำธารเฮโรด  ใครก้มลงดื่มน้ำอย่างสุนัข  คือไม่ลืมหูลืมตา ไม่ระแวดระวังศัตรู  ก็ให้คัดออก  ใครวักน้ำขึ้นมาดื่มอย่างคนระวังข้าศึก  ก็ให้คัดเอาไว้  เป็นการคัดวินัยทหารยังไงล่ะ คราวนี้เหลือทหารที่วักน้ำขึ้นมาดื่ม แค่ 300 คน  พระเจ้าตรัสกับกิเดโอนว่า  พระเจ้าจะใช้ 300 คนนี้แหละสู้กับพวกมีเดียน  กิเดโอนวางใจพระเจ้า  เชื่อว่าวางใจพระเจ้าต้องชนะ  แล้วพระเจ้าก็ให้พวกเขา 300  คนชนะโดยทำสงครามจิตวิทยา   กระจายกันอยู่บนภูเขารอบค่ายพวกมีเดียน  จุดคบเพลิงขึ้นพร้อมกัน พร้อมทั้งตะโกนสั่งทัพ  เท่านั้นพวกมีเดียนก็ตกใจ  ฆ่ากันตายเป็นเบือ   

    ในพระคัมภีร์มีตัวอย่างเรื่องอย่างนี้เต็มไปหมด ไม่ว่าเรื่องโนอาห์  อับราฮาม  อิสอัค ยาโคบ  โยเซฟ  โมเสส   ดาวิด  เอลียาห์ ที่สำคัญ  การวางใจพระเจ้า เราจะไม่เครียด  ไม่วุ่นวายใจ  เพราะเราก้าวเดินในพระดำรัสของพระองค์ ไม่ใช่การย้อมจิต  เค้นความคิดขึ้นมาเอาชนะปัญหา และลูกพระองค์มีสิทธิใช้ความเชื่ออย่างนี้ได้ทุกคน ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าสัว พ่อเลี้ยง  นักธุรกิจ  หรือนักการเมือง

     3. แม้ยาก  ก็เชื่อว่าทำได้ 

    คนที่วางใจ  ไม่สงสัยพระสัญญา  เพราะเชื่อว่าพระเจ้าจะช่วยให้ทำได้  ไม่ใช่วันหนึ่งเชื่อ  อีกวันเลิกเชื่อไปแล้ว  ครั้งแรกคิดว่าทำได้  ต่อมาชักไม่มั่นใจว่า  พระเจ้าจะช่วยเขาหรือไม่   เหมือนคลื่นในทะเล  ซัดไปซัดมา ยากอบ ว่า คนอย่างนี้ไม่ได้อะไรจากพระเจ้า  แปลว่าอะไร   การเอาชนะปัญหาทุกอย่างย่อมมีอุปสรรค   เขาไม่หวาดหวั่น  พระเจ้าจะช่วยเขาชนะอุปสรรคอย่างแน่นอน  ลองคิดซิ  เอาภูเขาลงทะเลนี่ง่ายซะที่ไหน  สิงคโปร์เขามีพื้นที่ในประเทศน้อย  เขาจึงขุดภูเขาไปถมทะเล สร้างเมืองใหม่ ( Land Reclamation)  คาดว่าในปี 2022  เขาจะมีที่ดินของเกาะสิงคโปร์เพิ่มขึ้นอีก 1  เปอร์เซนต์  ผมเคยไปเห็น  ฮอลแลนด์  หรือ  เนเธอแลนด์  เขามีที่ดินที่อยู่ในระดับต่ำกว่าน้ำทะเล  เขากั้นทีดินเป็นแปลง ๆ  ใช้กังหันลม  วิดน้ำเป็นทอด ๆ  ทำให้เขามีเนื้อที่ของประเทศกว้างขวางอย่างอัศจรรย์  เครื่องวิดน้ำ  เขาใช้พลังของลมที่พัดให้กังหันหมุน   ไปหมุนเครื่องทดน้ำ  ไม่ต้องซื้อ  เขาเอาจริง   ตั้งใจจริง เชื่อจริง วันนี้ยุคใหม่เขาเปลี่ยนเป็นเครื่องทดน้ำไฟฟ้าทันสมัยไปแล้ว อย่าง รอดเธอดัมส์  90 % ของเมืองที่ทันสมัย อยู่ใต้ระดับน้ำทะเล  ส่วนใหญ่อยู่ต่ำกว่าน้ำทะเลถึง  5 เมตร  ครับ มันถูกสร้างขึ้นโดยคนที่เชื่อว่าทำได้

                            สิงคโปร์

         4. กล้าพูด  

         การวางใจพระเจ้านั้นแสดงออกโดย การกล้าลั่นปาก ว่าเราจะชนะปัญหาให้จงได้  “ถ้าผู้ใด ๆ จะสั่งภูเขานี้ว่า จงถอยไปลงทะเล และมิได้สงสัยในใจ แต่เชื่อว่าจะเป็นไปตามที่สั่งนั้น ก็จะเป็นตามนั้นจริง” คนไทยเราว่า “ไม่แน่ไม่แช่แป้ง ไม่จริงไม่ยิงปืน”  ผมเพิ่มให้อีกสักอย่าง “ไม่เชื่อมั่น ไม่ลั่นปาก” บางคนตั้งใจว่าจะอ่านพระคัมภีร์ให้จบในหนึ่งปี คิดไว้ในใจ ไม่บอกใคร ทำไมไม่บอก ก็เพราะกลัวว่าพอครบปี คนที่เคยได้ยินเราพูดจะถามขึ้นมาว่า อ่านจบแล้วหรือยัง ถ้าพูดไปแล้วอ่านไม่จบ ก็จะหน้าแตก จึงเก็บเป้าหมายอมพะงำไว้ในใจ ผลก็คือ“อ่านไม่จบ” โดยใครก็ไม่รู้ อยากเคลื่อนภูเขาลงทะเล ก็ต้องสื่อให้ชาวบ้านชาวช่องได้ยิน  “ปีนี้ ผมจะนำสองคนมาพบพระเยซู” “ปีนี้ผมจะปลดหนี้(ภูเขา) ก้อนโตลงทะเล” “โดยพึ่งพระเจ้า ปีนี้ผมจะเปิดคริสตจักรใหม่ 2 แห่ง

                       รอตเตอร์ดัมส์

         5. ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ

         คนที่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าชายหรือหญิง เป็นคนที่ไม่ยอมหันหลัง ยอมแพ้ง่าย ๆ เขาจะต่อสู้ถึงที่สุด และเขามักมองว่า  ความล้มเหลวที่เขาประสบ เป็นบันไดให้เขาก้าวสู่ความสำเร็จ  ตอนไปอเมริกา น้องดาว เขาพาภรรยาและผมไปเที่ยวดีสนีย์แลนด์  สวนสนุกที่เด็ก ๆ ชอบมาก ทำให้ผมอยากรู้ประวัติของ วอลท์ ดีสนีย์ นักเขียนการ์ตูนโด่งดังที่ผมรู้จักมาตั้งแต่เป็นเด็ก น่าสนใจมาก ก่อนอื่นดีสนีย์ เป็นคริสเตียน เกิดในครอบครัวที่พ่อแม่รักโบสถ์

      ดีสนีย์เป็นคนไม่อายที่จะประกาศความเชื่อของตน วันที่เปิดดีสนีย์แลนด์แห่งแรก เขาเชิญนักเทศน์ไปทำพิธี ในพิธีเขากล่าวว่า  “ความสำเร็จใด ๆ ซึ่งจะนำมาความหรรษามาให้ท่าน เกิดจากคริสตจักรที่สอนผมให้ติดนิสัยอธิษฐาน วันนี้ ผมมีอายุ 61  ปแล้ว  คำอธิษฐานทุกอย่างจากใจถ่อม และเทิดทูนพระองค์ ล้วนทำให้ผมมีกำลัง มีแรงบันดาลใจ ที่จะมอบสิ่งดีที่สุดให้แก่ท่าน  เป็นสิ่งที่ผูกพันเรา  ให้ร่วมกันก้าวไปสู่โลกที่ดีกว่า “ 

            วันนี้  ดีสนีย์แลนด์ กระจายออกไปทั่วโลก เป็นที่รู้จักของเด็กทั้งหลาย แต่เรารู้หรือเปล่าว่า กว่าท่านจะประสบความสำเร็จ ดีสนีย์เคยถูกธนาคารปฏิเสธ ไม่ให้เขากู้ยืมเงินกว่า 302 ครั้ง ตอนที่เขายื่นโครงการจะสร้างดีสนีย์แลนด์ แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้  เขาเชื่อ และมุ่งมั่นต่อไป  เขาไม่กลัวถูกปฏิเสธ   

           ผู้พัน แซนเดอร์ส ผู้ค้นคิดสูตรไก่ทอด อร่อย ผู้ก่อตั้ง เคนทักกี้ ไฟร์ ชิกเก้น ( K F C )  เป็นคริสเตียน “ผมเชื่อความสำคัญของการ บริจาค  ผมหมายถึงการถวายให้พระเจ้า ตามสัดส่วนที่พระเจ้าอวยพรเงินที่เรารับมา  คราวที่ผมเริ่มธุรกิจแฟนไชร์  ผมไม่รู้แน่ชัดว่าผมจะทำยังไงต่อไป  ผมสัญญากับพระเจ้าว่า  ผมจะถวายส่วนของพระองค์ ถ้าพระองค์ช่วยให้งานนี้สำเร็จ  บัดนี้ ผมรู้ว่าทำไมงานผมจึง”   

        ย้อนไปดู การต่อสู้ไม่ยอมแพ้ของเขา ตอนที่เขารู้ว่า เงินประกันสังคมไม่เพียงพอสำหรับการเลี้ยงชีพ  แซนเดอร์ส เสนอสูตรไก่ทอดนี้แก่ภัตราคารต่าง ๆ มากมาย  คำตอบของทุกแห่งเหมือนกัน  คือ ไม่มีใครซื้อสูตรไก่ทอดของเขา แต่แซนเดอร์ส ก็ไม่ถอดใจ ไม่ยอมแพ้ หลังจากถูกปฎิเสธมาหลายร้อยครั้ง ในที่สุดก็มีคนตกลง และนี่คือที่มาของ  K F C ที่เราซื้อกินวันนี้    

        6. กล้าทูลขอ  เพราะรู้ว่าเป็นน้ำพระทัย

         ก่อนที่พระเยซูตรัสว่า “ขณะเมื่อท่านอธิษฐานพระเจ้าขอสิ่งใด จงเชื่อว่าจะได้รับ และท่านจะได้รับสิ่งนั้น” พระองค์เพิ่งสาปแช่งต้นมะเดื่อที่ไร้ผล  ว่า  “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป  จะไม่มีใครได้กินผลจากมะเดื่อต้นนี้” วันรุ่งขึ้น  มะเดื่อต้นนั้นเหี่ยวแห้งทั้งต้น  พวกสาวกตะลึง ในพระดำรัสอันทรงฤทธิ์ของพระองค์  พระองค์จึงสอนพวกเขาว่า “ขออะไร  จงเชื่อว่าได้รับ”  หรือ  “ขออะไร จงวางใจว่าพระเจ้าจะประทานให้”  สำหรับเรื่องนี้  พระเยซูสั่งให้มะเดื่อแห้ง พระบิดาในสวรรค์ทรงเห็นชอบ กับการสาปแช่งมะเดื่อนี้  พระองค์ประทานให้ตามคำนั้น  พระเยซูทรงมีเหตุผล  (1) เป็นภาพพจน์ทำนายว่า  อิสราเอลที่ไม่เกิดผล   พระเจ้าจะตัดทิ้ง (2)เป็นบทเรียนพวกสาวกให้  วางใจพระองค์ด้วย เหตุผล 2 ประการนี้  พระบิดาเห็นชอบ  พระองค์ก็จัดให้ตามคำพูดของเรา  คนเราจะยืนปักหลักทูลขอสิ่งใด เราต้องเชื่อว่า  สิ่งที่ทูลขอเป็นน้ำพระทัย   ถ้าเราจะขอให้ถูกหวย  เราขอไป ใจก็ฟ้องว่า พระเจ้าไม่ประทานให้หรอก  เพราะพระองค์มิทรงเห็นชอบแล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไร  การตรวจสอบว่าสิ่งที่ทูลขอ เป็นน้ำพระทัย ทำให้เรายืนหยัด รอรับคำตอบ และมุ่งมั่นก้าวไป  เพราะเชื่อว่าเราจะได้รับสิ่งที่ขอแน่นอน ไม่เร็วก็ช้า  จริงไหม

        ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ