|
ไฟต้องติด อยู่เสมอ

ศบ.
“ต้องรักษาให้ไฟติดบนแท่นเรื่อยไป อย่าให้ดับเป็นอันขาด” เลวีนิติ 6:13
เครื่องบูชาที่พระเจ้าให้คนยิวปฏิบัติ ถวายแด่พระเจ้านั้น เป็นภาพเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่าเรากับ พระเจ้า เครื่องบูชาทั้งหมดมี 5 อย่างครับ ได้แก่ (1) เครื่องบูชาไถ่บาป (2) เครื่องบูชาไถ่กรรมบาป (3) เครื่องเผาบูชา (4) ธัญญบูชา (5) ศานติบูชา
เครื่องบูชา 2 อย่างแรก เป็นเครื่องบูชาไถ่โทษบาป ก่อนที่ใครจะกลับเข้ามาคืนดีกับพระเจ้า เขาต้องกลับใจใหม่จากความผิดบาปทุกอย่างที่รู้ เชื่อวางใจในการไถ่โทษบาป โดยพระเยซูคริสต์ พระบุตรผู้เสด็จมาวายพระชนม์ที่ไม้กางเขน นี่คือภาพของการถ่อมใจเข้ามาหาพระเจ้า เหมือนบุตรน้อยกลับใจ กลับบ้านมาหาพ่อ การรับบัพติสมาก็

เป็นภาพแทนการกลับใจใหม่ และการวางใจเชื่อพระเยซู เข้ามาเป็นลูกของพระองค์ ในพระคัมภีร์เดิม เครื่องบูชาไถ่บาป และเครื่องบูชาไถ่กรรมบาป ช่วยให้เราเห็นภาพนี้ คือภาพพระคริสต์ผู้เสด็จมาพลีพระชนม์ชีพ เป็นแพะรับบาปแทนเรา
ส่วนเครื่องบูชา 3 อย่างหลัง เป็นเครื่องบูชาแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า เมื่อเราก้าวเข้ามาเป็นลูกของพระองค์ ซึ่งจะมีต่อเนื่องกันไปไม่หยุดยั้ง คือการถวายตัวของเรา การถวายทรัพย์ของเรา การสามัคคีธรรมระหว่างเรากับพระเจ้า เหมือนศีลมหาสนิทนั่นแหละที่เราต้องมี ต่อเนื่องกันไป
ผมปูพื้นเสียก่อนให้ได้เห็นภาพ โดยสังเขป วันนี้ ขอพูดเรื่อง“เครื่องเผาบูชา”( Burnt Offering ) เรื่องเดียว
1. คริสเตียนทุกคนถวายตัว
ในการดำเนินชีวิตคริสเตียน พระเจ้าปรารถนาให้เราถวายตัวให้พระเจ้า บางคนเข้าใจว่า การถวายตัวทั้งหมดให้พระเจ้า เป็นเรื่องของ นักบวช เป็นเรื่องของปุโรหิต ถ้าทุกวันนี้ คนที่ถวายตัวทั้งหมดให้พระเจ้า ก็ได้แก่นักเทศน์ ศิษยาภิบาล หรือที่เรียกกันทุกวันนี้ ว่า “ผู้รับใช้เต็มเวลา” ส่วนเราๆ ท่าน ๆ ที่เป็นสมาชิกธรรมดา ไม่เกี่ยว เราถวายตัวแค่ที่เราอยากถวาย เช่น ถวายวันอาทิตย์รอบเช้าครึ่งวันให้พระองค์ เวลาอื่นเป็นของเรา เราใช้ตามใจชอบเรา เครื่องเผาบูชานี้ ไปอ่านดูน่ะครับ พระเจ้ากำหนดให้คนยิวทุกคนปฏิบัติ “จงพูดกับคนอิสราเอล และกล่าวแก่เขาว่า เมื่อคนใดในพวกท่านนำเครื่องบูชามาถวายพระเจ้า ให้นำสัตว์เลี้ยงอันเป็นเครื่องบูชาของท่านมาจากฝูงโค หรือฝูงแพะแกะ” (เลวีนิติ 1:2) ปุโรหิต และคนเลวี ทำเป็นแบบอย่าง และทำหน้าที่ รับแพะแกะ โค หรือนกพิราบ ของประชาชนมาช่วยเผาให้ ครับ คริสเตียนผู้เชื่อทุกคน เมื่อเข้ามาเป็นลูกของพระองค์แล้ว ต้องถวายตัวทั้งสิ้นให้พระเจ้า
2. ถวายตัวทั้งหมดให้พระเจ้า
“เผาแกะทั้งตัว” แปลว่า เราดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยทั้งสิ้น เปาโลกล่าวว่า “เพราะเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์ และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า” (โรม12:1) อีกตอนหนึ่ง เปาโลกล่าวว่า “เหตุฉะนั้น เราตั้งเป้าของเราว่า จะอยู่ในกายนี้ก็ดี หรือไม่อยู่ก็ดี เราก็จะทำตัวให้เป็นที่พอพระทัยของพระองค์” ( 2 คร. 5:9 ) ถวายตัวทั้งหมดบนแท่นบูชา ไม่ได้แปลว่า ไปฆ่าตัวตายเพื่อพระเยซู แล้วข้อนี้แปลว่าอะไร ผมแปลให้นะครับ ก็แปลว่า ยอมสละความอยากของตนเอง ทำตามพระประสงค์แทน ให้ความอยากของตนเองตายไป ถูกเผาไหม้ไป เครื่องบูชาที่มีชีวิต หมายถึง ในขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่นี่แหละครับ เราจะทำตามน้ำพระทัย ไม่ใช่ทำอะไรตามอำเภอใจ
พระเยซูตรัสว่า “ถ้าผู้ใคร่จะตามเรามา ให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง รับกางเขนของตน และตามเรามา” จะเลือกเรียน จะเลือกงานอาชีพ จะเลือกคู่ครอง จะเลือกใช้ทรัพย์ หรือจะเลือกทำอะไรก็ตาม จะไม่เลือกตามความอยากของตน แต่เลือกตามที่พระเยซูต้องประสงค์ มันไม่มีปัญหาหรอก ถ้ามันไม่ได้ขัดแย้งกัน มันวัดไม่ได้หรอกถ้าใจปรารถนาของเรากับ พระเจ้ามันตรงกัน แต่ถ้ามันขัดแย้งกันเมื่อใด ตรงนั้นแหละเป็นปัญหา คริสเตียนหนุ่มไปชอบสาวสวยคนหนึ่ง บังเอิญเธอไม่เป็นคริสเตียน คุยกับเธอแล้วหัวเด็ดตีนขาดเธอก็ไม่เชื่อพระเจ้า มาอ่านพระคัมภีร์ พระคัมภีร์ก็สอนว่า “อย่าเทียมแอกกับคนที่ไม่เชื่อ” ยุ่งละซี จะเอาไงดี ถ้าตามใจตนก็ต้องเลือกสาวคนนี้เป็นคู่ครอง ถ้าเป็นพระทัยพระเจ้า เธอมันไม่ใช่ ถวายตัวเป็นเครื่องบูชา ก็แปลว่า เราทำตามพระทัยไม่ใช่ตัวของเรา คริสเตียนเราเลี่ยงบาลีเก่ง อ้างโน่นอ้างนี่ เพื่อทำตามใจตน หลอกคนก็หลอกได้อยู่หรอก แต่หลอกพระเจ้าไม่ได้

3. ถวายที่ดีที่สุด
เลือก “นำสัตว์ตัวผู้ ที่ไม่มีตำหนิ” พระเจ้าให้คนอิสราเอลคัดแกะดีหนึ่ง ประเภทหนึ่ง มาถวายทำไม เป็นแบบให้เราเข้าใจว่าเมื่อเรามอบตัวให้พระเจ้า เรามอบสิ่งดีที่สุดให้พระองค์ พระเยซูตรัสว่า “จงรักพระเจ้าสุดจิต สุดใจ สิ้นสุดกำลัง สิ้นสุดความคิด” ถวายตัวให้พระเจ้า ถวายตอนมีกำลัง บางคนรอให้หมดแรง เดินกระโผลก กระเผลก แล้วตอนนั้นมอบให้พระเจ้า เวลาสดชื่นเอาไว้อ่านหนังสือพิมพ์ รื่นเริงบันเทิงใจ พอง่วงนอนหยิบพระคัมภีร์มาอ่าน นักเทศน์เขาชอบล้อพ่อแม่ที่มีลูกหลายคน คนหัวดีไว้เรียนหมอ เรียนวิศวะ เรียนสถาปัตย์ เรียนบัญชี ลูกหัวขี้เลื่อยไม่เอาถ่าน ส่งไปเรียนพระคัมภีร์ คนยิวสมัยกลับไปสร้างพระนิเวศที่เยรูซาเล็ม ฮักกัย ผู้เผยพระวจนะ ต่อว่าพวกเขาว่า “พระนิเวศของเราพังทลายอยู่ ฝ่ายเจ้าต่างสาละวนอยู่กับเรื่องบ้านของตน” (ฮักกัย 1:9) ครับ พระเจ้าโปรดเมื่อเราถวายสิ่งดีที่สุด เพราะเราถวายตัวเป็นเครื่องบูชา หมดหัวใจของเรา

4. ถวายตัวต่อเนื่อง
“ให้รักษาไฟที่บนแท่นให้ลุกอยู่ อย่าให้ดับเลยทีเดียว…..ต้องรักษาให้ไฟติดอยู่บนแท่นเรื่อยไป อย่าให้ดับเป็นอันขาด”
( ลนต. 6:12-13)
เมื่อเราก้าวเดินกับพระเจ้า ความสัมพันธ์อันดี ระหว่างเรากับพระเจ้าต้องต่อเนื่อง ไม่ใช่ติด ๆ ดับ ๆ ถวายตัวเฉพาะวันอาทิตย์เช้า เคร่งเชียว นมัสการซาบซึ้งกับพระองค์ พอกลับไปบ้าน จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัส ศุกร์ เสาร์ เดินเองทำตามใจตัวเอง คริสเตียนสามารถเที่ยวในที่ที่ไม่ควรเที่ยว ร้องเพลง ชนิดที่ไม่ควรร้อง ดูหนังเรื่องที่ไม่ควรดู อ่านหนังสือที่ คริสเตียนไม่ควรอ่าน พอวันอาทิตย์ หรือ ช่วงค่ายพิเศษ ไฟก็ติดลุกโชน พอกลับมาไฟก็ดับ พระเจ้าให้เรารักษาให้ไฟติดอยู่ตลอด ต่อเนื่อง หญิงพรหมจารีย์โง่ 5 คนที่รอเจ้าบ่าว และไม่ถูกรับเข้าไปในงานเลี้ยงสมรส คือ พวกที่ปล่อยให้ตะเกียงของเธอดับ (มัทธิว25:1-13) ตะเกียงของพวกเธอดับ เพราะเธอไม่มีน้ำมันสำรอง น้ำมันของตะเกียงของเธอไม่ต่อเนื่อง ความสัมพันธ์สนิทสนมระหว่างเรากับพระเจ้า ต้องต่อเนื่อง เรื่อยไป
“ให้รักษาไฟ” “ต้องรักษาให้ไฟติด” นี่คือคำสั่ง การสนิทสนมกับพระเจ้า การฟังพระสุรเสียงของพระองค์ การเข้าเฝ้า การอ่านพระวจนะ อยู่ที่เรา เราเป็นผู้เลือกตัดสินใจรักษา ไม่ใช่ เกิดเอง ๆ ของมัน ทุกวันนี้คนไทยเรามี line ในมือถือไว้คุยกับคนนั้น Chat กับคนนี้ ลางคนผมเห็นคุยกัน เรื่องสัพเหระ ถ่ายรูปให้ดู ส่งกันไปกันมา เป็น

บัญชีหางว่าว ยาวเฟื้อย ถ้าพิมพ์ออกมาโดยไม่ถูกตัด คงยาวเป็นกิโล แต่แปลกไม่มี Line ถึงพระเยซูสักนิด ไฟของตัวเองมันติดซะลุกโชนถึงเพดาน แต่ “ไฟบนแท่นนัดพบ” กับพระเจ้ามันดับสนิท เราเลือกน่ะครับ คุยกันเองใน line เรายังเป็นผู้เลือกเลย คุยกับพระเจ้าเรากลับว่าให้มันเกิดเองตามธรรมชาติ มันไม่เกิดหรอกถ้าเราไม่ได้ตั้งเวลาไว้
5. สะสางชำระชีวิตของเรา
“ให้ตักมูลออกจากไฟที่ไหม้บนแท่น ไปวางไว้ข้างแท่น..... นำมูลเถ้าไปไว้นอกค่าย ” (ลนต. 6:10-11) วิธีทำให้ไฟไม่มอดดับ ปุโรหิตต้องเอาขี้เถ้าออก ผู้เขียนพระธรรมฮีบรู กล่าวว่า “ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่น” (ฮีบรู 12:1) เมื่อพระเจ้าสำแดงโดยพระวิญญาณ และพระวจนะ ให้เรารู้ว่าอะไรเป็นสิ่งผิด เราต้องลุกขึ้นมาจัดการกับมัน หันมาเดินให้ถูก หากเราเสียเวลากับสิ่งที่ไร้สาระ หรือสิ่งที่มาแย่งเวลาของเราจากความสัมพันธ์กับพระเจ้า เราต้องละทิ้ง กิจกรรมบางอย่างไม่บาป แต่ถ่วงการดำเนินชีวิตกับพระองค์ มันคือขี้เถ้าที่เราต้องโกยออก เปลวไฟจะได้ลุกโชนขึ้นเสมอ ความเคยชินเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ไฟในชีวิตคริสเตียนมอดลง เราปรนนิบัติพระเจ้าอย่างกิจวัตรที่ไร้วิญญาณ ใจตื่นเต้นกับพระองค์หายไป การฟื้นฟูคือ การโกยขี้เถ้าแห่งบาป และสิ่งถ่วงต่าง ๆ ออกไปให้ไฟพระวิญญาณ เผาไหม้หัวใจเรา ให้นิมิต และความสัมพันธ์กับพระองค์ลุกโชติช่วงชัชวาลย์อยู่เสมอ
พระเจ้าทรงชื่นชอบโปรดปราน
“เครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระเจ้า”(ลนต. 1:9) ผมไม่ทราบว่ากลิ่นการเผาแกะทั้งตัวนั้น เป็นอย่างไร พระธรรมเลวีนิติบอกว่า เป็นกลิ่นที่ทรงพอพระทัย แต่เราเข้าใจความหมายเรื่องนี้ได้ดีว่า การมอบชีวิตให้พระเจ้าทั้งหมด เลือกทำสิ่งที่สนองพระประสงค์ ยกย่องพระองค์เป็นที่หนึ่ง ในทุก ๆ เรื่อง ทุกวันทุกเวลา ตลอดไป พระเจ้าทรงพอพระทัย ทรงโปรดปรานอย่างแน่นอนครับ
ขอพระเจ้าอวยพระพร
|
|
|