|
เป็นตัวแท้ๆของเรา
ศบ.
โจท แมคโดแวล
ผมอยู่ที่เชียงราย ขณะเขียนบทความนี้ วันนี้ เป็นวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรักที่คุณหนุ่มคนสาว รอคอย แต่บทความที่ผมนำมาถ่ายทอดนี้ ผู้เขียนคือ โจท แมคโดแวล ท่านพูดกับสามีภรรยา ซึ่งแน่นอนย่อมเป็นประโยชน์กับหนุ่มสาวด้วย
จงเป็นตัวแท้ ๆ ของตนเอง
แม้การสมรสจะเริ่มขึ้นบนวิมานฟ้าก็ตาม แต่มันก็เป็นเรื่องของ คนบกพร่อง ติดดิน สองคนเดินไปด้วยกัน หากทั้งสองโตเป็นผู้ใหญ่ เขาก็จะรัก โดยยอมรับความเป็นจริง สามีจะยอมรับภรรยาอย่างที่เธอเป็น และภรรยาจะยอมรับสามีอย่างที่เขาเป็น คือ บกพร่องนั่น บกพร่องนี่ ไม่ใช่อย่างที่ทั้งสองใฝ่ฝัน
ความรักที่สมบูรณ์เช่นนี้ มักจะต้องพบอุปสรรคหลายอย่าง ในตัวคู่ครอง และความสัมพันธ์ อุปสรรคที่ว่าได้แก่
(1) อุดมคติ ที่เราเคยฝันเฟื่องเรื่องคู่ของเรา หรือ ฝันเรื่องชีวิตสมรส
เอเวอลีน ดูวัลล์ กล่าวว่า “บุคคลอันตรายที่สุดผู้ซึ่งเราแต่งงานด้วย คือ บุคคลในอุดมคติของเราเอง” ที่มันอันตรายก็เพราะ เราจะมองข้าม ข้อบกพร่องต่าง ๆ หรือ บุคลิกแย่ ๆ คู่ของเรา ลางคนพูดว่า การสมรสมักจะซ่อนสิ่งน่าเกลียดไปเสียครึ่งหนึ่ง และเพิ่มสิ่งที่ดูดีขึ้นอีกสองเท่า สิ่งเหล่านี้มักเป็นกำแพงขวางกั้น ความรักที่สมบูรณ์ ชาร์ล สวิล ดอลล์ เข้าใจเรื่องนี้ ท่านจึงว่า “ไม่มีบ้านหลังไหน ปราศจากการขัดแย้ง บ่าวสาวมักฝันว่าคู่ของตน คือ “สโน ไวท์ และพระราชาทรงเสน่ห์ “ แม้ท่านจะมอบชีวิตให้แก่คู่ครองของท่านมากแค่ไหนก็ตาม มันจะยังคงมีวาระของ ความตึงเครียด น้ำตา สิ่งขวางหูขวางตา การขัดแย้ง การฉุนเฉียว หรือ เบรกแตก การมอบตัวให้แก่กัน มิได้ลบล้าง ความเป็นคนของเราออกไปได้”
เวลาใครก็ตามตกหลุมรัก บุคคลในเทพนิยาย หรืออุดมคติ ก็จะเกิดผลได้ 2 อย่าง คือ (1) เราอาจรับคู่ของเราไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้เป็นอย่างที่เราฝัน (2) หรือไม่ ต่อแต่นี้ไป เขาก็จะถูกเราบีบให้หันซ้ายหันขวา ให้เขาเป็นตามฝันของเรา
(2) การคาดหวังว่า อารมณ์รักหวานชื่น ต้องยั่งยืนเสมอ
ความรักของคนที่เป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่เพียง ความรู้สึกเสน่หา เคลิบเคลิ้ม แต่ เป็นการมอบชีวิตให้ เป็นการยืนมั่นบนคำสัญญา อารมณ์อาจบินมา แล้วมันก็บินไป แต่ความรักนั้นยั่งยืน อย่าเข้าใจผิด ถ้าวันนี้อารมณ์รักของท่านไม่ฟูฟ่อง และอย่าท้อถอย ถ้าท่านคิดว่าความรู้สึกมันลดลง ความรักสมบูรณ์ ที่อยู่บนความจริง จะยิ่งช่วยเสริมความสัมพันธ์ของท่านให้แข็งแรงขึ้น ทำใช่ทำให้แย่ลง
(3) หวังว่าคู่ของเราจะต้องเติมสิ่งที่เราขาดให้เราได้เสมอ
ปกติ หลายคู่มักทำไม่ได้ คนเรามักอยากได้ บุรุษหรือสตรีที่สามารถเข้าใจตนทุกสิ่ง และสามารถหาสิ่งที่ตนอยากได้ มาให้ตนได้เสมอ ฝ่ายชายอาจพึงพอใจเมื่อแต่งงานกับผู้หญิง ที่ให้สนองความต้องการของตนได้หมด เขาคิดว่าเขาพบหญิงที่ “ใช่” เข้าแล้ว ซึ่งความจริง เธออาจสนองเขา ได้เฉพาะสิ่งสำคัญบางเรื่องเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่น ๆ เขามองข้าม เขาอาจพูดกับเธอว่า “ผมรักคุณ เพราะคุณช่วยเติมสิ่งที่ผมขาด” นักเขียนคนหนึ่งพูดว่า “เป็นไปไม่ได้ที่คนสองคน จะไปเติมส่วนที่ขาดให้กันและกันได้หมด ถ้าคู่ไหน เติมกันให้ได้มากถึง 80 % ก็นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ระวังน่ะครับ การคาดหวังเช่นนี้ ทำเอาหลายคู่พินาศมานักต่อนักแล้ว”
ในชีวิตสมรสของผม ผมพบว่า ผมไม่อาจให้สิ่งที่ ดอตตี้ ต้องการ หรือไม่อาจสนองอารมณ์เธอได้เสมอ ผมไม่อาจให้สิ่งที่เธออยากได้ เช่น การสนใจรายละเอียดเรื่องตัวเธอ ภรรยาของผมเคยให้สัมภาษณ์ว่า “ตอนแต่งงานกันใหม่ ๆ เรื่องนี้กวนใจดิฉันมาก” เธอกล่าว “แต่ต่อมา ดิฉันก็เริ่มพบว่า ดิฉันไม่อาจคาดหวังให้เขาเป็น ในสิ่งที่เขาไม่มี เขาไม่อาจให้สิ่งที่ดิฉันต้องการได้ทุกอย่าง ถ้าเขาให้ดิฉันได้ เขาคงเป็นพระเจ้า ฝ่ายเขาก็ตระหนักว่า ดิฉันก็มิอาจให้สิ่งที่เขาต้องการทุกอย่างได้เช่นเดียวกัน แต่ดิฉันก็ทำดีที่สุด เท่าที่จะทำได้”
“ดิฉันเป็นคนประเภทที่สามารถฟัง และเก็บรายละเอียดได้ทุกเม็ด เวลาใครมาเล่าเรื่องของเขา แต่โจทเป็นคนประเภท ที่สมองหันไปคิดเรื่องใหม่ทันที หากเขาฟังใครเล่าอะไรละเอียดลออ ซึ่งเขาเห็นว่ามันไม่ได้ประโยชน์ พอฉันเข้าใจเขา ยอมรับความจริง อย่างที่เขาเป็น เราอยู่กันได้ดี” สามีภรรยาสามารถเติมส่วนที่คู่ของตนขาดได้บางเรื่อง ส่วนเรื่องที่เติมให้กันไม่ได้ พระเจ้าจะทรงโปรดช่วยเติมให้ การพยายามฝืน เค้นให้คู่ของตนเป็นอย่างที่ตนอยากได้ จะทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสอง คริสเตียนรู้ดีว่า พระเจ้าทรงช่วยเพิ่มเติมสิ่งที่เราขาดตกบกพร่อง แต่บ่อยครั้ง เราต้องการให้คู่ของเรา เป็นพระเจ้าให้เรา
(4) คำสัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลง คำสัญญาที่บางที คู่ครองเคย หลุดปาก พูดออกมา อาจเป็นกำแพงขวางกั้นความสัมพันธ์แท้ ๆในเวลาต่อมา “ไม่ต้องห่วงนะที่รัก เมื่อเราแต่งงานแล้ว ผมจะเลิกพูดเล่น” “เมื่อเรามีลูก ผมจะ...” “ เมื่อใดเรามีบ้านเป็นของเราเอง ฉันจะ.....” อย่าไปสร้างความสัมพันธ์บนคำสัญญา แต่จงสร้างบนความเป็นจริง ถ้าท่านต้องการให้คู่ของท่านไว้วางใจท่าน จงทำตัวให้เขาไว้วางใจเสียแต่บัดนี้ ถ้าท่านอยากให้คู่ของท่าน เห็นว่าท่านเป็นคนของพระเจ้า จงเป็นเสียเดี๋ยวนี้เลย
(5) เชื่อว่าเราเปลี่ยนคู่ครองของเราได้ มันก็คล้าย ๆ กับ คำสัญญาที่เราบอกว่าเราจะเปลี่ยนตัวเอง คือเราคาดจะเปลี่ยนคู่ของเรา “ไม่เป็นไร พอแต่งแล้ว ไม่นาน ฉันจะจัดการเปลี่ยนเขาให้อยู่หมัด” ท่านทำไม่ได้หรอก
ท่านต้องมั่นใจว่าท่านรักพ่อหนุ่มคนนี้อย่างที่เขาเป็น หรือ รักเธออย่างที่เธอเป็น ไม่ใช่รักเธอ อย่างที่ท่านอยากให้เธอเป็น ใครเคยเป็นอย่างไร ตอนเป็นโสด เขาก็จะเป็นอย่างนั้นตอนแต่งงาน และจะเป็นยิ่งกว่าเดิมเข้าไปอีก นิสัยแย่ ๆ ตอนเป็นโสด จะยิ่งแย่หนักกว่าก่อน เมื่อแต่งงานแล้ว เพราะก่อนแต่ง ท่านอาจระมัดระวังตัว พอแต่งแล้ว ท่านก็ปล่อยตัวอิสระ เลิกระวัง หลายคู่ที่เคยสัญญิงสัญญาไว้มากมายก่อนแต่ง มักพบว่า พอแต่งแล้ว เขาทำตามสัญญาไม่ได้ ผู้หญิงอาจหลงรักชายหนุ่ม เพราะเชื่อว่า เขาจะเป็นดังที่เขาเคยพูดไว้ ชายหนุ่มไม่น้อยคุยไว้มาก เหมือนนักมวยก่อนขึ้นชก แต่พออยู่บนสังเวียนก็ชกไม่เป็น ความรักของคนที่เป็นผู้ใหญ่ ไม่คุยเยอะ หรือเชื่อคำคุยโว เมื่อดอตตี้ แต่งงานกับผม เธอทราบดีว่าผมเป็นนักเทศน์ และเธอรู้ว่าเธอจะใช้ชีวิตแบบไหน “เมื่อฉันแต่งงานกับ โจท ฉันพร้อมรับความจริงว่า เขาจะต้องเดินทางไปเทศน์ที่โน่นที่นี่ นั่นแปลว่า เราจะต้องจากกันเป็นครั้งเป็นคราว หลายคนมาแสดงอาการเห็นอกเห็นใจ สงสารฉัน แต่ฉันบอกเขาว่า นี่คือสิ่งที่เราตัดสันใจเลือก ฉันเคยอยู่กับคณะแคมปัส ครูเสด พระเจ้าทรงเตรียมฉันไว้ล่วงหน้า ตอนเราเป็นแฟนกัน ฉันเคยร่วมทีมเดินทางไปรับใช้ตามที่ต่าง ๆกับเขาตามมหาวิทยาลัย ดิฉันสนับสนุนโจท 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะดิฉันรู้ว่าพระเจ้าใช้เขาเดินทางไปทั่วโลก”
ความรัก ไม่ควรตาบอด
หลายคนเข้ากันไม่ได้ตั้งแต่ก่อนแต่ง แต่เขาพูดว่า”ไม่เป็นไร เมื่อแต่งแล้ว เดี๋ยวก็เข้ากันได้เอง” สถิติการหย่าร้างพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า นี่คือการเข้าใจผิด บางคนบอกว่า พอพบกันปั๊บก็รักเลย ไม่ต้องมองเป็นหนที่สอง ไม่ต้องไตร่ตรองอะไร ทั้งสิ้น ความรักครั้งแรกที่พบ อาจมองข้ามความผิดไปได้สักระยะหนึ่ง แต่มันไม่ยาวนานหรอก ใช่! มันมียามที่ทั้งสองนั่งอยู่หน้าแสงเทียนสลัวสลัว โรแมนติก แต่มันก็มียามที่นั่งอยู่หน้าเตารีดผ้า หรือเข็นรถในห้าง เหงื่อไหลไคลย้อย ความรักทำให้คนตาบอด ถ้าเรามองเขาเพียง แค่ใบหน้า และทรงผม ไม่ใช่แลเห็นเขาในความเป็นจริงทั้งหมด
แม้ว่าจะมีอุปสรรคหลายอย่างขวางกั้นเช่นนี้ แต่ความรักแท้เราสามารถมีชัยได้เสมอ โดย
(1) ลองถามตัวท่านเองว่า ทำไมท่านจึงแต่งงานกับเขา เพื่อเงิน เพื่อความมั่นคง เพื่อฐานะ เพื่อจะหนีอะไรมา ลองถามตัวเองดู (2) ท่านได้เปิดใจคุยกันไหม ท่านและคู่ครองของท่านสนใจ หรือมีเป้าหมายอย่างเดียวกันไหม
(3) ท่านทราบไหมว่า เขาบกพร่องหรืออ่อนแอ ตรงไหน อะไรที่ท่านไม่ชอบเกี่ยวกับตัวของเขา ทำไมท่านจึงไม่ชอบ และอะไรคือสิ่งที่เขาไม่ชอบท่าน แล้วทำไมเขาจึงไม่ชอบ
(4) จงแบ่งปัน ความคาดหวังของกันและกันอย่างเปิดใจ ถามเขาว่าเขารับได้ไหม การทำเช่นนี้ จะช่วยป้องกันไม่ให้ท่านแต่งงานกับชายหนุ่ม หรือหญิงสาวในอุดมคติ
(5) ในสภาพของความเป็นจริงเหล่านี้ ความรักแท้ ของคนที่เป็นผู้ใหญ่ ยอมรับสภาพความเป็นจริงของเขาทั้งหมด รวมทั้งความบกพร่อง ของเขา ด้วยความรักอย่างพระเจ้าได้
ชีวิตสมรส คือ การที่ชายหญิงสองคนที่ไม่สมบูรณ์ มาอยู่ด้วยกัน ความรักแท้ คือการมอบชีวิตให้แก่กันและกันโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ความรักแท้ ตาของทั้งสองต้องสว่าง ยอมรับความจริง และรักเขาอย่างที่เขาเป็น
|
|
|