ทรงอยู่ด้วย ช่วยเสมอ


ศบ.
“จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่ากลัวหรือครั่นคร้ามเขาเลย เพราะว่าผู้ที่ไปกับท่านคือ พระเยโฮวาห์ พระเจ้าของท่าน พระองค์จะไม่ทรงปล่อยท่านไว้ให้ล้มเหลว หรือทอดทิ้งท่านเสีย”
( เฉลยธรรมบัญญัติ 31: 6)
การทำอะไรใหม่ ที่ไม่เคยทำมาก่อน มักทำให้เราขลาดกลัวทั้งนั้น
ข้อพระคัมภีร์ที่ผมยกมา เป็นสุนทรพจน์ของโมเสสที่พูดกับคนยิว ช่วงปลายชีวิต ให้มั่นใจในชัยชนะเมื่อโยชูวาพาพวกเขาเข้าไปยึดคานาอัน ชนะอย่างเดียวกับที่พระเจ้าเคยช่วยพวกเขาในอดีต


(1) พระเจ้าตรัสอย่างนี้กับคนยิว เพราะทรงมีภาระกิจให้เขาทำ
งานที่ดักหน้าเขาคือ เขาจะต้องเข้าไปยึดครองคานาอัน ดินแดนแสนดี มีน้ำผึ้งน้ำนมไหล ที่เรียกกันว่าดินแดนพระสัญญา ( the Promise Land) คนสอดแนม 12 คนเคยเข้าไปสำรวจมาแล้ว เมื่อ 20 ปีก่อน แบกองุ่นพวกโต ๆ ออกมาชื่นชมกันด้วย แต่คนชุดนั้นไม่ได้เข้าไป เพราะ 10 คน ขี้ขลาด แผ่นดินพระสัญญาสำหรับเราในปัจจุบัน ไม่ใช่ คานาอันที่โยชูวาพาคนยิวเข้าไปยึดครอง แต่เป็นแผ่นดินของพระเจ้า มีพลเมืองคือผู้เชื่อข่าวประเสริฐ (มาระโก 1:15) “ขอให้เราทั้งหลายพยายามเข้าไป..” (ฮีบรู 4:11) การนำผู้คนเข้ามาเชื่อพระเจ้า เป็นการขยายแผ่นดินของพระเจ้า พระสัญญาให้เราเข้มแข็ง กล้าหาญ พระองค์จะอยู่ด้วย จึงมิได้เป็นพระสัญญาสำหรับใครที่คิดว่าจะอยู่เฉย ๆ ไม่มีอะไรที่ตนต้องเข้าไปยึดครอง ถ้าไม่ต้องรุกกินแดนอะไร ก็ไม่รู้จะต้องกล้าหาญทำไม การเข้าคานาอันเป็นการเสี่ยงภัย บ่อยครั้งเราไม่อยากเสี่ยง เพราะเราไม่อยากเหนื่อย หรือ กลัวล้มเหลว เลสเตอร์ เพียสัน กล่าวว่า “คนกล้า จะไม่ล้มเหลว คนที่ล้มเหลว คือคนไม่กล้า” วินสตัน เชอร์ชิล รัฐบุรุษของอังกฤษ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กล่าวว่า “ความสำเร็จคือความสามารถ ในการเผชิญกับความล้มเหลว ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยไม่สูญเสียความมั่นใจที่จะก้าวต่อไป พระเยซูมีพระมหาบัญชาให้เราออกไปประกาศ งานพระเจ้าที่ดักหน้าเราในเมืองไทยวันนี้ ยิ่งใหญ่นัก เมื่อเราตระหนักว่า มีผู้ไม่เชื่อในบ้านเรามากถึง กว่า 99 เปอร์เซ็นต์


(2) คานาอันมียักษ์ และกำแพงสูง
ถ้าง่าย ๆ สบายๆ ก็ดีซิ เข้าไปยึดดินแดน เหมือนคนเข้าไปจับจองที่ดินในอดีต แค่หักร้างถางพง ปักเขตแดน ล้อมรั้ว ก็ได้ที่ดินมาเป็นของตน แต่คานาอันมิได้เป็นเช่นนั้น คนสอดแนม 10 คนถึงใช้คำพูดว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายได้ไปถึงแผ่นดินซึ่งท่านใช้ไปนั้น มีน้ำนมน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ที่นั่นจริง และนี่เป็นผลไม้ของเมืองนั้น แต่คนที่อยู่ในเมืองนั้นมีกำลังมาก เมืองของเขาก็ใหญ่โต มีกำแพงล้อมรอบ นอกจากนั้น ข้าพเจ้าทั้งหลายยังเห็นคนอานาค(ยักษ์) ที่นั่นด้วย” ( กดว 13”27-28) ผลีผลามเข้าไป ก็ตายฟรี n เหมือนเอาชีวิตไปทิ้ง ใครก็ยอมรับว่า การนำคนมาเชื่อพระเจ้าดีเลิศนั้น แต่การประกาศในบ้านเรา ง่ายซะเมื่อไหร่ ความเชื่อถือ ขนบธรรมเนียม ประเพณี วิชาการที่สอนกันในมหาวิทยาลัย ความเคยชิน วัตถุนิยมที่ดึงดูดใจคน จนกระทั่งบันเทิงที่เกาะใจวัยรุ่น ดูจะปิดประตูจิตใจเขาเสียทุกช่องทาง ดีแต่ยาก สวยแต่มีหนาม


ตกลง เราจะยอมแพ้ ตั้งแต่ยังไม่ขึ้นชก หรือจะสู้ ”คนจีนเขาว่า “ไข่มุกมิได้อยู่ที่ชายหาด ถ้าคุณอยากได้คุณต้องดำน้ำทะเลลงไปหา” จิม รอห์น กล่าวว่า “ถ้าท่านไม่เต็มใจเสี่ยงทำสิ่งแปลกใหม่ ท่านก็ปักหลักปักฐานอยู่บนสิ่งเดิม ๆไป” ผมเคยดูฟุตบอล ที่กองหลังของคู่แข่งตั้งป้อมไว้แข็งแกร่งมาก เจาะทะลุทะลวงเข้าไปมุมไหนก็ไม่ได้ทั้งสิ้น แต่ผมก็มักเห็นฝ่ายที่พยายามพังกำแพงเข้าไป ยิงประตูได้สำเร็จเสมอเช่นเดียวกัน เบนจามิน แฟรงกลิน กล่าวว่า “ขวานน้อย ๆมิใช่หรือที่ล้มต้นโอคใหญ่ได้ทั้งต้น” เรารู้ว่า ดาวิดล้มยักษ์ด้วยก้อนหินน้อย และสลิง เยรีโค พังครืนลงมา เพราะการสวนสนามของคนยิวรอบเมือง การขยายแผ่นดินพระเจ้าในเมืองไทยไม่ง่าย แต่พระเจ้าเปิดช่องทางให้เสมอ ผมไม่เคยเห็นยุคใด ที่คนตอบรับพระกิตติคุณมากเท่ายุคปัจจุบัน เฉพาะอย่างยิ่ง โดยการรักษาโรค


(3) ยาก หรือง่าย อยู่ที่ความเชื่อของเรา
เราเคยอ่านเรื่องคนสอดแนม ที่โมเสสส่งเข้าไปคราวก่อน 10 คนออกมารายงาน ว่า เยี่ยมแต่ “ยากแท้แท้” เราสู้ไม่ได้ แล้วคนยิวที่ฟังเสียง 10 คนนี้ก็ร้องระงมกันไปทั้งค่าย มีแต่คาเล็บกับโยชา เท่านั้นที่เห็นว่า เยี่ยมให้ “ยึดทันที” พระเจ้ายิ่งใหญ่ งานนี้ชนะแน่ แปลกแท้ ไปสำรวจด้วยกัน แต่กลับออกมาคิดเห็นต่างกัน วันนี้ การประกาศในบ้านเราก็ยังเป็นเช่นเดียวกัน มีทั้งคนคิดสู้และคิดถอย อาเซเน เวงเจอร์ กล่าวว่า “ถ้าท่านไม่เชื่อว่าท่านทำได้ ท่านจะปิดประตูตัวเองโดยสิ้นเชิง” 20 ปีต่อมา ชาวยิวที่มายังคาเดช บาร์เนีย เตรียมเข้าในคานาอันคราวนี้ ต่างจากคราวก่อน คนสอดแนมขี้ขาด 10 คน พร้อมกับพวกที่ร้องระงมตายไปในถิ่นทุรกันดารหมด เหลือแต่ คาเล็บ โยชูวา และคนยิวรุ่นใหม่ คนเหล่านี้เชื่อว่าทำได้ หลังจากโมเสสจากไปไม่นาน เขาส่งคนสอดแนม 2 คนเข้าไป และทั้งสองกลับมารายงานโยชูวาว่า “พระเจ้าทรงมอบแผ่นดินทั้งหมดไว้ในมือเรา แน่นอนแล้ว ยิ่งกว่านั้น ชาวบ้านชาวเมืองในแผ่นดินนี้ ก็มีใจครั่นคร้ามไปเพราะเราเป็นเหตุ” (ยชว 2:24) เรามีความเชื่ออย่างไรกับ ภารกิจที่พระเจ้ามอบให้เราในปัจจุบัน พระเยซูตรัสว่า “จง​เชื่อ​ใน​พระ​เจ้า​เถิด​ เรา​บอก​ความ​จริง​แก่​ท่าน​ว่า ถ้า​ผู้ใด ๆ จะ​สั่ง​ภูเขา​นี้​ว่า ‘จง​ลอย​ไป​ลง​ทะเล’ และ​มิได้​สงสัย​ใน​ใจ​แต่​เชื่อ​ว่า​จะ​เป็นไป​ตาม​ที่​สั่ง​นั้น ​ก็​จะ​เป็น​ตามนั้น​จริง” (มาระโก 11:22-23)


(4) ชัยชนะคราวก่อน เป็นอุทาหรณ์ สอนเรา
พระเจ้าทรงสัญญาว่าพวกเขาจะชนะเวลาเข้าไปในคานาอัน เช่นเดียวกับที่เคยชนะมาแล้ว คราวที่รบกับสิโหน และโอก กษัตริย์ของคนอาโมไรต์ ( เฉลยธรรมบัญญัติ 31:4) คนยิวเคยส่งทูตไปเจรจาขอผ่านทาง แต่กษัตริย์ของชาวอาโมไรต์ ปฏิเสธ กลับยกทัพมาสู้รบ แล้วพระเจ้าก็ทรงโปรดให้ยิวก็ชนะพวกเขา โอก กษัตริย์ของเมืองบาชาน ก็ยกทัพมาขวางทางเช่นเดียวกัน และพระเจ้าช่วยให้ยิวชนะอีก (กดว 21:21-35) ไม่มีใครรู้อนาคต ไม่มีใครคาดเดาสิ่งที่ยังไม่เกิด และเรามักกลัวอนาคต ที่สำคัญพระเจ้าให้เรานำประสบการณ์ การทรงช่วยเหลือของพระองค์ในอดีต ให้เป็นบทเรียนกับเราว่า พระองค์ทรงช่วยเรามา แล้วอย่างไร จะทรงช่วยเราอย่างเดียวกันในอนาคต “พระเจ้าจะกระทำ.. อย่างที่พระองค์ทรงกระทำมาในอดีต” (ฉธบ 31:4)


(5) ทรงสัญญากับเรา ว่า
ก) จะอยู่กับเรา
ไม่ทอดทิ้งเรา “เพราะว่าผู้ที่ไปกับท่านคือพระเยโฮวาห์ ( เฉลยธรรมบัญญัติ 31:6) เมื่อพระเยซู มีพระมหาบัญชาแก่บรรดาสาวก พระองค์ตรัสว่า “นี่แหละ เราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าสิ้นยุค” (มัทธิว28:20) เราไม่ได้สู้รบคนเดียว ไม่ได้ปล่อยเราไว้ให้ทำงานโดดเดี่ยวเดียวดาย ทุกที่เราไป พระองค์ไปด้วย จะขึ้นเขาลงห้วย พระองค์เสด็จไปด้วยกันกับเราทุกที่ ผมคิดย้อนกลับไปในอดีต เราเคยไปประกาศที่มีคนต่อต้าน ครั้งหนึ่งผมไปทำกลุ่มเซลล์ที่ชมชนแออัดคลองเคย กลางคืน บ้านคุณเผิ่ง คุณสำลี ขณะทำเซลล์ ก้อนหินมาจากที่ไหนไม่รู้ ปาลงมาที่หลังคาสังกะสี หลายก้อน มาเป็นระยะ บ้านแกอยู่ติดสนามฟุตบอล(สมัยนั้น) คุณเผิ่ง แกก็โอ เค น่ะ ไม่กลัวอะไร รู้ว่าชาวบ้านบางคนคงไม่ชอบ พอผมจะเดินออกมา ผมต้องเดินผ่านสนามฟุตบอลมืด ๆ หิ้วกีตาร์ไปตัวหนึ่ง มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งมาหา ถามว่า พี่อยากให้ผมคุ้มครองพี่ไหม ผมยิ้ม ๆ ถามว่าน้องเป็นใครจะมาช่วยคุ้มครองผม แล้วทำไมผมต้องมีคนช่วยคุ้มครองด้วย ผมว่าน้องเขาน่ารักดี ผมเดินออกมาปกติดี พระเยซูต่างหากคุ้มครองเราเสมอ การอธิษฐานเผื่อผู้ป่วยก็เช่นเดียวกัน ถ้าพระองค์ไม่ไปด้วย ไม่ทำการ งานรักษาผู้ป่วยก็เปล่าประโยชน์ ท้ายพระธรรมาระโกกล่าวว่า “พวกสาวกเหล่านั้นจึงออกไปเทศนาสั่งสอนทุกแห่งทุกตำบล และพระเป็นเจ้าทรงร่วมงานกับเขา และสนับสนุนคำสอนของเขา โดยหมายสำคัญที่ประกอบนั้น” (มาระโก 16:20)


ข) จะไม่ให้งานเราล้มเหลว
นี่คือสิ่งที่คนเรามักหวาดกลัว ทำไปแล้ว ไม่ประสบความสำเร็จ นำคนไม่ถึงพระเจ้า บางคนเชื่อแล้วเลิก ปลูกโบสถ์ไม่สำเร็จ โบสถ์บางแห่งอาจต้องปิดตัวลง บางคนไม่หายโรค คนที่เคยเป็นผู้นำถอยหลังไป มีคนเข้าใจเราผิด บางทีมีพี่น้องเป็นชุดยกโขยงจากไป ที่เอ่ย ๆ มานี้ผมประสบมาแล้วทั้งสิ้น ผมต้องถามตัวเอง หรือใครที่เป็นนักวิเคราะห์ว่าล้มเหลวแล้วใช่ไหม
สิ่งที่หนุนใจผมเสมอ ก็คือ ที่ผมเอ่ยมาข้างต้น พระเยซูประสบทั้งหมด มากกว่าผมหลายเท่านัก เปโตรและยอห์นก็พบ เปาโลก็พบ
เมื่อพระเจ้าพาคนยิวเข้าไปยึดคานาอัน พระองค์ทำนายไว้ด้วยซ้ำไปว่า จะมีคนยิวหลายคนลุกขึ้นเล่นชู้กับพระแปลก ๆ ของแผ่นดินนั้น และทอดทิ้งพระองค์ (ฉธบ 31:16) แต่พระสัญญาของพระองค์ก็ยังคงมั่น คือ “พระองค์จะไม่ทรงปล่อยท่านให้ล้มเหลว หรือทอดทิ้งท่าน”(ฉธบ 31:6) ผลที่สุด ยิวข้ามแม่น้ำจอร์แดนได้ ยึดเยรีโคได้ ยึดเมืองต่าง ๆ ได้ เผ่าต่าง ๆของยิว กระจายไปอยู่ตามดินแดนได้ ศัตรูยังมี แต่ดินแดนปาเลสไตน์ทั้งหมดก็เป็นของยิว ออก มันดิโน นักเขียนชาวอเมริกัน กล่าวว่า “ความล้มเหลวชนะผมไม่ได้ ตราบเท่าทีความมุ่งมั่นไปสู่ความสำเร็จมันแข็งแรงกว่า” มีผู้กล่าวว่า “ความล้มเหลว เป็นป้ายชี้ทางไปสู่ความสำเร็จ” โธมัส เอวา เอดิสัน นักประดิษฐ์ชาวอเมริกันกล่าวว่า “การล้มเหลวในชีวิต เป็นของคนที่ไม่ตระหนักว่า เขาเดินเข้าไปใกล้ความสำเร็จแค่ไหน ตอนที่เขาล้มเลิก” อย่ายอมแพ้เสียก่อน เรามักมองภาพแคบ ๆ พระเจ้าทรงทอดพระเนตรภาพรวมของเรา
ที่สำคัญ คือพระเจ้าทรงอยู่ด้วยเสมอ และ ช่วยให้สิ่งที่เราทำก้าวไปสู่ความสำเร็จ

ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ

 

 





Visitor 503

 อ่านบทความย้อนหลัง