หมายสำคัญแห่งกาลสมัย


ดร. บิลลี่ เกรแฮม


คัดย่อ โดย ศบ.



กิจการ 1:7 พระองค์ตรัสว่า “ไม่ใช่ธุระขอท่าน ที่จะรู้เวลา และวาระ ที่พระบิดาได้ทรงกำหนดไว้ โดยสิทธิอำนาจของพระองค์”

บางครั้งเราสงสัย ว่าพระเจ้าอยู่ที่ไหน ขณะที่โลกกำลังยุ่งเหยิง ทำไมพระองค์จึงไม่ยับยั้งความชั่วร้าย พระคัมภีร์กล่าวว่า พระเจ้าจะขจัดความชั่วช้า เมื่อพระคริสต์เสด็จกลับมา วันหนึ่งพระองค์จะเสด็จมาพร้อมกับเสียงโห่ร้อง กู่ก้อง และจะเป็นเวลาของความปิติยินดีของคนที่วางใจในพระองค์ (ฟิลิปปี 2:10-11)
ถ้าท่านมิได้ต้อนรับพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดเสียแต่วันนี้ วันหนึ่งท่านจะต้องก้มศีรษะลง ต่อพระองค์ พระผู้พิพากษา ไม่มีใครรู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อใด ทูตสวรรค์ และพระบุตรก็ไม่รู้ มีพระบิดาองค์เดียวเท่านั้นที่ทราบ (มธ 24:36)
เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็ม ผู้คนต้อนรับพระองค์อย่างพระเมสสิยาห์ ไม่กี่วันต่อมาพระองค์ต้องมายืนต่อหน้า สภาสูงของยิว ต่อหน้าปีลาต ถูกตัดสินประหารชีวิตที่กางเขน ตามมาด้วยการฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นจากความตาย ขอย้อนไปถึงวันที่พระองค์เสด็จเข้ากรุง พระองค์ตรัสว่า “โอ เยรูซาเล็ม เยรูซาเล็ม ที่ได้ฆ่าผู้เผยพระวจนะ เอาหินขว้างผู้ที่รับใช้มาหาเจ้าถึงตาย เราใคร่จะรวบรวมลูกของเจ้าไว้เนือง ๆ เหมือนแม่ไก่กกลูกใต้ปีกของมัน แต่เจ้าไม่ยอมเลยหนอ” ( มัทธิว 23:37) พวกสาวกทึ่งกับพระวิหารที่ถูกสร้างขึ้นอย่างสง่างาม ยิ่งใหญ่ อลังการ แต่พระเยซูกลับตรัสกับพวกเขาว่า “สิ่งสารพดเหล่านี้ พวกท่านเห็นแล้วมิใช่หรือ เราบอกความจริงแกท่านว่า ศิลาที่ซ้อนทับกันอยู่ที่นี่ ซึ่งจะไม่ถูกทำลายลงก็ไม่มี” (มธ 24:2) พวกสาวกของพระเยซูเป็นชาวประมง คนเก็บภาษี พ่อค้าจากกาลิลีตอนเหนือ ไม่เคยได้เห็นความงามของเยรูซาเล็มเช่นนี้ ตึกที่มั่นคงเช่นนี้จะพังราบลงมาได้อย่างไร ต่อมาพระองค์ก็ตรัสสิ่งที่พวกเขาประหลาดใจยิ่งกว่านั้น คือ “อีกสองวันจะถึงเทศกาลปัสกา บุตรมนุษย์จะถูกอายัดไว้ให้เขาตรึงที่กางเขน” ( มัทธิว 26: 2) พวกเขาคงเริ่มรู้สึกสัมผัสว่า พายุแห่งความไม่แน่นอนกำลังพัดมา ข่าวร้ายอย่างที่พระองค์ตรัสจะเกิดขึ้นมาได้อย่างไร
การอ่านกาลเวลา
ตั้งแต่ผมเริ่มรับใช้ใหม่ ๆ ผมติดตามข่าวทางโทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ ผมอ่าน นิวยอร์คไทม์ ลอนดอนไทม์ นิวส์วีค และวารสารไทม์เป็นประจำ การอ่านข่าวเหล่านี้ทำให้ผมมองลึกลงไปว่า ผู้คนกำลังคิดอะไรเรื่องศาสนา การเมือง และชีวิต การพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ หลายฉบับทำให้ผมตกตลึงเรื่องจิตใจคนที่ตกต่ำลงอย่างมาก ข่าวสารเหล่านี้ทำให้ผม ต้องกลับมาอ่านสิ่งที่พระเยซูตรัส เรื่อง ยุคเวลาของเรา 


พระองค์ได้ตรัสเป็นรายละเอียด ใน มัทธิว 24:3-37 ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้
อันดับแรกพระองค์ทรงทำนายถึง การถูกทำลายลงของกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งเกิดขึ้นจริงใน คศ 70 โดยแม่ทัพทิตัส ของโรม พระองค์ทำนายว่าจะมีครูสอนเทียมเท็จ มากล่าวบิดเบี้ยวความจริงที่พระองค์ทรงสั่งสอนไว้ “ระวังให้ดี อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านให้หลง ด้วยว่าจะมีหลายคน ต่างอ้างนามของเราว่า ตัวเขาเป็นพระคริสต์ เขาจะให้คนเป็นอันมากหลงไป” (มธ. 24:4)
แล้วพระองค์ก็ตรัสถึงความทุกข์ยากที่จะเกิดขึ้นในยุคของเรา “ท่านทั้งหลายจะได้ยินเสียงสงคราม ข่าวเล่าลือเรื่องสงคราม คอยระวังอย่าตื่นตระหนกเลย บรรดาสิ่งเหล่านี้ต้องบังเกิดขึ้น แต่ที่สุดปลายยังไม่มาถึง ประเทศต่อสู้กับประเทศ อาณาจักรกับอาณาจักร ทั้งจะเกิดกันดารอาหาร และแผ่นดินไหวในที่ต่าง ๆ เหตุการณ์ทั้งปวงนี้เป็นขั้นแรกแห่งความทุกข์ลำบากซึ่งต้องมีมาก่อนกำเนิดยุคใหม่” ( มธ 24:6-8)
ไม่เคยมียุคสมัยใด ที่ความทุกข์ยากจะประดังกันเข้ามามากอย่างยุคของเรา ทวีปอัฟริกากำลังพบการทำลายล้างชีวิตขนานใหญ่ จากการกันดารอาหาร โรคระบาด และเชื้อโรคสารพัดชนิด อเมริกาใต้เอง ต้องพบกับหายนะทางเศรษฐกิจและสังคม ยุโรปก็มีก้าวไปสู่ความไม่มั่นคงแน่นอน เรื่องสงครามกับตะวันออกกลาง การแบ่งแยกผิวในอเมริกายังไม่เลิก คนจรจัด ฆาตกรรม ความผิดทางเพศ การแตกแยก หย่าร้างในครอบครัว โรคระบาดหลากชนิด รวมทั้งโรคเอดส์ (AIDS) เชื้อโรคแพร่กันทางเพศสัมพันธ์ การติดเหล้า ติดยา ภาพโป๊ และพฤติกรรมแปลก ๆ กำลังกัดกินสังคมของเรา ทั่งหมดนี้ยังผนวกเข้ามา ด้วยแผ่นดินไหว พายุใหญ่ และหายนะของแผ่นดินหลายรูปแบบ พระเยซูตรัสว่า สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะเกิดขึ้น อันเป็นขั้นแรกของความทุกข์ยาก


พระเยซูยังตรัสเรื่องวาระสุดท้ายว่า ผู้ที่เชื่อในพระองค์ต้องเสียค่าสูง เพราะเขาจะต้องเผชิญกับ การหัวเราะเยาะ การข่มเหง และแม้แต่ความตาย และจะมีหลายคนปฏิเสธ แต่สำหรับคนที่สัตย์ซื่อ ยืนหยัดอยู่พระองค์ตรัสว่า “เขาจะอายัดท่านทั้งหลายไว้ ให้ทนทุกข์ลำบาก และฆ่าท่านเสีย และประชาชาติต่าง ๆ จะเกลียดชังพวกท่าน เพราะความจงรักภักดีของท่านที่มีต่อเรา ...แต่ผู้ที่ทนได้ถึงที่สุดจะรอด” ( มธ. 24:9-13)


ผมเชื่อว่า นี่คือภาพของคนยุคปัจจุบัน เรื่องเสื่อมเสียในศาสนา ในรัฐบาล ในการศึกษา ทุก ๆระดับของผู้มีอำนาจ เจ้าหน้าที่ทุบตีราษฎร ประชาชนที่ขบถทำร้ายเจ้าหน้าที่ ในรัฐบาลและธุรกิจมีการฉ้อราษฎร์บังหลวง การหลอกลวง
เราได้เห็นผู้นำศาสนา และศีลธรรม ที่ประกาศว่าติดตามพระเยซู แต่กลับทำให้พระเจ้าเสียพระเกียรติ ที่ร้ายที่สุด เราได้เห็นว่าพระกิตติคุณถูกทำให้บิดเบี้ยวไป โดยครูสอนเท็จ โดยการเอาคำสอนของโลกมาผสมปนเปกับความจริงแห่งพระวจนะ
คำตักเตือนเหล่านี้จากพระธรรมมัทธิว มิใช่ คำอุปมา หรือนวนิยาย แต่มันถูกนำมาพาดหัวข่าวในยุคของเราอย่างทันสมัย
แต่คริสตจักรจะเพิ่มพูนฝ่าการข่มเหง


พระเยซูตรัสว่า คริสตจักรจะฉายแสงเข้าไปในความมืด คริสตจักรที่โรมาเนีย บัลกาเรีย เยอรมันตะวันออก เจริญงอกงามขึ้นจากดินแห่งความสิ้นหวัง “ข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า จะได้ประกาศไปทั่วโลกให้เป็นคำพยาน แก่บรรดาประชาชาติ แล้วที่สุดปลายจะมาถึง” ( มธ. 24:14)


สำหรับผม ข้อความเหล่านี้เตือนเราให้ทราบวารสุดท้าย แต่ก็ทำให้ผู้ที่มีความเชื่อในพระคริสต์มั่นใจ ปลอดภัย ความทุกข์ยากและความตายในโลกนี้ มิได้ทำให้ทุกสิ่งสิ้นสุดลง พระองค์ทรงมีพระสัญญานำเราไปสู่ชีวิตนิรันดร์ในโลกหน้า ทุกคนต้องรับผิดชอบ ตอบรับพระกิตติคุณก่อนจากโลกนี้ไป พระเมตตาของพระเจ้าเปิดประตูสวรรค์ให้แก่เราผ่านทางไม้กางเขน และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู


ท่านอาจถามผมว่า ทำไมพระดำรัสของพระเยซู จึงเป็นข่าวดีสำหรับโลกที่อยู่ในวิกฤติ ก็เพราะพระองค์ได้ประทานพระกิตติคุณแห่งความหวังใจให้เรา ข่าวประเสริฐที่บอกให้เราทราบว่า พระองค์ทรงรักเรา พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งความเมตตา พระคุณของพระองค์ยิ่งใหญ่กว่าความบาปของเรา ถ้าเราเพียงแต่สารภาพบาป ละทิ้งบาป ยอมรับการอภัยโทษ และก้าวเดินกับพระองค์ในความเชื่อ เราจะได้รับความชื่นชมยินดี เพราะมีพระองค์สถิตอยู่ด้วย ท่ามกลางพายุแห่งชีวิต
สัญญาณแห่งการสิ้นสุด


ขณะที่พระองค์ให้เรามีความหวัง ท่ามกลางพายุชีวิต พระองค์ก็บอกให้เราทราบว่า กาลเวลาของโลกเราสั้นลง ๆ ทุกที ชีวิตของเราแต่ละคนเป็นดั่งละอองน้ำ ที่อยู่แต่ประเดี๋ยวประด๋าว เป็นดั่งหญ้าและดอกไม้ ที่ไม่นานก็เหี่ยวแห้งไป อีกไม่นานนักที่สุดปลายก็จะมาถึง มัทธิวบอกให้เราทราบว่า โลก และระบบของโลกนี้จะล่วงไป “จนถึงวาระเมื่อสิ่งสารพัดจะตั้งขึ้นใหม่” (กิจการ 3:21)
โลกยุคสุดท้าย ดาเนียล 12:4 กล่าวว่า “ความรู้จะทวีขึ้น” โลกทุกวันนี้ มีความรู้ในสาขาวิชาต่าง ๆ มากกว่ายุคใด ๆ ในประวัติศาสตร์ เรามีนักวิทยาศาสตร์ และวิศวกรมากกว่ายุคใด ๆในอดีต โรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัย ผลิตบัณฑิต ออกมาปีละหลายล้านคน ข้อมูลข่าวสารกองทวีล้นพ้น ขณะที่ลูกหลานของเรามีความรู้ พวกเขากลับไม่มีปัญญาในการใช้ความรู้ ผู้คนกลับสับสน สถิติคนเป็นโรคประสาทสูง ผู้คนใช้ชีวิตอย่างคนไร้หางเสือ


หลายคนตั้งคำถามว่า ทำไมโลกนี้จึงไม่มีสันติสุข ทั้ง ๆ ที่เราความรู้ท่วมหัว ความจริงก็คอเราพยายามสร้างสันติในโลก แต่เราไม่มันติสุขในจิตใจ พระธรรมอิสยาห์ 57:21 กล่าวว่า “ไม่มีสันติสุขสำหรับคนอธรรม” เวลาเราทำบาป เราไม่มีสันติสุข พระเยซูตรัสให้เราทราบถึงความทุกข์ยากที่จะมีมา แต่พระองค์ทรงสัญญา ประทานสันติสุขให้ “เราได้บอกเรื่องนี้แก่ท่าน เพื่อท่านจะได้มีสันติสุขในเรา ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงชื่นใจเถิด เราขนะโลกแล้ว” ( ยอห์น 16:33)


เมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จเข้มาประทับในใจของท่าน ถ้าท่านหันกลับจากความบาป ต้อนรับพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด พระองค์ทรงรักท่าน ทรงรู้จักชื่อของท่าน พระองค์ทรงปรารถนาอภัยโทษให้ท่าน ท่านสามารถก้าวเข้ามาสู่อาณาจักรใหม่ โลกใหม่ในชีวิตของท่านเกิดขึ้นภายใต้การมีพระองค์เป็นผู้นำ โลกอาจสับสนวุ่นวาย แต่พระเยซูผู้ประทับในท่านจะทำให้ท่านสุขใจ ตื่นเต้น มีชีวิตงดงามภายใต้ความรักของพระองค์ สุดทางของโลก คือจุดเริ่มต้นใหม่ของพระเจ้า

ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ
















 



Visitor 116

 อ่านบทความย้อนหลัง