5 ประการ  พระเยซูทรงปรารถนาให้สตรีทราบ

   

ข้อคิดจาก ทีมของ บิลลี่  เกรแฮม 

Kellie Van Gilder

 วันทื่ 8 มีนาคม ถือกันว่าเป็น วันสตรีสากล  แต่ทุกวันนี้ในอเมริกา ยกเดือนมีนาคมทั้งเดือนให้เป็น “เดือนแห่งวีรกรรมสตรี”  (March is Women’s History Month)   ความจริงไม่จำเป็นที่เราจะถือเดือนใดเดือนหนึ่ง เป็นเดือนของสตรี  ดร. บิลลี่ เกรแฮม ครั้งหนึ่ง ได้ตอบเมื่อมีผู้ถาม เรื่องสตรีว่า “พระเยซูทรงให้เกียรติผู้หญิง  พระองค์ทรงเลือกพวกผู้หญิงให้รับใช้พระราชกิจสำคัญ”

      พระเจ้าทรงสร้างผู้หญิงตามแบบพระฉายของพระองค์ อย่างที่พระองค์ทรงสร้างผู้ชาย และเธอก็ยังคงเป็นแกนสำคัญ มีค่าในงานของพระเยซูในปัจจุบัน  พระองค์เชิญชวนผู้หญิงทั้งหลายให้ขานรับการทรงเรียกของพระองค์  กล้าหาญก้าวออกมารับใช้

       มีผู้ถามว่า  เป็นความจริงไหมที่   ผู้หญิงมิได้รับเกียรติอะไรนักในพระคัมภีร์

 1   สังคมมิใช่ผู้ที่มาชี้นิ้วว่า ท่านมีค่าหรือไม่    

       พระเจ้าต่างหาก  พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นว่า ท่านคือผู้ถูกสร้างที่งดงาม  คุณค่าของท่านมิได้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งในชีวิต  หญิงชาวสะมาเรียที่บ่อน้ำ คงคิดว่าพระเยซูเป็นคนประหลาด ที่พระองค์มาสนทนากับเธอ  พระองค์เป็นยิว เธอไม่ใช่ยิว ชาวยิวไม่คบค้าสมาคมกับชาวสะมาเรีย  แต่พระองค์ทรงสนทนากับเธอ  และพระองค์ทรงเดินคืบหน้าไปอีกก้าวหนึ่ง โดยเปิดเผยให้เธอทราบว่า พระองค์คือพระบุตรของพระเจ้า และสิ่งนี้เองที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอ  คำพยานของเธอมีพลังเป็นเหตุให้ชาวสะมาเรียทั้งหลาย มาเชื่อพระเยซูด้วย (ยอห์น 4:1-42)

                      

2.  ท่านถูกสร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์   

      โดยคำนึงว่า วันนี้ธุรกิจของท่านจะเล็กหรือใหญ่   ดี หรือล้มละลาย  พระองค์มีพระประสงค์เฉพาะสำหรับท่าน  พระเจ้ามีสิ่งใหญ่ข้างหน้าท้าทายให้ท่านไขว่คว้าเอา  หากท่านหาญกล้าร่วมไม้ร่วมมือกับพระองค์  เอามันมาให้ได้   ลองคิดถึงมารีย์ สาววัยรุ่นที่ละทิ้งความขลาดกลัว เลือกไว้วางใจพระเจ้า  นับตั้งแต่เธอทราบว่าเธอจะตั้งครรภ์ประสูติพระกุมารเยซู  ลองคิดถึงมารีย์ มักดาลา ผู้ได้รับการปลดปล่อยจากผีที่มาสิงในเธอ  เธอใช้ชีวิตที่เหลือสรรเสริญพระองค์  เธอติดตามพระองค์ไปทุกแห่งทุกหน จนถึงไม้กางเขน  เธอตามไปชโลมพระศพพระองค์ ในเช้าวันอาทิตย์ เมื่อพระองค์ฟื้นคืนพระชนม์จากความตาย  และเธอเป็นคนแรกที่พระองค์ปรากฏหลังการฟื้นคืนพระชนม์  และเธอคือคนที่ไปกระจายข่าวเรื่องการฟื้นคืนพระชนม์ ( มาระโก 16:9)

                                                          

                               

3.  ทรงมี “พระคุณ” ให้ท่านด้วย  

      หากว่าท่านตกเครื่องบิน  ทำงานในสำนักงานผิดพลาด ลืมคดข้าวห่อไปให้ลูกชาย  ท่านยังเป็นคนที่มีค่าอยู่  พระเยซูยังทรงรักท่านอย่างที่ท่านเป็นเสมอ  ลองคิดถึงผู้หญิงผิดประเวณีที่เขาลากตัวเธอมาฟ้องพระองค์ที่พระวิหาร (ยอห์น  8:10-11) พวกผู้นำศาสนาทั้งหลายลงความเห็นว่า เธอควรถูกเอาหินขว้างถึงตาย พระองค์สู้ความกับพวกเขาโดยถามว่า “ใครในพวกท่านที่ไม่ได้ทำผิดให้เอาหินขว้างเธอก่อน” และพวกเขาค่อยๆ ผละเธอออกไปทีละคนสองคน  เหลือแต่พระองค์กับหญิงนั้นตามลำพัง  พระองค์ถามเธอว่า “หญิงเอ๋ย  พวกเขาไปไหนหมด ไม่มีใคระเอาโทษเจ้าหรือ” เมื่อนางทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ไม่มีผู้ใดเลย” พระเยซูตรัสว่า “เราก็ไม่เอาโทษเจ้าเหมือนกัน  จงไปเถิด และอย่าทำผิดอีกเลย”


                                  

4.   อย่ากลัวที่จะอธิษฐานเสมอ

    อย่าสับสนระหว่าง  การวิงวอนทูลขอ กับการรบเร้า  ท่านไม่ได้ทำให้พระองค์รู้สึกรำคาญตัวท่านหรอก ดังนั้นจงอธิษฐานเสมอ  จงแสวงหาพระองค์เรือยไป  ลองคิดถึงวันนั้นขณะที่พระองค์กำลังเสด็จดำเนินไปยังเมืองคาเปอรนาอูม   มีผู้คนเนืองแน่น เบียดเสียด  มีผู้หญิงคนหนึ่งพยายามยื่นมือของเธออกไปแตะชายฉลอง  แล้วโรคโลหิตตกของเธอก็หายดี (มาระโก 5:21-34)  ลองคิดถึงว่า  ในวันเดียวกันนั้น  พระองค์ได้เรียกลูกสาวของนายธรรมศาลาให้ฟื้นคืนชีพจากความตาย  (มาระโก 5:35-43)  หากวันนี้  ท่านมีภาระหนักอกหนักใจอะไร  จงใช้เวลากราบทูลเรื่องนั้นกับพระองค์

                        

5.  มิได้ทรงเรียกท่านให้ ทำทุกสิ่ง 

      แต่ในฐานะที่ท่านเป็น ลูกสาวขององค์ผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด  พระองค์ขอให้ท่านละสิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดนั้นไว้ในพระหัตถ์  มอบให้พระองค์เป็นผู้ดูแล   ท่านคือผู้นั่งอยู่ที่พระบาทพระผู้ช่วยให้รอด       เมื่อพระเยซูไปเยี่ยมบ้านของมารีย์ และมารธา (ลูกา 10:38-42) มารธาง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารให้พระเยซู เธอต้องการทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบ  ครั้นเธอมาบ่นกับพระเยซูว่า น้องสาวไม่ช่วยเธอเลย  พระองค์เตือนมารธาอย่างละเมียดละไมว่า “มารธา มารธา  เอ๋ย   เธอกระวนกระวาย และร้อนใจด้วยหลายสิ่งนัก  สิ่งที่ต้องการนั้นมีแต่สิ่งเดียว  มารีย์ได้เลือกเอาส่วนดีนั้น  ใครจะชิงเอาไปจากเธอไม่ได้”


                                    



Visitor 817

 อ่านบทความย้อนหลัง