สุดยอดแห่งนักขาย
ศบ.

 


ผมเคยเป็นเซลล์แมน ขายยา หลายปีมาแล้วผมอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า “สุดยอดแห่งนักขาย” เขียนโดย อ็อก แมนดิโน ผมเคยถอดมันออกมาเป็นบทละครคริสตมาส หนังสือเล่มนี้มีความยาว 116 หน้า วันนี้ขอย่อความ มาบรรจุลงในเล่มสูจิบัตรน้อย ๆ ฉบับนี้ ในเทศกาลคริสตมาส
ฮาฟิต เป็นมหาเศรษฐีใหญ่ในกรุงเยรูซาเล็ม เขาเป็นพ่อค้าที่ประสบความสำเร็จสูงสุดเมื่อประมาณ 2000 ปีที่แล้ว วันนี้บ้านของเขาคือคฤหาสน์อันโอ่อ่า ประดับด้วย อัญมณีสวยสด ประดับประดา เป็นลวดลายวิจิตร มองไปมุมไหนในบ้าน ก็ตกแต่งด้วยวัสดุที่มีราคาสูงสุดทั้งสิ้น งาช้าง โต๊ะไม้ชั้นเลิศสลักลวดลาย กระถางทองคำ กระถางเงินสุกปลั่ง ลานบ่อน้ำพุหินอ่อน โกดังสินค้าของเขา ลำเลียง ขนสัตว์ ผ้าลินิน น้ำผึ้ง พรมจากอาราเบีย ภาพวาดจากโรม รูปปั้นจากกรีซ ลูกพลัม เนยแข็ง ฯลฯ เขาส่งสินค้าไปขายทั่วสาระทิศ สมุห์บัญชี รายงานว่าทรัพย์ในโกดังสินค้า ของเขามีประมาณ 7 ล้านเหรียญทอง ส่วนที่กระจายอยู่ในตลาดไม่น่าจะต่ำกว่า 3 ล้านเหรียญทอง
วันนั้นเขาบอกสมุห์บัญชีว่า “ท่านคงนึกขำ ที่ตลอดมา ข้าฯ สั่งให้ท่านปันผลกำไรทั้งหมดในแต่ละปี ออกมาครึ่งหนึ่ง เพื่อนำไปแจกแก่คนยากจน”
เขาพูดต่อ “บัดนี้ ข้าฯชราแล้ว ความต้องการต่าง ๆ ก็เรียบง่าย ตั้งแต่ลิชา ที่รักของข้าฯ จำพรากไป หลังจากใช้ชีวิต อย่างเปี่ยมสุขมาหลายสิบปี เป็นความปรารถนาของข้า ที่จะแจกจ่ายทรัพย์สินทั้งปวงแก่เหล่าคนเข็ญใจทั้งหลายแห่งนครนี้ เหลือไว้เพียงเพื่อดำรงชีพอย่างพอสบายเท่านั้น”
แล้วฮาฟิต ก็ท้าวความหลัง ถึงอดีตว่าเขา เริ่มชีวิตนักขายมาอย่างไร
ฮาฟิต วัยหนุ่ม เขาทำงานเป็นเด็กดูแลอูฐ ในกองคาราวานขนสินค้าไปขายของพาธรอส ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม พาธรอสเป็นพ่อค้ายิ่งใหญ่ ประสบความสำเร็จสูงสุดคนหนึ่ง เขาเป็นมหาเศรษฐีอันเป็นที่รู้จักของชาวเมือง ด้วยใจเมตตาเขาเอาฮาฟิต มาชุบเลี้ยงตั้งแต่เยาว์วัย เพราะพ่อและแม่ของฮาฟิตเสียชีวิตด้วยโรคร้าย ฮาฟิต หนุ่มน้อยยังมุ่งมั่นกับการงาน แม้ว่าวันนั้นเขารักชอบกับลิซา ซึ่งเธอก็ยังอ่อนเยาว์เช่นกัน วันนั้น ฮาฟิต เข้าไปหาพาธรอส เสนอตัวเป็นนักขายคนหนึ่งของท่าน เล่นเอาพาธรอสฉุนเฉียว หงุดหงิดกับความทะเยอทะยานของเด็กหนุ่มคนนี้

“ฮาฟิต ข้าฯเห็นเอ็งเหมือนลูกหลานคนหนึ่งมาตลอด ทั้งเวียนหัว ทั้งงง กับคำขอประหลาดของเอ็งจริง ๆ ไม่พอใจกับงานที่ทำอยู่หรือไง?”

นัยน์ตาเด็กหนุ่มจ้องแน่วอยู่ที่พรม “มิได้ขอรับ นายท่าน” พาธรอสยังคิดว่า “เพราะงานดูแลอูฐที่ทวีขึ้น มันหนักเกินไปหรือเปล่า” ฮาฟิตปฏิเสธ แต่ยังคงยืนยันความตั้งใจ “เป็นความปรารถนาของผม ขอรับ ที่จะเป็นหนึ่งในบรรดาพนักงานขายของท่าน เป็นแค่เด็กคุมอูฐนั้นไร้ความหมาย แต่หากได้เป็นพนักงานขายของท่าน ผมก็สามารถมั่งคั่ง และประสบความสำเร็จได้”

“เอ็งเชื่อว่า มีความสามารถพอที่จะทำอย่าฮาฟัด ไซมอน และคนอื่น ๆได้รึ ?”
“หากเอ็งได้รู้หลักการขายจนจบแล้ว เป้าหมายในชีวิตของเอ็งคืออะไร?” พาธรอสชายชรา ตั้งคำถามเด็กหนุ่ม
ฮาฟิตลังเลนิดหน่อยก่อนตอบ “ความทะเยอทะยานของผม คือ จะทำงานให้ยิ่งใหญ่กว่านายท่าน เป็นพ่อค้าเก่งที่สุด บุรุษที่มั่งคั่งที่สุด” พาธรอส มองดูเด็กน้อยผู้หาญกล้าและถามต่อ “แล้วเจ้าจะทำอะไรกับความมั่งคั่งเหล่านั้น?”

 



“ผมจะกระทำอย่างเดียวกับนายท่าน ครอบครัวผมจะต้องได้รับสิ่งดี และประณีตที่สุด ที่เหลือ ผมจะแบ่งปันแก่เหล่าคนผู้ขัดสน” พาธรอส ตกลง ให้ฮาฟิต เด็กดูแลอูฐออกไปเป็นพนักงานขาย “ดีแล้ว ทหารหนุ่มของข้าฯ ข้าฯจะให้เจ้าเริ่มอาชีพขายของ” ฮาฟิตดีใจยิ่ง คุกเข่าลงกราบนาย
“พรุ่งนี้เช้า เอ็งไปรายงานตัวกับซิลวิโอ ที่เกวียนสินค้า เขาจะจ่ายเสื้อคลุมแบบไร้ตะเข็บที่สวยที่สุดของเรา ตัวหนึ่ง มันทอด้วยขนแพะ ทนทานได้แม้แต่ฝนที่กระหน่ำหนักที่สุด ย้อมสีแดงด้วยรากต้นแมดเดอร์ เพื่อให้ทนทานไม่ซีดจาง ตรงชายด้านในเอ็งจะเห็นดาวเล็ก ๆปักไว้ดวงหนึ่ง นั่นคือเครื่องหมายว่าตัดเย็บจากโรงงาน ของโทลา ซึ่งฝีมือดีที่สุดในโลก ถัดรูปดาวก็เป็นเครื่องหมายของข้าฯ เอง รูปวงกลมในจัตุรัส เครื่องหมายทั้งสองนี้เป็นที่รู้จักและนับถือทั่วแผ่นดิน เราขายเสื้อคลุมชนิดนี้ไปหลายหมื่นหลายแสนตัวแล้ว พวกยิวเรียกเสื้อคลุมนี้ว่า อะเบยาห์”
“จงเอาเสื้อคลุมตัวนี้ กับล่อตัวหนึ่ง มุ่งไปที่เบธเลเฮม ยังไม่เคยมีนักขายคนใดของเราไปที่นั่นมาก่อน อยู่ที่นั่นจนกว่าจะขายได้ เสื้อคลุมตัวนี้ราคา หนึ่งเหรียญเงิน” ฮาฟิตพยักหน้า ใจเตลิดไปถึงพรุ่งนี้เรียบร้อยแล้ว
ที่เบธเลเฮม
พรุ่งนี้จะเป็นวันที่ 4 ในเบธเลเฮมแล้ว แต่เสื้อคลุมที่นำมาด้วยความมั่นใจยังคงอยู่ในหีบห่อบนหลังล่อ ซึ่งตอนนี้ผูกไว้กับหลักในถ้ำหลังโรงเตี้ยม
ความกังขาเกิดขึ้นในใจ “ทำไมผู้คนไม่ยอมฟังข้าฯ นะ?” “จะควบคุมความสนใจเขาได้ยังไง?” “ทำไมจึงปิดประตูใส่หน้าทันที ขณะที่พูดยังไม่ทันถึงห้าคำเลย?” “ทำไมจู่ ๆ ก็หมดความสนใจในสิ่งที่ข้าฯ พูดไปเฉย ๆ แล้วเดินจากไป” “คนในเมืองนี้ยากจนกันแทบทุกคนหรือ?” “หรือราคาที่ข้าฯกำหนด สูงกว่ามาตราฐาน?” เขาส่ายหัวชิงชังความล้มเหลวของตนเอง บางอาจไม่ใช่งานที่เหมาะกับเขา เขาควรเป็นคนคุมอูฐ และแลกเหรียญทองแดงไปเป็นวันๆ มากกว่า” “พาธรอสเรียกเขาว่า นักรบหนุ่มได้ยังไง”
เขาหวนคิดถึงลิซา และคาลเนห์ บิดาผู้เคร่งขรึมของนาง แล้วข้อกังขาของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว วันนี้จะหาที่นอนบนเขาก่อนสักคืนหนึ่ง เพื่อประหยัดทุน พรุ่งนี้จะขายเสื้อคลุมตัวนี้ให้ได้ อันที่จริงสี่วันนานเกินไปแล้วสำหรับการขายเสื้อคลุมตัวเดียว เขาออกจากโรมเตี้ยมที่อึกทึกจอแจ มุ่งหน้าไปยังถ้ำที่ผูกอานลาไว้ อากาศหนาวเหน็บจนพื้นเป็นน้ำแข็ง แสงไฟวอมแวมในถ้ำ ทำให้เขาเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น เพราะเกรงว่าจะเป็นพวกขโมย ฮาฟิตเข้าไปที่แยกหินปูนปากถ้ำ ด้วยอาการเตรียมพร้อม ที่จะเล่นงานพวกหัวขโมย แล้วเอาทรัพย์ของตนคืนมา แต่ภาพที่ตนเห็นตรงหน้า ทำให้ความตึงเครียดของตนมลายลงทันที
เทียนเล่มเล็ก ๆ เล่มหนึ่ง ที่ปักไว้ตรงรอยแยกของผนังถ้ำ สาดแสงวอมแวมให้เห็นบุรุษไว้หนวดเคราผู้หนึ่ง กับหญิงสาวนางหนึ่ง นั่งเบียดอยู่ใกล้กัน แทบเท้าของทั้งสอง ในหลุมหินที่ปกติใช้ใส่ฟาง เพื่อเป็นอาหารของสัตว์พาหนะ ที่มาผูกไว้ในถ้ำนี้ ทารกน้อยคนหนึ่งนอนหลับอยู่ เรื่องแบบนี้ฮาฟิตรู้น้อย แต่ก็ตระหนักได้ว่าทารกนั้นเพิ่งเกิด เพราะผิวอันยับย่นและแดงเรื่อ ชายหญิงคู่นั้นเอาผ้าห่อหุ้มไว้ทั้งตัว เว้นแต่บริเวณศีรษะเล็กกระจ้อยร่อยนั่นเท่านั้น
ชายผู้นั้นผงกศีรษะมาทางฮาฟิต ขณะที่หญิงสาวขยับไปใกล้เด็ก ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทันใดร่างของหญิงนั้นก็สั่นสะท้านขึ้นมา และฮาฟิตก็เห็นได้ว่าอาภรณ์บาง ๆ ที่นางสวมใส่อยู่นั้นแทบป้องกัน ความเย็นชื้นภายในถ้าไม่ได้เลย ฮาฟิตหันไปดูทารกน้อยอีกครั้ง รู้สึกจับใจกับริมฝีปากเล็ก ๆ ที่เผยอขึ้นราวกับจะยิ้ม ความซึ้งใจอย่างประหลาดวูบขึ้นมา ความคิดของเขาหวนไปถึงลิซาด้วยสาเหตุที่ไม่ปรากฏ หญิงสาวสะท้านไปทั้งร่างเพราะความเย็นเยียบอีกครั้ง ความเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันของนางทำให้เขาตื่นจากภวังค์
หลังจากลังเลอยู่อย่างเจ็บปวดใจชั่วขณะ นักขายหน้าใหม่ก็เดินไปที่ล่อของเขา ค่อยๆ แก้เชือกทีละเปลาะ เปิดห่อแล้วหยิบเสื้อคลุมออกมา เขาคลี่มันออกแล้วถูไปบนเนื้อผ้าสีแดงเรืองโรจน์ใต้แสงเทียน มองเห็นตราของพาธรอส และโทลาที่ปักไว้ได้ถนัด วงกลมจัตุรัสกับดาว กี่ครั้งกันนะที่เขาประคองเสื้อคลุมตัวนี้ ไว้ด้วยแขนอันอ่อนล้าในสามวันที่ผ่านมา แทบว่าจะรู้จักมันดีทุกเส้นใยเลย เสื้อคลุมตัวนี้คุณภาพดีจริง ๆ หากใช้อย่างระมัดระวัง ก็คงทนไปชั่วชีวิตทีเดียว

 

ฮาฟิตหลับตาถอนหายใจออกมา จากนั้นก็เดินไปอย่างรวดเร็วไปยังครอบครัวเล็ก ๆ นั่น คุกเข่าลงบนกองฟางข้างๆ ทารกน้อย แล้วค่อยๆเปลื้องเสื้อคลุมที่เก่าขาดของผู้เป็นพ่อและแม่ออกมาคืนให้ทั้งสอง จากนั้นก็คลี่เสื้อคลุมสีแดงล้ำค่าตัวนั้นออกมาคลุมอย่างแผ่วเบาบนร่างน้อย ๆ ที่กำลังหลับใหล
รอยชื้นของการจุมพิตของหญิงสาวยังคงประทับบนแก้มของฮาฟิตขณะจูงล่ออกมาจากถ้ำ ตรงศีรษะของเขาพอดีคือดวงดาวที่สุกใสเท่าที่ฮาฟิตเคยเห็นมา เขาเพ่งดูดาวดวงนั้นจนน้ำตาคลอ จากนั้นก็นำสัตว์ของตนลัดเลาะไปสู่ถนนใหญ่ ที่ทอดไปสู่กรุงเยรูซาเล็ม และกองคาราวานที่พักแรมอยู่บนภูเขา
ฮาฟิตนั่งลากลับอย่างเชื่องช้า คอตก ตาจับแต่พื้น จึงมิได้สังเกตว่าดาวสุกใสเปล่งปลั่งนั้นเจิดจ้านำอยู่เบื้องหน้า “ทำไมถึงทำอะไรโง่ๆ เช่นนั้นลงไปได้นะ?” “คนในถ้ำนั้นเป็นใครก็ไม่รู้?” “ทำไมจึงไม่พยายามขายเสื้อคลุมให้แก่คนทั้งสองนั้นล่ะ?” “พวกนั้นต้องหัวเราะกันจนลงไปดิ้นแน่ ถ้าเขารู้ว่าเราเอาเสื้อคลุมที่เป็นสินค้าของตนไปให้คนอื่นเสียแล้ว” เขาคิดหาเรื่องโป้ปดต่อพาธรอสอย่างหนัก บางทีอาจจะกลับไปบอกเขาว่า คนขโมยไปจากหลังลา ขณะกินอาหารอยู่ในโรงเตี้ยม พาธรอสจะเชื่อเรื่องแบบนี้หรือไม่นะ ยิ่งกว่านั้นโจรผู้ร้ายมีทั่วแผ่นดินไปหมด หากพาธรอสเชื่อก็ไม่แคล้วโดนดุด่าเรื่องความเลินเล่ออีกแน่
ไม่นานนักเขาก็มาถึงถนนผ่านอุทยานเก็ธเซมาเน ฮาฟิตลงเดินละห้อยละเหี่ยนำหน้าล่อ ไปจนถึงกองคาราวาน แสงสว่างจากเบื้องบนสว่างจ้าประหนึ่งกลางวัน การเผชิญหน้าอย่างร้ายกาจที่เขาหวั่นก็อุบัติขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นพาธรอสยืนอยู่นอกกระโจม กำลังแหงนมองดูฟ้าอยู่ ฮาฟิตยืนนิ่งไม่ติงกาย แต่กระนั้นชายชราก็เห็นเขาทันที
มีสำเนียงแปลกๆ ในน้ำเสียงของพาธรอส ขณะที่เขาเดินมาหาเด็กหนุ่มและกล่าวขึ้นว่า “เอ็งตรงมาจากเบธเลเฮมเลยหรือ?” “ขอรับ นายท่าน” เขาตอบ
“เอ็งไม่รู้หรือว่ามีดาวดวงหนึ่งเคลื่อนตามมาด้วย” “ไม่มันสังเกตขอรับ นายท่าน”
“เห็นอะไรพิเศษ ที่เบธเลเฮมบ้างหรือเปล่า ข้าฯไม่เคยพบเห็นคืนอย่างนี้มาก่อน” ชายชราหันไปคว้าหีบเสื้อคลุมบนหลังล่อขึ้นมาดู “ว่างเปล่า ในที่สุดเอ็งก็ทำสำเร็จนได้ เข้าไปในกระโจมกันเถอะจะได้เล่าประสบการณ์ให้ข้าฯ ฟัง” ด้วยเสียงแผ่วเบา ฮาฟิตบรรยายถึงเหตุการณ์ที่อุบัติขึ้นในถ้ำ เขาเล่าเรื่องทารกน้อย และเสื้อคลุม เด็กหนุ่มหยุดเล่าเรื่องและสะอึกสะอื้น สักครู่ ฮาฟิตลุกขึ้นยืนอย่างสงบงัน พลางโค้งให้ผู้อุปถัมภ์ และพูดเสียงระห้อย “ข้าฯ ล้มเหลว ข้าฯ พร้อมทำอะไรก็ได้ตามแต่ท่านบัญชา ขออภัยที่ทำให้ท่านผิดหวัง”
เด็กหนุ่มกลับออกไป แต่ชายชราเอ่ยวาจา “นอนพักให้สบายเถิด เพราะเอ็งไม่ได้ล้มเหลว และนี่แหละนักขายที่ข้าฯใฝ่หา”






 





Visitor 397

 อ่านบทความย้อนหลัง