|
เราจะหนุนกำลังเจ้า ศบ.

“เราจะหนุนกำลังเจ้า เออ เราจะช่วยเจ้า” (อิสยาห์ 41:10)
เมื่อสอนวิชาตามรอยพระบาท ผมเอาหนังเรื่อง “กำเนิดพระเยซู” มาฉาย ฉากที่เมืองนาซาเร็ธ เป็นฉากหนึ่งที่กินใจผมมาก มาเรีย โยเซฟเป็นคนยากจนข้นแค้น หมู่บ้านนี้จนกันทั้งหมู่บ้าน สภาพบ้านก็โกโรโกโส ไม่มีอะไรโสภาสักอย่าง โยเซฟเป็นช่างไม้ พ่อของมาเรียเลี้ยงแพะ เพื่อรีดน้ำนม ผักหญ้าที่กินก็เก็บตามรั้วสวนครัว เด็ก ๆในหมู่บ้าน เรียนหนังสือจากครูอาสา ค่าสอนได้จากชาวบ้านที่เก็บเงินกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ช่วยครู ในบ้านไม่มีบ่อน้ำ หรือประปา ผู้หญิงสาว ๆ ต้องออกไปตักน้ำในบ่อรวม กลางหมู่บ้านทุกวัน เพื่อเอามาใช้ในบ้าน ยิวเป็นเมืองขึ้นของโรม ไม่มีอิสรภาพ โรมตั้งเฮโรดมหาราช เป็นกษัตริย์ให้ปกครองปาเลสไตน์ เฮโรดเป็นคนเชื้อชาติเอโดม ไม่ใช่ยิว จึงไม่รักยิว เฮโรดส่งทหารมาเก็บภาษีจากคนจนเหล่านี้ เหมือนรีดเลือดจากปู บ้านไหนไม่มีจ่าย ทหารก็พร่าลูกสาวไป นี่คือสภาพคนยิวในสมัยนั้น โยเซฟมีลาอยู่ตัวหนึ่ง ก็ถือเป็นสมบัติมีราคา ของพ่อหนุ่มผู้หาเช้ากินค่ำ ส่วนยิวที่เยรูซาเล็ม โรมส่งข้าหลวงมาปกครอง ซีซาร์ให้อิสรภาพในการนับถือศาสนา มอบหมายมหาปุโรหิตดูแล พระวิหารตามใจยิว เพื่อลดแรงกดดันการลุกฮือขึ้นมาขบถ แต่ถ้าใครจะลุกขึ้นมาต่อสู้ แข็งข้อ โรมก็จะจับมาลงโทษ โดยการตรึงที่ไม้กางเขน แล้วยิวจะเอากำลังที่ไหนมาสู้ ยิวที่เคยเป็นเสือสมัยกษัตริย์ดาวิด ก็จะสิ้นเขี้ยวเล็บกลายเป็นลูกแมว คนเราหากถูกกดขี่ขนาดนี้ ดิ้นไปไหนไม่ได้ แลไม่เห็นความหวังใด ๆ ก็จะหมดกำลังใจ ทอดอาลัยตายอยาก สภาพเช่นนี้ อย่าว่า แต่ยิวสมัยนั้นเลย เราในปัจจุบันก็เผชิญปัญหาเดียวกัน มารบีบบังคับเรา ล่อลวงเราจนหลง คนไทยจำนวนไม่น้อย ทำงานไปมา หนี้สินอีรุงตุงนัง ลืมตาอ้าปากไม่ได้ ก็วิ่งเข้าไปพึ่งหวยเบอร์ การพนัน พึ่งหมอดู ไม่สำเร็จก็พึ่งเหล้ายา ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง เหมือนลิงแก้แห 
1. ความหวังเกิดขึ้นเพราะพระเจ้า “เราจะหนุนกำลังเจ้า เออ เราจะช่วยเจ้า” (อิสยาห์ 41:10)
พระธรรมอิสยาห์ 40-41 เขียนขึ้นเพื่อบรรยาย คนยิวในสมัยที่พระเยซูเสด็จมาบังเกิด พระองค์ตรัสว่า “จงเล้าโลม จงเล้าโลมชนชาติของเรา จงพูดกับเยรูซาเล็มอย่างเห็นใจ ..” (อสย.40:1-2) แล้วพระองค์ทรงสัญญาส่งพระบุตรเข้ามาช่วยกู้พวกเขา “โอ ศิโยน ผู้นำข่าวดี ..จงกล่าวแก่หัวเมืองยูดาห์ว่า “ดูเถิด นี่พระเจ้าของเรา ดูเถิด พระเจ้าเสด็จมาด้วยอานุภาพ” ” (อสย. 40:9-10) วันนี้ เราจะพบปัญหาหนักแค่ไหน อย่างไร อย่าลืมว่า พระเยซู คือคำตอบของเรา พระองค์เสด็จมาทันเวลาเสมอ พระเจ้าทรงทราบดีว่า เราอ่อนกำลัง แต่พระองค์จะเป็นผู้เพิ่มกำลังให้ “พระองค์ประทานกำลังแก่คนอ่อนเปลี้ย และแก่ผู้ที่ไม่มีกำลัง พระองค์ทรงเพิ่มแรง แม้คนหนุ่ม ๆ จะอ่อนเปลี้ยและเหน็ดเหนื่อย และชายฉกรรจ์จะล้มลงทีเดียว แต่เขาผู้รอคอยพระเจ้าจะเสริมเรี่ยวแรงใหม่ จะบินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่เหน็ดเหนื่อย เขาจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ย” (อสย. 40:29-31)

2. รู้จักพระผู้ทรงสัญญา ถ้าจะมีใครสัญญาว่าจะช่วยเรา เราก็ต้องดูก่อนว่า บุคคลผู้สัญญานั้นเป็นใคร ยิวเป็นประเทศเล็ก ๆ แต่เอาชนะยิวไม่ง่าย ก็เพราะอำนาจเบื้องหลังที่หนุนหลังยิวอยู่นั้น มีกองกำลังใหญ่โต ดาวิดตัวเล็กนิดเดียวสู้กับโกลิอัทได้ ก็เพราะพระเยโฮวาห์ ผู้ทรงพลังนั้นหนุนเขา พระธรรมอิสยาห์ กล่าวว่า สิ่งอื่นร่วงโรย เหี่ยวแห้งไป เหมือนดอกไม้ถูกแดดแผดเผา แต่สิ่งใดที่พระเจ้าตรัสนั้น ทรงอานุภาพ เป็นจริงเสมอไป ลองคิด ดูซิ โลกและจักรวาลใหญ่โตมหึมาเช่นนี้ เป็นงานของใคร มองขึ้นไปบนฟ้า เห็นดวงดาวระยิบระยับไหม ใครคือผู้สร้าง ทอดสายตาดูโลกที่เราอยู่ ทั้งไม้ผลที่เป็นอาหารเอร็ดอร่อย เพียบด้วยคุณประโยชน์ ไม้ดอกที่สวยสดงดงาม ใครล่ะ คือผู้จัดเตรียม หันมาดูเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกบ้าง ใครคือผู้เร้าใจกษัตริย์จากตะวันออก มาสร้างเยรูซาเล็ม ใครคือผู้คุมเกมของโลกตลอดมา” (นี่คือพระคำ อสย. 40:6- 41:9 เวอชั่นของผม) นี่คือพระผู้ทรงสัญญาว่าจะช่วยเรา จะหนุนกำลังของเรา เวลาเปาโลสั่งให้เราทำสงครามกับเทพ ศักดิเทพ ท่านกล่าวว่า “สุดท้ายนี้ จงมีกำลังขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้า” (เอเฟซัส 6:10) พระเจ้าผู้เสริมกำลังเรานั้น ทรงพลังแล้วอย่างนี้ เราจะกลัวใคร
3. วางใจผู้สัญญา พระเจ้ามีวิธีของพระองค์ เวลาพระเจ้าช่วยคนยิวในสมัยพระเยซูเสด็จเข้ามาในโลกครั้งแรก ไม่เหมือนที่คนยิวคิดเลย พวกเขาคิดว่า พระองค์จะใช้กำลังบดขยี้โรมให้พินาศไป แต่พระองค์ทรงปัญญายิ่งกว่านั้นเป็นพันเท่า พระองค์สอนประชาชน รักษาความเจ็บป่วยของพวกเขา พระองค์หนุนใจคนยากจน พระองค์ปั้นชาวประมงขึ้นมาเป็นผู้นำ และผู้สานงานต่อ พระองค์ยอมวายพระชนม์เพื่อไถ่โทษคนบาปที่กลับใจใหม่และวางใจในพระองค์ พระองค์ชนะใจแม้แต่ศัตรูที่ฆ่าแกงพระองค์ ใครมาเหนือเมฆกว่ากัน
การสร้างใครให้มีกำลังยั่งยืน ต้องเปลี่ยนท่าทีที่เห็นแก่ตัวของเขา ให้หันมารักพระเจ้า และมีใจเมตตาคนอื่นเสียก่อน การเสริมสร้างกำลังให้แก่คนที่เห็นแก่ตัว ไม่ช้าเขาก็นำกำลังนั้นไปเดินทางผิด ยิ่งแย่กันเข้าไปใหญ่ ไม้กางเขนของพระเยซูเท่านั้นสามารถเปลี่ยนท่าทีคนได้ เมื่อเขามีท่าทีถูกต้อง รักพระเจ้า รักคนอื่น ทีนี้พระองค์จะเสริมกำลังแก่เขาแค่ไหนก็ได้ สาวกที่พระองค์พระเยซูปั้นมาตลอดเวลา 3 ปี เมื่อออกไปรับใช้ พระองค์ตรัสว่า “ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว เหตุฉะนั้นท่านจงออกไป..” (มัทธิว 28:19) เมื่อพวกเขาออกไป พระองค์ทรงสนับสนุนเขา ด้วยหมายสำคัญที่ประกอบนั้น ( มาระโก 16:20) ทรงหนุนกำลังเรา “เราจะหนุนกำลังเจ้า เออ เราจะช่วยเจ้า” (อิสยาห์ 41:10)
“หนุนกำลัง” มิได้แปลว่า เราไม่ต้องทำอะไร พระเจ้าทำแทนเราสิ้น ตรงกันข้าม มีความหมายว่า เราลงมือทำ เราออกแรงรับใช้ ขยันขันแข็ง ไม่งอมืองอเท้า “ท่านทั้งหลายจงออกไป...” พระเยซู ทรงขยันขันแข็งออกไปช่วยคน ทรงสอนสาวกเช่นเดียวกัน เราต้องออกไปประกาศ จัดกลุ่มเซลล์ แจกใบปลิว เป็นพยาน ช่วยเหลือคนทุกข์ นั่งฟังปัญหาของคน หนุนใจคนท้อ อดหลับอดนอน เหน็ดเหนื่อย ขับรถไปโน่นมานี่ นั่งลงเรียนพระคัมภีร์ เขียน บันทึก ควักกระเป๋า ตื่นแต่เช้า นอนดึก ครับ เราต้องลงมือทำอย่างกระฉับกระเฉง
2) “หนุนกำลัง” แสดงว่า งานที่ทำนั้น ยากกว่าการออกแรงทำตามธรรมดา ถ้าผมจะยกเก้าอี้สักตัว จากสำนักงานขึ้นไปบนโบสถ์ ผมไม่ต้องพึ่งใคร ผมก็ทำได้ด้วยกำลังของผมเอง มันไม่เหนือบ่ากว่าแรง ไม่ต้องมีใครมาช่วย แต่ถ้าผมจะยกม้านั่งยาวในห้องประชุมลงมาชั้นล่าง มันเกินกำลัง ผมต้องมีคนแข็งแรง มีกำลังล่ำสันมาช่วย ถ้าผมมีเงินอยู่ในกระเป๋า 5,000 บาท ผมอยากซื้อกีตาร์สักตัว ราคา 3,000 บาท ผมไม่ต้องออกปากบอกใคร แต่ถ้าผมมีเงินอยู่แค่นี้ แล้วผมจะซื้อรถราคา 500,000 บาท อย่างนี้กำลังผมไม่พอเสียแล้ว “หนุนกำลัง” แปลว่า สิ่งที่พระเจ้าฝากเรานั้น ไม่หมูล่ะครับ การนำคนไทยที่ไม่มีพื้นเรื่องพระเจ้าเลยมารู้จักพระองค์ การช่วยคนเจ็บ คนท้อ การสอนการปั้นคน การสร้างคริสตจักร ในขณะที่มีศัตรู ค่อยยุให้รำตำให้รั่ว เป็นงานเกินกำลังเราทั้งสิ้น เราถึงต้องการหนุนกำลัง
3) “หนุนกำลัง” แปลว่า เราต้องพึ่งพาอาศัยพระองค์ ผู้ทรงเป็นแหล่งแห่งพลัง พระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ ทรงปัญญา มั่งคั่ง แปลว่า เราต้องอธิษฐาน ถามพระองค์ วางใจพระองค์ ขอเรี่ยวแรง กำลังใจจากพระองค์ 4) “หนุนกำลัง” มิได้แปลว่า เราพึ่งพระองค์ในจุดเริ่มต้น แต่เราต้องพึ่งพระองค์อย่างต่อเนื่อง มิได้แปลว่า งานจะไร้อุปสรรค ตรงกันข้าม ทุก ๆ อุปสรรคที่ประดังเข้ามา เราขอเรี่ยวแรงจากพระองค์เสมอไม่ท้อถอย
5) พระเจ้าทรงมีพระประสงค์สร้างตัวเรา ยิ่งกว่าสร้างงาน ถ้าผมจะปั้นลูกให้เป็นคนแข็งแกร่ง วิธี คือผมต้องยอมให้ลูกพบทุกข์ พบความยากลำบาก เมื่อเขาสู้ด้วยตัวเขาเองได้ เขายืนได้ ชนะอุปสรรคได้ คราวนี้เขาจะมีกำลังก้าวไปอย่างยั่งยืน พระเจ้าทรงประทานกำลังแก่เราแบบเดียวกัน ครับ ผมก็จบด้วยบทกลอนน่ะครับ
คนแข็งขัน มิหวั่น ฝนตกหนัก พร้อมหาญหัก ฝ่าพายุ ดุแค่ไหน แดดร้อนเปรี้ยง เที่ยงวัน ฉันจะไป สู่เส้นชัย พระให้ ไม่รอรี เงินไม่พอ บ่ ใช่ อุปสรรค งานสมัคร หนักเบาบุก ทุกวิถี สายตาจ้อง มองดู พระภูมี ปิดทางนี้ เปิดทางนั้น ทรงบัญชา มิวอกแวก แปลกจิต ฤาคิดถอย มิเก้กัง นั่งคอย วาสนา เริ่มจากน้อย ค่อยเพิ่ม เติมเข้ามา สามสี่ห้า หกเจ็ด เมล็ดพันธุ์ เริ่มจากไถ ไร่นา ธาราทด น้ำทุกหยด รดกล้า ถ้าขยัน หว่านดำปลูก ฉีดยา ใจฝ่าฟัน ทุกวี่วัน ยึดมั่น พระสัญญา

|
|
|