ทรงร่วมงานกับผู้เชื่อ

 

ศ.บ

พวกสาวกเหล่านั้นจึงออกไปเทศนาสั่งสอน ทุกแห่งทุกตำบล  และพระเป็นเจ้าทรงร่วมงานกับเขา และทรงสนับสนุนคำสอนของเขา  โดยหมายสำคัญที่ประกอบนั้น  (มาระโก 16:20)

      สมัยผมเป็นเด็ก  ทีมประกาศของคุณแม่ และอาจารย์ เสริญ (พี่เขยผม)  พากันไปประกาศตามตลาดนัด  ผมติดสอยห้อยตามไปด้วยหลายครั้ง  นายแมง และคุณพริ้ง ผู้ประกาศจะกางรูปภาพม้วน  หัวใจของเด็กชายปั๊ก ที่มีสัตว์หลายตัว เที่ยบกับบาปในจิตใจ  ประกอบคำเทศน์  ผู้คนไม่ค่อยสนใจ  ส่วนผมจะรู้สึกอายที่ต้องไปยืนต่อหน้าคน  พูดเรื่องพระเยซูท่ามกลางคนที่ไม่สนใจ  และมองเราอย่างเหยียดหยาม  เราเคยไปที่สันยูง  เขาพาผู้หญิงคนหนึ่ง ผีเข้ามาหา  เขาล่ามโซ่มา  พี่เสริญ กับทีมคุณแม่  ช่วยกันขับผี จนเธอเป็นอิสระ  ผมไม่ได้ทำอะไร  มีแต่เฝ้าดู

ตอนผมเรียนพระคัมภีร์ที่โลซาน  ประเทศสวิสเซอร์แลนด์  ผมเลือกไปฝึกงานที่แฟรงค์เฟิร์ท  ประเทศเยอรมัน  เพราะผมได้รู้จักกับ คีท วอริงตัน  หัวหน้าทีม  คีทเป็นชาวนิวซีแลนด์  แต่งงานกับมีเรียม  ทั้งสองรับใช้ที่เฮอร์ลักส์  ประเทศเยอรมัน  คีทพูดภาษาเยอรมันได้ดี  ผมชอบคีท เพราะเป็นคนเรียบง่าย และ มีความรักพระเจ้าดี  นักเรียนที่มาร่วมฝึกงานที่นี่มีประมาณ 50 คน ส่วนมากเป็นคนเยอรมัน  มีแค่ 2-3 คนเท่านั้นที่พูดภาษาเยอรมันไม่ได้  และผมเป็นคนหนึ่งที่พูดเยอรมันไม่ได้  พูดได้แต่ภาษาอังกฤษ  มีเรียมจะฝึกลูกทีมให้เล่นละคร  เราพากันไปเล่นละครที่ลาน หน้าห้างสรรพสินค้าที่นั่น  มีฝรั่งมาดูเยอะ  พอละครข้างถนนจบลง  คีทก็ยืนขึ้นเทศน์เป็นภาษาเยอร์มัน  แล้วชวนคนป่วยให้ออกมา  คีทจะวางมืออธิษฐานเผื่อคนป่วย  คนต่อคน ปวดหลังบ้าง เป็นง่อยบ้าง  ผมเฝ้าดู บางคนหาย  บางคนไม่หาย  แต่ในใจคีท  มั่นใจว่าคนป่วยจะหาย   ที่ไม่หาย คีทก็กลับมาชวนเพื่อนๆ ถือศีลอดอาหาร  ผมชอบความกล้าหาญของคีทมาก  เขามั่นใจว่า  พระเยซูจะทรงร่วมงานโดยไม่สงสัย

 

           เมื่อกลับมาเมืองไทย  ผมนำทีมพี่น้องออกไปประกาศ   ครั้งแรกๆ ก็พาทีมอนุชนต่างประเทศไปประกาศ แสดงละครตามโรงเรียน  มหาวิทยาลัย  และตลาด  เราไม่ค่อยได้อธิษฐานเผื่อผู้ป่วยมากนัก ส่วนมากเป็นการสื่อพระกิตติคุณ  และนำคนรับเชื่อ   ภายหลัง  ผมนำทีมพี่น้องของเราเองออกไปประกาศ  เราเล่นละครข้างถนน  ร้องเพลง เล่นลิเก  เป็นพยาน  เทศนา   เราเชิญคนให้ออกมา เพื่อเราจะอธิษฐาน  ขอการหายโรคด้วย  ครั้งแรกๆ ผมอาย  แต่ทุกครั้งที่ผมรู้สึกอาย ผมจะนึกถึงความกล้าหาญของคีท   เราวางมือเผื่อคนป่วย  ในที่ชุมชน ขอพระเจ้ารักษาเขา  มีคนหายโรคอย่างเหลือเชื่อเกิดขึ้นเสมอ  ทั้งที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด  ผมนึกถึงคุณอุไร  ที่ผีเข้า อยู่ในซอยเพชรเกษม 112  ผมเห็นเธอครั้งแรก  ผมเป็นกระเซิง  ไม่พูดดีกับใคร  ภายหลังพี่น้องชวนเธอมาโบสถ์ในวันคริสตมาส   สามเดือนต่อมา  คุณอุไรมาโบสถ์วันอาทิตย์   วันนั้นผีออกฤทธิ์  ขณะเธอนั่งประชุมในห้องประชุม  เธอส่งเสียง  เราหยุดเทศน์ และอธิษฐานเผื่อเธอ  เธอดิ้นไปที่พื้นหน้าห้องประชุมยังกะไส้เดือนถูกน้ำร้อน  และนิ่งไป  ผีออกครับ  ทุกวันนี้คุณอุไรไปอยู่ที่หนองไก่ต่อ  แต่งงานมีครอบครัว  และช่วยงานพระเจ้า         

           ไม่นานมานี้  เราไปประกาศที่ซอยวัดปากบ่อ ขณะที่พี่น้องกำลังอธิษฐานเผื่อผู้ป่วย  มีมอเตอร์ไซค์รับจ้างคนหนึ่ง  อยู้ข้างหลัง ตะโกนเสียงดังว่าเรา “แหกตาประชาชน”  ขณะที่ผู้ป่วยซึ่งออกมาให้เราอธิษฐานเผื่อคนป่วย  และหลายคนหายป่วย  ถ้าเป็นแต่ก่อนผมจะวุ่นวายใจ  แต่วันนี้ผมรู้สึกแตกต่าง  พระเจ้าตอบคำอธิษฐานของเราเสมอ  วันอีสเตอร์ที่ผ่านมา  ที่คลองเตย  คนหนึ่งนั่งรถเข็นมา  พอคุณชินวัตรอธิษฐานจบ  แกลุกขึ้นเดิน  ทิ้งรถเข็น ราวกับไม่เจ็บมาก่อน  พี่น้องปรบมือกันลั่น 

 

           ผมเรียน คณะเภสัชศาสตร์  มหาวิทยาลัยมหิดล  วิชาเอกที่ผมเลือก  คือ Clinical Pharmacy  เป็นวิชาว่าด้วยการออกฤทธิ์ของยา  ในร่างกายของคนเรา  ทุกอย่างอธิบายด้วยหลักวิทยาศาสตร์  มีการเขียนปฏิกริยาเป็นสมการเคมี  แสดงให้เห็นว่า ยาที่กินไปออกฤทธิ์อย่างไร  ซึ่งทุกวันนี้  สาขาวิชานี้คงจะยิ่งก้าวหน้าไปกว่าสมัยที่ผมเรียนมาก  เพราะความทันสมัยของเทคโนโลยี 

             แต่ผมก็เรียนอีกสิ่งหนึ่ง  พระเจ้าทรงเป็นพระผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งปวง  นักวิทยาศาสตร์เป็นแค่ผู้มาค้นคว้าสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง  พระเจ้าทรงสร้างพืชหลายชนิด เป็นสมุนไพรไว้รักษาโรค  เมื่อเราเจ็บป่วย พระองค์ก็ประทานยารักษาให้   ผมเคยขายยาชา ไซโลเคน  ยาชาเฉพาะที่ที่แพทย์ยังใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน  ใช้ทั้งการถอนฟัน และผ่าตัดเล็ก  ไซโลเคน   คือ ลิโดเคน ไฮโดรคลอไลด์  ที่ดัดแปลงมาจาก โคเคน  พืชที่อินเดียนแดง  ใช้ชโลมลูกดอกเมื่อจะยิงสัตว์   เมื่อทาแผลแล้วคนจะรู้สึกชา  ไม่เจ็บไม่ปวด พระเจ้าทรงสร้างยาไว้ให้คนเรา  และนักวิทยาศาสตร์ก็เอามาใช้ 

 

             อีกสิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้ คือ  พระเยซู ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าผู้เสด็จเข้ามาในโลก   ในช่วงประกาศพระกิตติคุณของพระองค์  พระองค์รักษาคนเจ็บไข้ร้อยแปดชนิด  ตั้งแต่ หูหนวก ตาบอด  ขาง่อย มือลีบ  เป็นใบ้   เด็กเป็นลมบ้าหมู  ผู้หญิงหลังโกง  คนโรคเรื้อน  ใครมาหาพระองค์พระองค์ก็รักษาหายได้หมด  คนตายพระองค์ยังเรียกให้เป็นขึ้นจากความตาย  ต่อมาพระองค์ทรงวายพระชนม์ที่ไม้กางเขน เพื่อไถ่โทษบาปมนุษย์  วันที่สามทรงฟื้นคืนพระชนม์จากความตาย  ทรงสำแดงพระองค์เอง แก่เหล่าสาวกในช่วง 40 วัน  ต่อมา  ทรงเสด็จขึ้นสู่สวรรค์  ก่อนเสด็จสู่สวรรค์  ก็ทรงมีพระบัญชาให้เหล่าสาวกออกไปประกาศ 

           ในพระบัญชาของพระองค์นั้น  ทรงสัญญาว่า  มีคนเชื่อที่ไหน  หมายสำคัญจะตามมา  ขับผี  ผีจะออก  วางมือบนคนป่วย  คนป่วยจะหายโรค   ไม่สัญญาแค่นี้เท่านั้น  ทรงสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกับเหล่าสาวก  ไม่ว่าพวกเขาไปประกาศที่แห่งหนตำบลใด 

 

             ในพระธรรมาระโก  พอสาวกไปประกาศอธิษฐานเผื่อผู้ป่วย  พระองค์ก็ทรงร่วมมือกับเขา   พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า  พระองค์ไม่เคยตรัสอะไรส่งเดช   ไม่มีบุรุษใดในโลกที่รับผิดชอบคำพูดเท่าเทียมพระเยซู  เมื่อพระองค์สัญญาว่าจะร่วมมือด้วย  ก็แปลว่าพระองค์ทรงอยู่ด้วย

             วันนี้ผมเป็นพยานยืนยันได้ว่า  ทีมประกาศของพี่น้อง  มิได้มีแต่ตัวท่าน  แต่มีพระเยซูอยู่ด้วย  ท่านเป็นแค่ มือแขนของพระองค์เท่านั้น  การขับผี  การช่วยคนป่วยให้หายโรคเป็นงานของพระองค์  ผมทำงานรับใช้มาหลายปี   ผมยืนยันได้ว่า  ฤทธิ์ในการบำบัดโรคที่เกินปัญญาแพทย์ เกิดกับผู้เชื่อรายต่อรายยังเกิดอยู่  จะมีให้เห็นมาก





Visitor 117

 อ่านบทความย้อนหลัง