มาประกันชีวิต กับพระเจ้าดีกว่า
ศ.บ
(สดุดี 34:4-8,10)
ทูตสวรรค์ของพระเจ้าได้ตั้งค่าย ล้อมบรรดาผู้เกรงกลัวพระองค์ และ ช่วยเขาให้รอด เชิญมาชิมดูแล้วจะรู้ว่าพระเจ้าประเสริฐ คนที่ลี้ภัยในพระองค์ก็เป็นสุข เหล่าสิงห์หนุ่มยังขาดแคลนและหิวโหย แต่บรรดาผู้ที่แสวงหาพระเจ้า ไม่ขาดของดีใดๆ
ชีวิตเรามีภัยรอบตัว ตั้งแต่อยู่ในบ้าน ออกนอกบ้าน ไปที่ทำงาน บนท้องถนน กลางวัน กลางคืน เมื่ออยู่กรุงเทพ เมื่อไปต่างจังหวัด ทุกที่มีอันตรายทั้งนั้น อะไรจะสร้างความมั่นใจว่าเราจะปลอดภัยในชีวิตประจำวัน ดังกลอนบทนี้
ยุคเรานี้ มีอันตราย รายรอบทิศ
สุดจะปิด ปกป้องตัว ทำรั้วกั้น
ทุกแห่งหน คนชั่วช้า สารพัน
ทุกวี่วัน มหันตภัย อยู่ใกล้ตัว
พระเป็นเจ้า ให้เราเฝ้า อธิษฐาน
ขอให้พ้น ภัยพาล การเย้ายั่ว
ฉลาดเหมือนงู รู้เท่าทัน มิพันพัว
ดั่งพิราบ สุภาพทั่ว คนกลัวเกรง
วันนี้ผมจะมาขายประกันภัย
ไม่นานมานี้ มีคนมาเสนอขายประกันชีวิตกับผม ทั้งประกันสุขภาพและอุบัติเหตุด้วย ผมไม่ได้ดูถูกดูแคลนบริษัทประกันแต่อย่างใด แต่ผมมานั่งพินิจพิจารณาว่า การประกันทั้งหมดนี้ เป็นการสัญญาว่า จะจ่ายเงินค่ารักษาให้เมื่อ เกิดปัญหาแล้ว เช่น ถ้าเกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดทุพพลภาพกับร่างกาย เขาจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ คือ ช่วยเราเมื่อเราเจ็บ มีอุบัติเหตุ หรือตายไปแล้ว ซึ่งแตกต่างจากการประกันภัยของพระเจ้า พระองค์รับประกันตั้งแต่ภัยยังไม่เกิด เรายังไม่เจ็บ และยังไม่ตายจากโลกนี้ไป พระเยซูทรงสอนให้เรารู้ว่า พระเจ้าจะทรงดูแลผู้เชื่อ จึงทรงสอนให้เราอธิษฐานเสมอว่า “ ขอให้พ้นจากซึ่งชั่วร้าย” (มัทธิว 6:13)
ขอยกตัวอย่าง ชีวิตของดาวิด
ดาวิด หมิ่นเหม่กับ อันตรายถึงชีวิตยิ่งกว่าใคร ดาวิดไม่มีประกันภัยใดๆ เว้นแต่ประกันของพระเจ้า
หลังจากดาวิด ฆ่าโกลิอัท นักรบร่างยักษ์ได้ ผู้คนก็นิยมชมชอบ ดาวิดไปที่ไหน พวกหญิงเต้นรำร้องว่า “ซาอูลฆ่าคนเป็นพัน ดาวิดฆ่าคนเป็นหมื่น” กษัตริย์ซาอูลกลัว และอิจฉาดาวิด ขณะที่ดาวิดมาดีดพิณให้พระองค์ฟังในพระราชวัง กษัตริย์ซาอูลเคยเอาหอกขว้างใส่ดาวิด แต่ดาวิดหลบทัน หนีรอดไปได้ ซาอูลส่งคนไปบ้านดาวิด เพื่อจะฆ่าดาวิดเสียในตอนเช้า ดาวิดคิดว่าตนเองต้องตายเข้าสักวัน โดยการช่วยเหลือของมีคาล ภรรยา และโยนาธัน โอรสของซาอูล ดาวิดตัดสินใจหนี ดาวิดทูลพระเจ้าว่า “เขาคอยซุ่มเอาชีวิตข้าพระองค์ ...พระองค์ทรงเป็นป้อมปราการของข้าพระองค์” (สดุดี 59:3,16) ดาวิดหนีซาอูล นานถึง 14 ปี ตั้งแต่อายุ 16 ปี (1 ซมอ 21:13-15) จากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่ง ไม่ง่ายนะครับ เด็กหนุ่มอายุ 16 ปี หนีการปองร้ายจากกษัตริย์ที่มีกองทัพมหึมา อะไรจะประกันความปลอดภัย นอกจากพระเจ้า
(1) ที่รามาห์ ดาวิดหนีไปอยู่ที่รามาห์ เมืองที่ซามูเอลพักอาศัย ดาวิดร่ำไห้ลาจากโยนาธาน
(2) เมืองโนบ ที่นี่ ท่านเข้าไปขอขนมปังจากอาหิเมเลค ปุโรหิต ในพระวิหาร เพราะหิวโหย เมื่อซาอูลตามมาทีหลังได้ฆ่า ปุโรหิต ทั้งครอบครัว 84 คนรวด เพราะช่วยเหลือดาวิด ลองคิดซิครับ ถ้าซาอูลพบดาวิด ดาวิดจะรอดตายได้อย่างไร
(3) ดาวิดเข้าไปในเมืองกัท ซึ่งอยู่ในเขตฟีลิสเตีย แดนศัตรู เมืองของโกลิอัท ที่ดาวิดเคยฆ่า ดาวิดต้องทำตัวเป็นคนบ้าๆบอๆ (1 ซมอ 21:13) จนกษัตริย์อาคีช ไล่ดาวิดออกมา อย่างนี้ต้องเรียกว่า ไม่มีแผ่นดินจะอยู่แล้ว ดาวิดทูลพระเจ้าว่า “พระองค์ทรงไถ่ชีวิตผู้รับใช้ของพระองค์” (สดุดี 34:22)
(4) ดาวิดหนีไปทางตะวันออก ไปอาศัยในถ้ำ อดุลลัม ในคานาอัน ถึงตอนนี้ ซาอูลเริ่มล่าทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือดาวิด เป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยง รวมทั้งครอบครัวที่เบธเลเฮ็ม มีคนมาร่วมกับดาวิด 400 คน เป็นคนที่ซาอูลหมายหัวทั้งสิ้น คนเหล่านี้เริ่มฝึกฝนการรบเพื่อป้องกันตัว (1 พศด 12:22) ดาวิดทูลพระเจ้าว่า “ข้าพระองค์ลี้ภัยอยู่ใต่ร่มปีกของพระองค์ จนกว่าภัยอันตรายจะผ่านพ้นไป”(สดุดี 57:1)
(5) ด้วยความห่วงใย ดาวิดพาพ่อแม่จากเบธเลเฮ็ม หนีไปซ่อนตัวอยู่ที่เมือง มิทปาห์ ในแดนโมอับ ตะวันออกของทะเลตาย จากฟีลิสเตียข้ามไปโมอับ เหมือนออกจากพม่าไปอยู่เขมร พระคัมภีร์กล่าวว่า “ซาอูลทรงแสวงหาท่านทุกวัน แต่พระเจ้ามิทรงมอบท่านไว้ในมือซาอูล” (1 ซมอ. 23:14) ดาวิดมีพระเจ้าเป็นประกันยังไงล่ะ
(6) ต่อมาดาวิดหนีไปอยู่ทีป่าศิฟที่โฮเรช ที่กำบังเข้มแข็ง บนเนินเขาฮาคีลาห์ ที่นี่โยนาธานแอบมาพบดาวิดอีกครั้ง หนุนใจดาวิด(23:16)
(7) ต่อมาท่านไปอยู่ที่ ถิ่นทุรกันดารมาโอน มีพวกสอพลอไปเรียนซาอูล ซาอูลทราบจึงตามมา อยู่ห่างกันแค่คนละหลืบเขา เกือบจ่อจมูกกันอยู่แล้ว แต่มีคนมาเรียนซาอูลว่าพวกฟีลิสเตียกำลังยกทัพมาปล้น ซาอูลจึงรีบเสด็จกลับ ไปรบกับพวกฟิลิศเตีย ดูซิ หมิ่นเหม่แค่ไหน ในยามวิกฤติเช่นนี้ พระเจ้ามีวิธีกระชากซาอูล ออกไปอย่างเหลือเชื่อ ดาวิดความรู้สึกมั่นใจในพระเจ้า ผู้ทรงช่วย ท่านว่า “พระองค์ทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ให้พ้นจากความทุกข์ยากลำบากทุกอย่าง นัยน์ตาของข้าพระองค์ มองเห็นพวกศัตรูของข้าพระองค์แพ้”(สดุดี 54:7)
(8) กลับมาที่ เอนกาดี ริมทะเลตาย หลังจากรบกับฟีลิสเตียแล้ว ซาอูลก็ตามมาที่นี่ ขณะที่พระองค์เข้ามาส่งทุกข์ ดาวิดย่องเข้าไปตัดชายฉลองพระองค์ มีโอกาสฆ่าซาอูล แต่ดาวิดไม่ทำ ดาวิดเสียใจที่ไปตัดชายฉลองพระองค์ ซาอูล กลับไปวัง น่าจะเลิกตามดาวิด แต่
(9) ต่อมา ซาอูลก็ตามหาดาวิดอีก เมื่อทราบว่าดาวิดอยู่ที่ถิ่นทุรกันดารศิน ที่นี่อีกครั้งหนึ่งดาวิดมีโอกาสฆ่าซาอูลอีก แต่ดาวิดไม่ทำ เพราะไม่ต้องการแตะต้องผู้ที่พระเจ้าทรงเจิม ดาวิดทูลพระเจ้าว่า “ต่อพระพักตร์พระองค์ ข้าพเจ้าไร้ตำหนิ และข้าพเจ้ารักษาตัวไม่ทำบาปต่อพระองค์”( สดุดี 18:23) และ
(10) ดาวิดกลับเข้าไปยัง เมืองกัท ของคนฟีลิสเตีย ด้วยนึกในใจว่า “ข้าคงพินาศเข้าสักวันหนึ่งด้วยมือของซาอูล ไม่มีสิ่งใดดีกว่าที่จะหนีไปยังแผ่นดินฟีลิสเตีย” และดาวิดก็ทูลขอ อาคีช มอบเมืองบ้านนอก ให้ท่านสักเมืองหนึ่ง อาคีชจึงมอบศิกลาก ให้
(11) ดาวิดอาศัยอยู่ที่เมืองศิกลาก นานถึง 1 ปีกับ 4 เดือน ที่นี่เองดาวิดทราบข่าวว่าซาอูลสิ้นพระชนม์ในสงคราม
อะไรที่ดาวิดเผชิญ (สดุดี 35)
ฟังความรู้สึกของดาวิด สักหน่อย “เขาแสวงหาชีวิตของข้าพระองค์ พวกเขาขุดหลุมพรางดักข้าพระองค์ พอข้าพระองค์สดุด เขาก็ซ้ำเติม พวกเขารวมหัวกันสู้ข้าพระองค์ เขาด่า ข้าพระองค์หยาบๆ คายๆ เขาเกลียดข้าพระองค์อย่างไร้เหตุ” (สดด. 35:4,7,15,16,19) ดาวิดไม่มีที่พึ่งใด นอกจากพระเจ้า “พระองค์ทรงเป็นศิลาลี้ภัยของข้าพระองค์ เป็นป้อมปราการเข้าแข็งที่จะช่วยข้าพระองค์ให้รอด” (สดด 31:2) แต่ ผู้ที่ฝากชีวิตไว้กับพระเจ้า ไม่ต้องเสียอะไร แต่เขา (1) ต้องมอบชีวิตให้พระเจ้า ให้พระองค์เป็นที่หนึ่งในชีวิต เหมือนดังดาวิด (สดด. 34:4) (2) เราต้องยำเกรงพระองค์ (สดุดี 34: 7) ดาวิดยำเกรงพระเจ้า ท่านจึงไม่ทำบาป ไม่แตะต้อง ทำร้ายซาอูล เพราะรู้ว่า ซาอูลคือผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมไว้
ฝากชีวิตกับพระเจ้า เราต้องติดต่อกับพระเจ้า เมื่อพบปัญหา
เวลาผมประกันรถ เมื่อรถไปเกิดอุบัติเหตุ ผมต้องโทรศัพท์เรียกประกันให้มาช่วย เมื่อเราให้พระเจ้าเป็นผู้ประกันชีวิตของเรา เราต้องร้องเรียกพระเจ้า อธิษฐาน ทำเหมือนดาวิด เมื่อดาวิดยึดเมืองเคอีลาห์จากฟีลิสเตียถามพระเจ้าก่อน พอพระเจ้า บอกให้ตีเมืองนี้ ดาวิดเอาคนเข้าตี ตนก็ชนะยึดเมืองได้ ดาวิดไม่มั่นใจว่า ซาอูลจะมาตีเมืองนี้หรือไม่ ตนควรอยู่ในเมืองนี้ต่อไปหรือไม่ ดาวิดทูลถามพระเจ้า และพระองค์ตรัสว่า “เขาจะลงมา” ชาวเมืองจะมอบดาวิดให้ซาอูล (1 ซามูเอล 23:11-12) ดาวิดจึงตัดสินใจพาคนของตนหนีออกจากเมือง ซาอูลก็เลิกมายึดเมือง เคล็ดลับ ของดาวิด คือท่านถามพระเจ้าทุกขั้นตอน ไม่ทำอะไรตามใจตน
เมื่อฝากชีวิตไว้กับพระเจ้า เราต้องสุขใจ
ผมอ่านเรื่องราวที่ดาวิดหนีซาอูล แล้ว คิดว่าคนหนีหัวซุกหัวซุน หมิ่นเหม่กับความตายเหมือนเดินบนเส้นด้าย เช่นนี้ น่าจะเครียด ขี้ขลาด ขี้ขึ้นหัว ลุกลี้ลุกลน แต่เมื่ออ่านพระธรรมสดุดีที่ดาวิด บรรยายทุกๆขั้นตอนแล้ว ผมต้องเปลี่ยนความคิด ดาวิดไม่กลัว ไม่เครียดครับ แต่ท่านเบิกบานใจ ( สดุดี 34:4,5;35:9) คำร้องทูลดาวิดทุกๆบทถูกแทรกด้วย บทเพลงสรรเสริญ เช่น ตอนที่คนฟีลิสเตียจับท่านที่เมืองกัท ดาวิดกล่าวว่า “เมื่อข้าพระองค์กลัว ข้าพระองค์วางใจในพระองค์ ในพระเจ้า ผู้ที่ข้าพระองค์สรรเสริญพระวจนะของพระองค์” (สดุดี 56:3-4) ตอนที่ท่านหนีซาอูลไปอยู่ในถ้ำ ดาวิดว่า “พระองค์ทรงเป็นความอุปถัมภ์ของข้าพระองค์ ข้าพระองค์เปรมปรีด์อยู่ในร่มปีกของพระองค์” ( สดุดี 63:7) ซาอูลเสียด้วยซ้ำไม่สงบ วุ่นวาย ขณะที่ดาวิดสงบ วางใจ เพราะรู้ว่าพระเจ้าคือผู้คุมเกม
เงื่อนไขของคนที่จะมาขอให้พระเจ้าคุ้มครอง
ในบริษัทประกัน ผู้เอาประกันจะต้องจ่ายเงินเป็นรายเดือน รายปี แต่ ผู้ที่ฝากชีวิตไว้กับพระเจ้า ไม่ต้องเสียอะไร แต่เขา (1) ต้องมอบชีวิตให้พระเจ้า ให้พระองค์เป็นที่หนึ่งในชีวิต เหมือนดังดาวิด (สดด. 34:4) (2) เราต้องยำเกรงพระองค์ (สดุดี 34: 7) ดาวิดยำเกรงพระเจ้า ท่านจึงไม่ทำบาป ไม่แตะต้อง ทำร้ายซาอูล เพราะรู้ว่า ซาอูลคือผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมไว้
ฝากชีวิตกับพระเจ้า เราต้องติดต่อกับพระเจ้า เมื่อพบปัญหา
เวลาผมประกันรถ เมื่อรถไปเกิดอุบัติเหตุ ผมต้องโทรศัพท์เรียกประกันให้มาช่วย เมื่อเราให้พระเจ้าเป็นผู้ประกันชีวิตของเรา เราต้องร้องเรียกพระเจ้า อธิษฐาน ทำเหมือนดาวิด เมื่อดาวิดยึดเมืองเคอีลาห์จากฟีลิสเตียถามพระเจ้าก่อน พอพระเจ้า บอกให้ตีเมืองนี้ ดาวิดเอาคนเข้าตี ตนก็ชนะยึดเมืองได้ ดาวิดไม่มั่นใจว่า ซาอูลจะมาตีเมืองนี้หรือไม่ ตนควรอยู่ในเมืองนี้ต่อไปหรือไม่ ดาวิดทูลถามพระเจ้า และพระองค์ตรัสว่า “เขาจะลงมา” ชาวเมืองจะมอบดาวิดให้ซาอูล (1 ซามูเอล 23:11-12) ดาวิดจึงตัดสินใจพาคนของตนหนีออกจากเมือง ซาอูลก็เลิกมายึดเมือง เคล็ดลับ ของดาวิด คือท่านถามพระเจ้าทุกขั้นตอน ไม่ทำอะไรตามใจตน
เมื่อฝากชีวิตไว้กับพระเจ้า เราต้องสุขใจ
ผมอ่านเรื่องราวที่ดาวิดหนีซาอูล แล้ว คิดว่าคนหนีหัวซุกหัวซุน หมิ่นเหม่กับความตาย เหมือนเดินบนเส้นด้าย เช่นนี้ น่าจะเครียด ขี้ขลาด ขี้ขึ้นหัว ลุกลี้ลุกลน แต่เมื่ออ่านพระธรรมสดุดีที่ดาวิด บรรยายทุกๆขั้นตอนแล้ว ผมต้องเปลี่ยนความคิด ดาวิดไม่กลัว ไม่เครียดครับ แต่ท่านเบิกบานใจ ( สดุดี 34:4,5;35:9) คำร้องทูลดาวิดทุกๆบทถูกแทรกด้วย บทเพลงสรรเสริญ เช่น ตอนที่คนฟีลิสเตียจับท่านที่เมืองกัท ดาวิดกล่าวว่า “เมื่อข้าพระองค์กลัว ข้าพระองค์วางใจในพระองค์ ในพระเจ้า ผู้ที่ข้าพระองค์สรรเสริญพระวจนะของพระองค์” (สดุดี 56:3-4) ตอนที่ท่านหนีซาอูลไปอยู่ในถ้ำ ดาวิดว่า “พระองค์ทรงเป็นความอุปถัมภ์ของข้าพระองค์ ข้าพระองค์เปรมปรีด์อยู่ในร่มปีกของพระองค์” ( สดุดี 63:7) ซาอูลเสียด้วยซ้ำไม่สงบ วุ่นวาย ขณะที่ดาวิดสงบ วางใจ เพราะรู้ว่าพระเจ้าคือผู้คุมเกม
พระเจ้ามีผู้ช่วยชั้นยอด
บริษัทประกันเขามี พนักงานเป็นตัวช่วย คอยให้บริการลูกค้า เดินเรื่องทำโน่นนี่นั่น คนที่ประกันกับพระเจ้า นอกจากพระเจ้า พระวิญญาณทรงช่วยเราโดยตรงแล้ว พระองค์ยังประทานทูตสวรรค์ ช่วยปกป้องคุ้มครองเราด้วย “ทูตสวรรค์ของพระเจ้า ได้ตั้งค่ายล้อมบรรดาผู้ที่เกรงกลัวพระองค์ และช่วยเขาทั้งหลายให้รอด” (สดุดี 34:7) ดาวิดมีคนมาช่วยเคียงข้าง 600 คน กองทัพฟีลิสเตีย มีเป็นหมื่น และซาอูลที่ตามล่าดาวิด ก็มีทหารเป็นหมืนเช่นเดียวกัน แต่ฟีลิสเตียก็แพ้ดาวิด และซาอูลก็ไม่เคยจับดาวิดได้ตลอดระยะเวลาประมาณ 15 ปี ดาวิดไม่เคยเพลี่ยงพล้ำ ซาอูล ฝ่ายไล่ล่า เสียด้วยซ้ำที่เพลี่ยงพล้ำดาวิด ถึง 2 ครั้ง 2 ครา ทำไมล่ะ ก็เพราะดาวิดมีกองทัพทูตสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่กว่า มีกำลังเหนือกว่า ปกป้องคุ้มครอง รวดเร็วกว่าพนักงานบริษัทประกันเป็นไหนๆ ทูตสวรรค์เฝ้าเตรียมพร้อมประจัน เมื่อถึงเวลา เอลีชาทูลพระเจ้าให้เปิดตาคนใช้ ที่เมืองสะมาเรีย ขณะที่ถูกกองทัพซีเรียล้อมอยู่ ให้พวกเขาเห็นว่า มีกองทัพของพระเจ้าโอบล้อมกองทัพซีเรียอยู่ (2 กษต. 6:16-17) ท่านทราบไหมว่า พระเจ้ามีทูตสวรรค์คอยคุ้มครองท่านอยู่
สุดท้าย สิ่งที่ผู้วางใจพระเจ้าจะได้รับ คือ พระองค์จะช่วยให้ท่านพ้นความลำบาก ช่วยท่านให้รอดปลอดภัย เป็นสุข ไม่ขาดแคลน ที่จำเป็นให้ทุกอย่าง ทั้งเขาจะไม่ขาดสิ่งดีใดๆ ( สดุดี 34:4-10)
ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ
|