ทรงเปลี่ยนทะเลทรายเป็นอุทยาน
ศ.บ
“เพราะว่าพระเจ้าทรงเล้าโลมศิโยน พระองค์จะทำถิ่นทุรกันดารของเธอ ให้เหมือนเอเดน” (อิสยาห์ 51:3)
คนเรามักเชื่อถือในสิ่งที่ตามองเห็น และมืดมนกับสิ่งที่แลไม่เห็น ในงานคริสตจักร หรือ ชีวิตคริสเตียนก็เหมือนกัน แต่พระเจ้าทรงเห็นต่าง
ประเทศอิสราเอล มีภูมิประเทศ ส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย แต่พระเจ้าทรงเปลี่ยนให้เป็นสวนผลไม้
เมื่อคราวที่ผมไปประเทศอิสราเอล ปี 1974 ผมนั่งเครื่องบินจาก เอเธนส์ไปลงที่เทลอาวีฟ จากนั้น เราก็นั่งรถบัสไปยังเมสซาดา ซึ่งอยู่ริมทะเลตาย ผ่านทะเลทรายเนเกบ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นทะเลทราย มันเวิ้งว้างไม่มีอะไรจริง ๆ เว้นแต่โขดหินและทราย เราลงจากรถไปรับประทานอาหารเย็น ที่ร้านอาหารใน เบเอเชบา บ้านของอับราฮาม เป็นเมืองกลางทะเลทราย เรากางเต็นท์นอนค้างคืนที่ริมทะเลตาย เพื่อจะปีนขึ้นบนยอดเขาเมซาดา ในวันรุ่งขึ้น นี่ก็เป็นประสบการณ์พิเศษของผมที่นอนกลางทะเลทราย อากาศร้อน แต่ก็ไม่รู้สึกอะไรกับผมมากนัก เพราะเราคนไทยคุ้นเรื่องอากาศร้อนในบ้านเราอยู่แล้ว เพื่อนๆฝรั่งซิอึดอัดกว่าเยอะ หลายคนถอดเสื้อ เหงื่อโชก ตอนอยู่ยุโรป ในซุปเปอร์มาร์เก็ต มีส้ม ประทับตรา ยัฟฟา ส่งจากประเทศอิสราเอลไปขายที่ยุโรป ลูกโต รสดี คนยิวแปลงทะเลทรายเป็นสวนส้มอย่างอัศจรรย์
ผมคัดข้อเขียนของ โจนาธาน เออร์บัส เรื่อง “เปลี่ยนทรายให้เป็นดิน” (Turning Sand into Land) (Auerbach, 1987) มาให้อ่าน ทะเลทรายเนเกบ ถูกทิ้งร้างมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เป็นพื้นที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1,200 ฟุต อากาศร้อนทั้งปี นานๆ จะมีฝนตกลงมาสักครั้ง อุณภูมิเฉลี่ยตอนกลางวันประมาณ 120 องศาฟาเรนไฮท์ แต่ตอนกลางคืนก็หนาวเหน็บอยู่ เนเกบ เป็นทะเลทราย กินบริเวณ ประมาณ 2 ใน 3 ของประเทศอิสราเอล แต่ที่นี่ นี่เอง ที่คัลมาน ไอเซนแมน ทำให้เป็นฟาร์มที่ปลูก มันฝรั่ง พริกไทย แตงกวา “ขออย่าเรียกผมว่า ชาวไร่ แต่เรียกผมว่า ผู้พึ่งพาสวรรค์ ดีกว่า” ไอเซนแมนกล่าว มีการสูบน้ำมาจากใต้ดินในเนเกบ เขาเรียกมันว่า “ หัตถ์พระเจ้า โดยวิทยาศาสตร์สมัยใหม่”
จากพื้นที่ที่ไม่มีคนอาศัยอยู่เลย กลายเป็นพื้นที่ที่ มีประชากรเข้ามาอาศัยประมาณครึ่งล้านคน
ประเทศอิสราเอล ระบายสีทะเลทรายเนเกบให้เป็นพื้นที่สีเขียว โดย เอาน้ำรสกร่อย (brackish water) ขึ้นมารดพืชผัก โดยอาศัยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ปัจจุบันมีชาวยิวเข้าไปอาศัยอยู่ 445,000 คน มีคนชาติอื่นอีก 55,000 คน คนเหล่านี้ส่วนมากทำงานกสิกรรม ปัจจุบันคนยิวส่งพืชผลของตนไปขายต่างประเทศประมาณครึ่งหนึ่งที่ตนปลูก ผลิตผลที่ส่งไปขายได้แก่ ลูกพีช หอมใหญ่ ข้าวสาลี ฝ้าย ชูลา ชาเคม ผู้ที่อาศัยอยู่ใน หมู่บ้านไอน์ ยาเฮฟ กล่าวว่า “ไม่นานมานี้ พืชผักต่างๆที่ขายในยุโรป ในฤดูหนาว ส่วนมากจะถูกส่งไปจากเนเกบ
ปัจจุบัน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำกร่อย (brackish water) ของอิสราเอลประมาณ 10,000 คน ได้ถูกส่งไปช่วยกสิกรในต่างประเทศถึง 54 ประเทศทั่วโลก
ในพระธรรมอิสยาห์ พระเจ้าหนุนใจชาวยิวที่หมดหวัง เผชิญความทุกข์ยาก ผู้ที่ขวนขวายหา “การช่วยกู้” (อิสยาห์ 51:1) ว่าให้เขาเสาะหา “การช่วยกู้” จากพระเจ้า ในอดีต พอกันดารน้ำ คนยิววิ่งไปพึ่งแม่น้ำไนล์ของอียิปต์ ตามประวัติ ยิวไม่พึ่งอียิปต์ ก็ไปพึ่งอัสซีเรีย ไม่พึ่งอัสซีเรียก็ไปพึ่งอียิปต์ มองดูกันตามสายตามนุษย์ ก็เป็นธรรมดา เพราะยิวเป็นประเทศเล็ก เมื่อเทียบกับอาณาจักรยิ่งใหญ่ของทั้งสอง
ผู้เชื่อทั้งหลาย เมื่อพบความทุกข์สิ่งแรกที่เรามักคิดถึงก็คือ คน คนที่มีกำลัง คนที่มีกำลังทรัพย์ แต่พระเจ้าสอนเราให้วางใจพระเจ้า “จงฟังเราซี เจ้าทั้งหลายผู้ขวนขวายหาการช่วยกู้” (อิสยาห์ 51:1) แล้วพระเจ้าก็ชี้ให้ดูอดีต ที่พระเจ้าช่วยชาวยิวมา “จงมองดูอับราฮาม บรรพบุรุษของเจ้าทั้งหลาย และดูซารายผู้คลอดเจ้า เพราะเมื่อเขาอยู่แต่คนเดียว เราได้ร้องเรียกเขา และเราอวยพรเขา และกระทำให้เป็นคนมากมาย”
นี่ เรียกว่า พระเจ้าให้หันไปมองดูต้นตระกูล ดูบรรพบุรุษ ไปดูกำพืดที่มาของพวกเขา ว่าเขามาแต่ไหน เรื่องนี้คนยิวต้องจำติดตัวทีเดียว อับราฮาม มีภรรยาคือนางซาราย ซารายเป็นหมัน ไม่มีลูก ทั้งๆที่พระเจ้าทรงสัญญาว่า อับราฮามจะเป็นบิดาของมวลชน อายุก็มากขึ้นทุกวัน อับราฮามอายุมากกว่า ซาราย 10 ปี ตอนที่อับราฮาม อายุ 90 ปี นางซายรายอายุ 80 ปี เป็นคนรุ่นคุณปู่คุณย่าที่เฒ่าชะแรแก่ชรา แต่ฝันเฟื่องเรื่องการเป็นต้นตระกูลของมวลชนตามรพะเจ้า ซารายหมดประจำเดือนไปตั้งนานแล้ว หมดสิทธิ์มีลูกโดยสิ้นเชิง แต่พระเจ้าให้นางซารายตั้งครรภ์ คลอดอิสอัค เมื่อเธออายุ 90 ปี อับราฮามมีอายุ 100 ปี
ท่านที่รัก วันนี้ท่านพบปัญหาเกินการแก้ไขใช่ไหม หันไปดูที่มาของท่านในอดีต ท่านเข้ามาเชื่อพระเจ้าได้อย่างไร จากชีวิตที่หมดหวัง กลายเป็น สิทธิชนของพระเจ้าวันนี้ ไม่นานมานี้ นักศึกษาศูนย์ฝึกฯ คนหนึ่งเป็นพยานในชั้นเรียน เขาพูดว่า “ถ้าผมไม่พบพระเจ้า วันนี้ผมเหมือนสุนัขขี้เรื้อน ข้างถนนตัวหนึ่ง” เขาเล่าว่าเขาเมาหยำเป ขนาดไหนก่อนพบพระเจ้า เขาเหมือนทะเลทรายเนเกบ มีแต่ทราย หิน และความแห้งแล้ง แต่พระเจ้าก็นำให้เขาเกิดใหม่ เหมือนหญิงหมัน ชราคลอดลูกได้
แล้วพระเจ้าทรงสัญญากับชาวยิวว่า “พระองค์จะทรงเล้าโลมที่ทิ้งร้าง ทั้งสิ้นของเธอ และทำถิ่นทุรกันดารของเธอ เหมือนสวนเอเดน และทะเลทรายของเธอเหมือนอุทยานของพระเจ้า” (อิสยาห์ 51:3) เปาโลกล่าวว่า “สิ่งที่ตาไม่เห็น หูไม่ได้ยิน สิ่งที่มนุษย์คิดไม่ถึง คือสิ่งที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้สำหรับคนที่รักพระองค์” ( 1 โครินธ์ 2:9) เห็นไหมล่ะครับว่ามันเป็นจริง ทรงเปลี่ยน sand เป็น land ๆได้
ความจริง เมื่ออิสยาห์เผยพระวจนะเรื่องนี้ พระเจ้ามิได้หมายถึงเพียง การเปลี่ยนทะเลทรายมาเป็นไร่การเกษตร แต่พระองค์ทรงหมายถึง ในยามที่มนุษย์สิ้นหวัง พระเจ้าทรงส่งพระเยซู พระบุตรองค์เดียวของพระองค์เข้ามาในโลก “การช่วยกู้ของเรา ใกล้เข้ามาโดยเร็ว และความรอดของเราได้ออกไปแล้ว แขนของเราจะปกครองชนชาติทั้งหลาย แผ่นดินชายทะเลรอคอยเรา เขาหวังคอยกำลังแขนของเรา” ( อิสยาห์ 51:5) แล้ว 2000 ปี ที่แล้ว พระเจ้าทรงส่งพระเยซูเข้ามาบังเกิดในโลก มิได้ช่วยแต่ชาวยิวเท่านั้น แต่ช่วยคนทั้งโลก คนยิวในสมัยพระเยซู ถูกกดขี่โดยชาวโรมัน ยากจน หมดหวัง ไร้ที่พึ่ง ตกเป็นทาส มารซาตานก็โจมตีเขาทุกทาง แต่พระเยซูเป็นผู้ช่วยกู้ เป็นพระผู้ช่วยให้รอด
ที่ผมอยากบอกท่านทั้งหลาย ก็คือ เมื่อพระเจ้าทรงสัญญาแล้ว พระองค์จะทรงทำให้เกิดขึ้น ในสายตามนุษย์ ปัญหาเราอาจใหญ่โต จนสิ้นหวัง เหมือนทะเลทรายเนเกบ เหมือนนางซารายหญิงหมัน ชรา เหมือนการตกเป็นทาสของชาวยิว และการสิ้นหวังของชาวโลก แล้วยังไง วันนี้พระเจ้าให้ยิวเป็นชาติมีประชากรประมาณ 6 ล้าน 3 แสนคน นี่คือลูกหลานเหลนโหลนของนางซาราย วันนี้ พระเจ้าเปลี่ยนทะเลทราย เนเกบเป็นพื้นที่เกษตรยิ่งใหญ่
ยิ่งกว่านั้น พระเจ้าทรงส่งพระเยซูเข้ามาช่วยกู้ชาวโลก วันนี้ ผู้เชื่อ หรือลูกหลานของอับราฮามฝ่ายวิญญาณ มีมากถึง 2.2 พันล้านคน มากเป็นอันดับหนึ่ง มากยิ่งกว่าลัทธิ หรือศาสนาใด อย่าให้เราท้อถอย ตรงกันข้าม เราควรมอง “ทะเลทรายเนเกบ” อย่างพระเจ้าทอดพระเนตร อย่ามองที่ความทุกข์ยาก ปัญหา การเงิน กำลังคน วางใจในพระเจ้า แล้วสิ่งมหัศจรรย์จะเกิดขึ้น เราจะพบ “ความชื่นบาน ความยินดี เราจะได้ยินการโมทนา และเสียงเพลง” ครับ (อิสยาห์ 51.3)
|