ประตูนาวา

ศ.บ

 

             “แล้วพระเจ้าทรงปิดประตูนาวาเสีย” (ปฐมกาล 7:16)

              ผมเคยเกือบตกเครื่องบิน  เมื่อครั้งเดินทางไปสวิสเซอร์แลนด์   ผมขึ้นเครื่อง  สายการบินซาบิน่า  ไปลงที่กรุงบรัสเซลส์เมืองหลวงของเบลเยี่ยม  เครื่องบินไปถึงที่นั่นประมาณสองทุ่ม  ผมต้องเปลี่ยนไปขึ้นเครื่องบินลำใหม่  จากบรัสเซลส์ไปลงเจนีวา  ตอนตีห้า รอประมาณ 8 ชั่วโมง ทั้งคืนผมไม่กล้าไปพักโรงแรมที่ไหน  กลัวกลับมาเช็คอิน และขึ้นเครื่องไม่ทัน  นั่งๆนอนๆหนาวอยู่ที่สนามบิน ข้างนอกหิมะกำลังตก  รุ่งขึ้น หลังเช็คอินเสร็จ    ประตูขึ้นเครื่อง(Gate) ที่สนามบินบรัสเซลส์  มันแยกเป็นปีก 2 ข้าง  ผมไปประตูขึ้นเครื่องผิด  มันอยู่คนละปีกกับที่ผมหลง  เมื่อรู้ว่าผิด  เวลาที่เครื่องบินกำลังจะออก มันเหลือน้อยเต็มที  ผมต้องวิ่งตาลีตาเหลือก  ไกลมาก   เมื่อไปถึง  ผู้โดยสารทั้งหมด  เขารอผมอยู่คนเดียว   เขาไม่รู้ด้วยว่าผมหายไปไหน   พอผมเข้าไปนั่งในเครื่อง  เขาก็ปิดประตู   แม้นั่งหอบฮาก ๆ ผมก็โล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก  เพราะยังไงๆ ผมก็อยู่ในเครื่องบินแล้ว             

              เวลาขึ้นเครื่องบิน  เห็นประตูเครื่องปิด   แล้วผมมักนึกถึงประตูเรือของโนอาห์  

              มนุษย์ในสมัยของโนอาห์ชั่วช้าสามานย์ ประพฤติเลว ผิดผัวผิดเมีย คดในข้องอในกระดูก  โหดร้าย  ปล่อยตัวทำชั่ว ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งพวกเขา ทำให้พระเจ้าทรงโทมนัสเสียพระทัยยิ่ง  มีแต่โนอาห์และครอบครัวเท่านั้น เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตร  ในที่สุดพระเจ้าตัดสินพระทัยว่าจะล้างโลก  จึงทรงบัญชาให้โนอาห์ต่อนาวาลำใหญ่   ประตูทางเข้านาวาที่พระเจ้าทรงออกแบบนั้น  มีประตูเดียว  อยู่ด้านข้าง  นอกนั้นก็จะเป็นช่องบนดาดฟ้า (ปฐมกาล 6:16)  เรือบินบางลำมีทางขึ้นเครื่อง 2 ประตู  แต่นาวาที่พระเจ้าให้โนอาห์สร้างนี้มีประตูทางขึ้น ประตูเดียวเท่านั้นเรื่องนี้เปรียบได้กับความรอด  โดยการไถ่โทษบาปที่ไม้กางเขนของพระเยซู เปโตรกล่าวว่า  “ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย  ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้  ไม่ทรงโปรดให้มีในท่าม กลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า” (กิจการ 4:12)   พระเยซูเองตรัสว่า “เราเป็นประตู  ถ้าผู้ใดเข้าไปทางเรา  ผู้นั้นก็จะรอด” (ยอห์น 10:9)             

              พระเจ้าเปิดประตูกว้างให้ผู้คนเข้าไป

              มีน้องคนหนึ่งเป็นคนใหม่  นั่งทานข้าวกับภรรยาและผม วันอาทิตย์  เขาไปดูหนังเรื่องโนอาห์  และไม่เข้าใจว่าทำไมพระเจ้าจึงมุ่งแต่จะล้างโลก  ใคร่ให้น้ำท่วมโลก โดยไม่เห็นใจมนุษย์ตาดำๆ ทั้งหลาย  เมื่อตอนคุยกัน  ผมยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้  ผมก็ตอบไปว่า  ผมไม่ทราบว่าผู้สร้างหนังเขาสร้างอย่างไร   ทำไมคนดูจึงเกิดความรู้สึกว่า  พระเจ้าโหดร้าย ทรงปรารถนาล้างโลกเสียเหลือเกิน แต่ผมบอกให้เขาทราบว่า ผมอ่านพระคัมภีร์มา  มันมิได้เป็นอย่างนั้น เรื่องที่บรรยายไว้ในปฐมกาล  พระเจ้าให้โนอาห์ ประกาศให้คนกลับใจใหม่  นานถึง 120  ปี  โนอาห์สร้างนาวาไป ก็ประกาศพระกิตติคุณไป  แจ้งให้ทราบว่า อย่าใช้ชีวิตอย่างนั้นอีกต่อไป  ให้หันกลับมาเชื่อฟังพระเจ้า(ฮีบรู 11:7)  แต่ไม่มีใครฟัง  ไม่มีใครเชื่อ แถมหัวเราะเยาะเย้ยเสียด้วยซ้ำ  ว่า “เรื่องน้ำท่วมโลก”เป็นเรื่องโกหกมดเท็จ  คนเสียสติเท่านั้น ที่สร้างนาวา บนภูเขา น้ำไม่เคยท่วมโลก ภายหลังผมได้ดูหนังเรื่องโนอาห์ ผมลงความเห็นว่าผู้สร้าง  สร้างโดยมิได้ถอดพระทัยเรื่องพระเมตตาของพระเจ้า   แต่เน้นไปที่ความชอบธรรมมากกว่า  คนดูจึงเห็นว่าพระเจ้าโหดร้าย 

 

            แท้จริงพระเจ้าเมตตามนุษย์ถึงที่สุด  เปาโลกล่าวว่า “หรือท่านประมาทพระกรุณาคุณอันอุดม  และความอดกลั้นพระทัย  และความอดทนของพระองค์ ท่านไม่รู้หรือว่า  พระกรุณาคุณของพระเจ้านั้น  มุ่งที่จะชักนำให้ท่านกลับใจใหม่” ( โรม 2:4)   พระองค์ต้องอดกลั้นกับมนุษย์ ผู้ขัดขืนดื้อดึงต่อเนื่องยาวนาน ไม่จบสิ้น   ผมยังได้ชี้ให้น้องคนนั้นทราบว่า  พระเยซูเปรียบดั่งนาวา   วันนี้ ประตูนาวา  ประตูแห่งความรอดยังเปิดอยู่ เปิดอย่างกว้างขวางเสียด้วย  ทุกวันนี้  คริสเตียนโหมประกาศให้คนทั้งหลายทราบว่า   พระเจ้าทรงมีพระเมตตา  ขอให้กลับใจจากความผิดบาป  มาเชื่อถือวางใจในการไถ่โทษ  ที่ทรงจัดเตรียมไว้ให้ที่ไม้กางเขนของพระเยซู  เพื่อเราจะไม่ต้องพินาศ  “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก  จนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์  เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้น จะไม่พินาศ  แต่มีชีวิตนิรันดร์” (ยอห์น 3:16)  “จงถือว่าการที่องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงอดกลั้นพระทัยไว้ช้านานนั้น  เป็นการช่วยเราให้รอด” (2 เปโตร 3:15)   อีกไม่นาน พระเยซูจะเสด็จมาอีกที  รับผู้เชื่อให้ไปอยู่กับพระองค์  แต่จะละทิ้งผู้ไม่เชื่อทั้งหลายไว้  วันนี้  ประตูยังเปิดกว้าง  เวลาก็ยังมี    เราจึงไม่ควรรีรอ               

                ทรงเตือน ก่อนประตูนาวาปิด

               พระเจ้าให้คนและสัตว์เข้านาวา 7 วันก่อนปิดประตู   ก่อนขึ้นเครื่องนี่ สายการบินเขามี การประกาศให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่อง ล่วงหน้า 10 นาที เขาเรียกว่า  “การประกาศก่อนขึ้นเครื่อง” (Pre boarding Announcement)  ภาษาที่เขาประกาศที่สนามบินบรัสเซลส์ วันนั้น  มีทั้งภาษาฝรั่งเศส  อิตาเลียน  ดัตซ์  และอังกฤษ  เขาช่วยผู้โดยสารมากที่สุด  ส่วนผมฟังภาษาอังกฤษได้อย่างเดียว    

            เมื่อประกาศแล้ว  ผู้โดยสารก็ทะยอยพากันขึ้นเครื่องบิน  มีแต่ผมเท่านั้นที่หลงทาง ในสมัยโนอาห์ก็เช่นเดียวกัน  ก่อนหน้านี้มีเวลานาน  แต่ละคนอาจเอ้อละเหย ลอยชาย เอกเขนก  เฉยเมย “ด้วยในสมัยโนอาห์ ได้เป็นอย่างไร  เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมา  ก็จะเป็นอย่างนั้น  เพราะว่าเมื่อก่อนวันน้ำท่วมนั้น คนทั้งหลายได้กินและดื่มกัน ทำการสมรส  และยกให้เป็นสามีภรรยากัน  จนถึงวันที่โนอาห์เข้าในนาวา”  พระเจ้าประกาศให้เข้าไปในเรือ  เป็น Pre boarding Announcement  “เพราะว่าอีกเจ็ดวัน  เราจะทำให้ฝนตกบนแผ่นดินสี่สิบวันสี่สิบคืน” (ปฐก 7:4)   ครับ  นี่คือเจ็ดวันสุดท้าย ก่อนประตูปิด ก่อนหมดโอกาส         

  

            การที่ครอบครัวโนอาห์ และสรรพสัตว์ต่างๆ พากันทะยอยเข้าไปในเรือเป็นคู่ ๆ เป็นหมายสำคัญให้เขาเห็นได้ชัดว่า พระเจ้าทรงเอาจริง ไม่ใช่คำขู่ให้กลัว   ซึ่งพวกเขามีสิทธิ์เชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้   แต่พวกเขาไม่เชื่อ   ทุกวันนี้  หมายสำคัญยุคสุดท้าย ก่อนพระเยซูเสด็จกลับมา  ปรากฏให้เห็นมากมาย    เช่น  การกลับมาสร้างประเทศของคนยิว (มัทธิว 24:32-35)   คนในโลกแบ่งฝ่ายกันทำสงคราม (มัทธิว 24:7)  การกันดารอาหาร  แผ่นดินไหว (มัทธิว 24:7) การข่มเหงผู้เชื่อ (มัทธิว 24:9-10)  ผู้เผยพระวจนะเท็จ (มัทธิว 24:11) ความชั่วแผ่ขยายกว้างขวาง (มัทธิว 24:12)   โรคระบาด (วิวรณ์ 6:8) การเดินทางที่คล่องตัวในโลก(ด้วยรถ และเครื่องบิน)  และความรู้ทวีขึ้นอย่างมาก (โดยอินเตอร์เน็ต) (ดาเนียล 12:4)  เราจะเลือกใช้ชีวิตอย่างไร  จะเล่นกับความผิดบาป  หรือจะเชื่อฟังพระเจ้า  จะวางใจในพระเยซูหรือไม่  นี่คือเวลาสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่อง              

 

               แล้วก็ถึงเวลาปิดประตูนาวา 

               วันนั้น ที่สนามบินบรัสเซลส์   หลังจากผู้โดยสาร  ขึ้นเครื่องหมดแล้ว   เจ้าหน้าที่เช็คดูแล้ว เห็นว่าผมยังไม่มา  เขาก็ประกาศครั้งสุดท้ายที่เรียกว่า  “การเรียกขึ้นเครื่องครั้งสุดท้าย” (Final Boarding Call)  ครับ  นี่คือสุดท้ายจริง ๆ   เขาคงเรียกผมอย่างนี้   “นี่คือการเรียกขึ้นเครื่องครั้งสุดท้ายของผู้โดยสารชื่อ  สมเกียรติ กิตติพงศ์  ซึ่งจองตั๋วสายการบิน SN 323 ไว้เพื่อไปยังเจนีวา  โปรดไปขึ้นเครื่องที่ Gate 7  ในทันที  การเช็คครั้งสุดท้ายกำลังสิ้นสุดลง และกัปตันจะสั่งให้ปิดประตูเครื่อง ในเวลาอีกประมาณ  5 นาที  ขอย้ำอีกครั้ง  นี่คือการเรียกขึ้นเครื่องครั้งสุดท้ายสำหรับ นายสมเกียรติ กิตติพงศ์  ขอบคุณค่ะ” 

               เวลาประตูเครื่องบินปิดนี่เขาปิดจริงๆ โดยกัปตัน  ไม่เหมือนประตูบ้านผม  หรือประตูโบสถ์  จะเปิดจะปิดกี่หนกี่ครั้งก็ทำได้ ไม่ยากอะไร  ใครมากดกริ่งเรียกหน้าประตู  ขอให้เปิด แม้ปิดไปแล้ว  ก็ยังเปิดได้อีกง่ายๆ   แต่ประตูเครื่องบินไม่ง่ายอย่างนั้น   ยิ่งประตูนาวา  และความรอดนั้น เมื่อปิดแล้วก็ปิดเลย  ไม่เปิดให้ใครอีกโดยสิ้นเชิง  เมื่อวันสุดท้ายมาถึง  หมดเวลาต่อรอง  บางคนคิดว่า ไม่เป็นไร ค่อยกลับใจมาหาพระเจ้า  การรอจนนาทีสุดท้ายนั้น  ไม่ง่าย มีเหตุผล 2 อย่าง 

 

           (1) การกลับใจ เกิดไม่ง่ายอย่างที่คิด  เหมือนคนขึ้นเครื่อง ต้องตัดสินใจจอง  ต้องเช็คอิน  ผู้ที่หันจากโลกมาหาพระเจ้า  เขาต้องสำนึกผิด  ละทิ้งวิถีทางในอดีต ไว้วางใจในพระเยซู  และนี่คือสิ่งที่ครอบครัวโนอาห์เลือก  ในขณะที่ผู้คนยังละล้าละลัง 

                            น้ำท่วมคราวนั้นรอด     แปดคน

                  เฉพาะผู้น้อมถ่อมตน              เท่านั้น

                  เป็นอุทาหรณ์สอนจน              ปัจจุ บันเลย

                  ปล่อยชีวิตชิดกระชั้น               รอดได้ฤามี 

             (2)  พระเจ้าเองทรงเป็นผู้ปิดประตู   “แล้วพระเจ้าทรงปิดประตูนาวาเสีย” (ปฐมกาล 7:16)   คนที่ขึ้นเครื่องบินรู้ดีว่า ประตูเครื่องบินนั้นปิดแล้ว เปิดอีกไม่ได้ เพราะเป็นอันตรายกับคนในเครื่อง  เช่นเดียวกัน การเปิดประตูนาวา ไม่ปลอดภัยกับคนในเรือพระคัมภีร์ภาษาอังกฤษเขียนประโยคนี้ว่า “And the Lord shut him in.” ผมแปลเป็นไทยว่า “และพระเจ้าทรงขังโนอาห์ไว้ในเรือ”  ครับ   คนในไม่ให้ออก และคนนอกไม่ให้เข้า ต่อแต่นี้ไป





Visitor 910

 อ่านบทความย้อนหลัง