พระเยซูต้อนรับคนบาป
ศ.บ
ลูกา 15:2 “คนนี้ต้อนรับคนบาป และกินด้วยกันกับเขา”
นี่คือ คำบ่นว่า คำตำหนิติเตียน คำแสดงอาการดูถูก เหยียดหยาม ของพวกฟาริสี และพวกธรรมาจารย์ ที่มีต่อพระเยซู คนเราชอบวิพากษ์วิจารณ์ คำพูดหรือพฤติกรรมของคน ว่าคนนั้นไม่ดีอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ การตำหนิติเตียน เราทำเมื่อเราไม่เห็นด้วย และลงความเห็นว่าเขาผิด เขาไม่น่าทำเช่นนั้น พวกฟาริสีและพวกธรรมาจารย์ มีความคิดเห็นว่า คนชอบธรรม คนดี ถ้าดีจริง ก็ควรวางตัวอยู่สูงกว่าเขา ไม่ควรไปต้อนรับขับสู้ หรือยุ่งเกี่ยวกับคนบาป คนเก็บภาษีขี้โกง หญิงโสเภณี คนถ่อย หรือคนนิสัยไม่ดี ผมไม่ทราบเหตุผล แต่ผมเดา (1) เพราะพวกเขาคิดว่า คนบาปควรได้รับการแสดงออกให้รู้ว่า “แกมันเลว” อย่างไร (2) การยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนี้ เชื้อบาปอาจมาติดเราให้เกิดมลทิน (3) การต้อนรับพวกเขา อาจทำให้พวกเขาได้ใจยิ่งทำบาปหนักขึ้น (4) ดูถูกเพราะเห็นว่าเป็นมนุษย์คนละชั้นกัน ตนเป็นคนชั้นสูง ส่วนคนพวกนี้เป็นคนชั้นต่ำ (5) สังคมในโลกอาจมองว่าเรา เป็นคนไม่ดีไปด้วย (6) พระเจ้าอาจลงโทษเรา ผมไม่ทราบเหตุผล ด้วยเหตุนี้บรรดานักธรรมเหล่านี้จึงไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกเขา
แต่พระเยซูกลับทำตรงกันข้ามกับนักธรรมเหล่านี้
ก่อนอื่น เราต้องมาดูว่าพระเยซูเป็นใคร พระองค์คือพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงสถิตอยู่ในสรวงสวรรค์ ทรงเป็นพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ชอบธรรม สูงส่ง ทรงเป็นอยู่นิรันดร์กาล พระองค์ไม่ทรงกระทำความผิดบาป หรือมีมลทินใดๆ เลย มิอาจเทียบเคียงกับมนุษย์คนใดในโลก ถ้าจะเทียบกับพวกฟาริสี หรือธรรมาจารย์ ก็ยิ่งแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน พระองค์คือพระเจ้าผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งต่างๆในโลก พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ทั้งหลายขึ้น แต่เมื่อพระองค์เสด็จเข้ามาในโลก เมื่อ“พระวาทะได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ และทรงอยู่ท่ามกลางเรา ทรงบริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง” (ยอห์น 1:14) พระองค์กลับดำเนินชีวิต คลุกคลีตีโมงกับผู้คน ไม่รังเกียจเดียดฉันท์ ไม่ดูถูกดูแคลนพวกเขา พระองค์เป็นเพื่อนของเขา “พระองค์ประทับ และเสวยพระกระยาหารอยู่ในเรือนของเลวี มีพวกเก็บภาษี และคนบาปอื่นๆ หลายคนร่วมสำรับกับพระเยซูและพวกสาวกของพระองค์” ( มาระโก 2:15)
ตกลงใครถูกใครผิด พระเยซูถูก หรือฟาริสีถูก
ใครจะมีปัญญาเท่าเทียมพระเจ้า การช่วยคน เราต้องรักคน พระเยซูทรงรักคนผิดบาป แม้พระองค์จะเกลียดชังความบาป แต่พระองค์ทรงรักคนบาป เหมือนเรารักลูก เวลาลูกป่วยเรามิได้ทิ้งไปทั้งลูกทั้งความป่วย เราต้องบำบัดรักษาความเจ็บไข้ทีอยู่ในตัวลูก ให้เขาหายป่วย ฟาริสี ไม่รักใคร ไม่คิดช่วยใคร รักแต่ตัวเอง ช่วยแต่ตัวเอง ขอให้ตัวเองรอดปลอดภัย ซึ่งเอาเข้าจริงพวกเขาก็เลวร้ายไม่แพ้คนเก็บภาษี แถมยังรังเกียจคนเหล่านี้ และคิดว่าตนเองเป็นคนชอบธรรม
พระเยซูรักคนผิดบาป และพร้อมเสด็จเข้าไปช่วยพวกเขา พระองค์ไม่ร่วมทำบาปกับเขาอยู่แล้ว แต่ทรงเสด็จเข้าไปเป็นเพื่อนของเขา เพื่อช่วยเขา คนเหล่านี้จะได้รับการช่วยเหลือได้อย่างไร ถ้าทุกคนตีตนออกห่าง พวกเขาว้าเหว่ ลึกๆลงไปในจิตใจ เขาต้องการพระเจ้า เขาอยากเป็น
คนดี เขาอยากพบความสุข นี่คือสิ่งที่ฟาริสีไม่เคยคิดถึง เมื่อพวกฟาริสี มาฟ้องสาวกว่า “เหตุไฉนอาจารรย์ของท่าน จึงรับประทานอาหารด้วยกันกับคนเก็บภาษี และคนนอกรีตเล่า” พระเยซูตรัสแก่เขาว่า “คนเจ็บต้องการหมอ แต่คนสบายไม่ต้องการ เรามิได้มาเพื่อจะเรียกคนที่เห็นว่าตัวชอบธรรม แต่มาเรียกคนที่พวกท่านว่านอกรีต” (มาระโก 2:16-17)
คนดูถูกคนด้วยเหตุสาระพัด พระเยซูไม่ดูถูก แต่ทรงรักเขา
โลกตำหนิ ติเตียน เวียนประนาม ทั้งเหยียดหยาม แช่งสาป ว่าบาปหนา
มีพ่อแม่ แย่จริง ไร้บุญญา เป็นทาสา ขี้ข้า ด่าประจาน
ถิ่นกำเนิด บ้านเกิด คือสลัม ชนชั้นต่ำ กำพืชไพร่ แช่งไขขาน
พ่อเมาเหล้า เช้าเย็น เป็นสันดาน แม่มีงาน รำพัด ถนัดจัง
ย้ายถิ่นฐาน จากบ้านนอก กระจอกสุด เหมือนใครขุด ฉุดขึ้นมา มีหน้าหลัง
สมองเพี้ยน เรียนไม่เข้า มีเงาบัง ช่างน่าชัง น่ารังเกียจ เสนียดจัญไร
ไปรับงาน การเก็บ เงินภาษี ไปเห็นดี เห็นงาม ตามสมัย
ช่างไม่อาย ขายชาติ ประหลาดใจ คนทั่วไป ขุ่นแค้น ยังแค่นทำ
ร้อยละสิบ หยิบยอกยัก แอบหักไว้ ในพกห่อ ขอใครลิ้ม จนอิ่มหนำ
ชาวนครา จึงก่นด่า คนอธรรม อยากพลิกคว่ำ ยำคนชั่ว ตัวสามานย์
แต่พระคริสต์ ตีสนิท คนพวกนี้ นั่งเปรมปรีด์ ร่วมถวิล กินอาหาร
มิรังเกียจ เดียดฉันท์ มิรำคาญ นำวิญญาณ พวกเขา เข้าถึงใจ
พระเล็งเห็น ทรงเป็น เช่นดั่งหมอ คนเจ็บขอ รอพบตน ทนไม่ไหว
เพราะรักช่วย คนป่วยหนัก รักษาไข้ จึงใกล้ชิดสนิทเหมือน เป็นเพื่อนเอย
นี่คือข่าวประเสริฐ สำหรับทุกๆ คน พระเยซูรักเรา ไม่ว่าเราจะมีอดีตอย่างไร เป็นใคร มาจากที่ไหน พระเจ้าช่วยเราให้พ้นจากความบาปผิด และนำเราไปสู่ความรุ่งโรจน์ได้ทั้งนั้น โลกนี้อาจดูถูกเรา แต่พระเจ้าไม่เคยดูถูก โลกอาจจดจ่ออยู่ที่อดีต และความผิดพลาดที่เคยผ่านมา แต่พระเจ้าอภัยผู้ที่กลับใจ วางใจพระองค์ และนำเราก้าวไปสู่อนาคต ในสายตาผม พฤติกรรมของฟาริสี เป็นสิ่งน่ารังเกียจ พวกเขาเองด้วยซ้ำ ที่น่าจะต้องกลับใจ ทรงนำเลวี ศักเคียส คนเก็บภาษีมาพบพระเจ้า ทรงนำหญิงชาวสะมาเรีย และหญิงล่วงประเวณีมาสู่ชีวิตใหม่ ครั้งหนึ่งพระเยซูตรัสกับพวกปุโรหิต และพวกผู้ใหญ่ว่า
“เราบอกความจริงแก่ท่านว่า พวกเก็บภาษี และพวกหญิงแพศยาก็เข้าแผ่นดินของพระเจ้าก่อนท่านทั้งหลาย” ( มัทธิว 21:31)
เราต้องรักคนอย่างพระคริสต์ เราต้องช่วยคนอย่างพระเยซู คือเข้าไปใกล้ชิดเขา ต้อนรับเขา ไม่รังเกียจเขา เพื่อช่วยเขา
|