อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้
ศ.บ
อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม (โรม 12:2)
นี่ไม่ได้หมายความว่าคริสเตียน ปฏิเสธวิทยาการของโลกที่ทันสมัยขึ้น ไม่นั่งรถยนต์ ไม่ขึ้นเครื่องบิน ไม่ดูทีวี ปฏิเสธจานดาวเทียม เลิกใช้คอมพิวเตอร์ มือถือ สมาร์ท โฟน เลิกสื่อสารโดยใช้ อีเมล์ ใช้ไลน์ หรือแม้แต่เฟศบุ๊คสิ่งที่ยกตัวอย่างมานี้ ไม่เพียงแต่นับว่าเป็นสิทธิพิเศษสำหรับเราที่เกิดในยุคนี้แต่ยังเป็นความรับผิดชอบของเราด้วยที่จะใช้มันให้เกิดประโยชน์ในงานรับใช้ ซึ่งคนของพระเจ้าใช้มันมาทุกยุคทุกสมัย
พระเยซูอ่านพระคัมภีร์จากหนังสือม้วน มาร์ติน ลูเธอร์ เริ่มใช้พระคัมภีร์จากเครื่องพิมพ์ที่คิดค้นโดย โยฮัน กุดเทนเบิร์กทำไมเราจะปฏิเสธพระคัมภีร์ในสมาร์ทโฟน ที่คิดค้นโดยสตีฟ จอฟ และคนรุ่นใหม่ดังนั้นวิทยาการทันสมัย ไม่ใช่ประเด็นที่เปาโลพูดถึง
1. เมื่อเปาโลกล่าวว่า “อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้” ท่านกำลังเตือนใจผู้เชื่อ ไม่ใช่คนภายนอกที่ไม่เชื่อ โดยทั่วไป แต่ตักเตือนคนที่เป็นคริสเตียน ผู้รับ “พระเมตตาของพระเจ้า” (โรม 12:1) ทั้งท่านชี้ให้เห็นด้วยว่าคนภายนอกเขาประพฤติอย่างไรกัน ที่เราไม่ควรประพฤติตาม คนไทยเราว่า “คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล” หากเราไม่ระมัดระวัง เราจะ “ลอยช้อนตามเปียก” ปล่อยให้สังคมจูงเราเข้ารกเข้าพง ปล่อยให้ “พวกมากลากไป”
2. ประพฤติผิด เริ่มจากจิตใจผิด เปาโลกล่าวว่า “อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการการเปลี่ยนแปลงจิตใจ” (โรม12:2) ในพระคัมภีร์ฉบับขยายความ บอกว่า “จงรับความคิดใหม่” คนเราประพฤติถูก ก็เพราะเราคิดถูก พระเยซูตรัสว่า “ตาเป็นดวงประทีปของร่างกาย เหตุฉะนั้น ถ้าตาของท่านปกติ ทั้งตัวก็พลอยสว่างไปด้วย แต่ถ้าตาของท่านผิดปกติ ทั้งตัวของท่านก็พลอยมืดไปด้วย” (มัทธิว 6:22-23) เวลาเปาโลสอนความประพฤติของคริสเตียน ท่านสอนว่า คริสเตียนต้องคิดให้ถูกเสียก่อน มิฉะนั้นก็แก้ไขไม่ได้
3. ทีนี้ให้เรามาดูว่าเปาโลสอนอะไรบ้าง ยุคของเปาโล ท่านเห็นหลายอย่างที่คนยุคนั้นเขาทำกัน ส่วนยุคของเรา ศตวรรษที่ 21 ในปัจจุบัน ผมเห็นว่าลักษณะของจิตใจคนไม่ต่างกัน แต่มันรุนแรงกว่ากัน
(1) อย่าเย่อหยิ่ง “อย่าคิดถือตัวเกินกว่าที่ควรจะคิดนั้น” (โรม 12:3) ท่านหมายความว่า ในความเป็นจริง เราเป็นอย่างหนึ่ง แต่เราก็เสแสร้ง เป็นอีกอย่างหนึ่ง ให้คนมองเห็นเราแล้วดูดี เพื่อจะได้ยกย่องเรา เรื่องนี้คน“หน้าใหญ่ ใจโต” ทำอะไรก็รักษาหน้าไว้ก่อน เป็นระบบของโลก แต่พระเจ้าสอนให้เราถ่อมใจ เป็นตัวของตัวเอง เราเป็นอย่างที่เราเป็น ไม่ใช่ ทำอะไรเกินตัว คนไทยเรามักเป็นคน”เจ้าหน้าเจ้าตา” พระเจ้าต่อสู้คนที่หยิ่งจองหอง แต่ทรงประทานพระคุณแก่คนที่อ่อนน้อมถ่อมตน (ยากอบ 4:6) เจม เคลลี กล่าวว่า “ความเย่อหยิ่ง เดินไปด้วยกันกับ พระคุณ ไม่ได้” โลกนี้สอนให้เราปกปิด เมื่อทำบาป แต่พระเยซูสอนให้เราสำนึก สารภาพ และกลับใจใหม่ พระเยซูตรัสว่า “บุคคลผู้ใดรู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ คนนั้นเป็นสุข เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขาแล้ว” (มัทธิว 5:3) พระเยซูยกย่องคนเก็บภาษีที่ตีอกชกตัว สารภาพผิด มากกว่าฟาริสีที่อวดตัว กลางพระวิหาร
(2) คนเก่งของโลก ยกตนเอง เราต้องยกพระเจ้า “เราทุกคนมีของประทาน ตามพระคุณที่ทรงประทานให้แก่เรา” ( โรม 12:6) คนเราชอบอวดตัว อวดในความสามารถ เพราะคิดว่า ความตะลัน หรือความถนัดนั้นๆ เป็นของตน ตนคือคนเก่ง ความเก่งของตน มีไว้ก็เพื่อเสริมสร้างความมั่งคั่งให้ตน การอวดความสามารถนี่เป็นกันทั้งคนจนคนรวย จอห์น เมสัน กล่าวว่า “คนเราอาจกระเป๋าแห้ง แต่ทนงในวิญญาณ” แต่เปาโลชี้ให้เห็นว่า ความสามารถที่เรามี มาแต่พระเจ้า พระเจ้าประทานให้เรา เราต้องโอ้อวด ยกย่องพระเจ้า และใช้ความสามารถนั้นอย่างคนต้นเรือน เพื่อช่วยเหลือคนอื่น ทั้ง ยินดีรับใช้ตามความสามารถด้วยใจยินดี “ผู้ที่สำแดงความเมตตา จงแสดงด้วยใจยินดี” (โรม 12:7) ไม่ฝืนใจทำ
(3) รักด้วยใจจริง (โรม 12:9) พระคัมภีร์ฉบับเดิม บอกกว่า “จงรักโดยปราศจากมรรยา” สำแดงความรักอย่างไม่จริงใจ เป็นเรื่องสามัญของคนยุคนี้ มีชายหนุ่มมากมาย ที่บอกรักสาว ในเทศกาลสงกรานต์ สัญญากับเธอว่า รักจริง จะไม่ทอดทิ้งกันจนวันตาย แต่พอไปเจอสาวคนใหม่ อาจสวยกว่า รวยกว่า มีการงานดีกว่า ก็ละทิ้งเธอไป ฟลอย แมคคลัง บอกกว่า การบอกรักด้วยปากเป็น ความรักราคาถูกที่สุด ใครก็พูดได้ บอกรักกลางเดือนเมษา ยังไม่ทันถึงพฤษภา ก็หาตัวไม่เจอเสียแล้ว รักเขาเพราะเงิน รักเขาเพราะฐานะ เพราะอะไรก็ตาม ที่มิใช่ตัวแท้ๆของเขา ล้วนแล้วแต่เป็นความรักที่เปราะบางทั้งสิ้น รักของพระเจ้าไม่เป็นเช่นนี้ ดังนั้น พระเจ้าทรงปรารถนาให้เราเปลี่ยนความคิดใหม่ รักแท้ อยากให้เขาได้สิ่งดีที่สุดในบั้นปลาย ไม่ใช่ เพื่อเราจะได้อะไรมาจากเขา
(4) เกลียดสิ่งที่ชั่ว จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี” (โรม 12:9) ใจที่เออออห่อหมก กับสิ่งที่ชั่ว เป็นต้นทางของความผิด” วันหนึ่งผมไปตัดผม ขณะนั่งรอ ก็หยิบหนังสือวารสารฉบับหนึ่ง มีชื่อเสียงในเมืองไทยเชียว มานั่งอ่าน เขาไปสัมภาษณ์ ผู้ชายคนหนึ่งที่มียศสูง ร่ำรวย เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ถ่ายรูปให้ดูพร้อมบ้านอันสวยหรู ชายคนนี้มีภรรยาหลายคน แจกกันอยู่หลายบ้าน ผู้สัมภ่าษณ์ยกย่องเขามาก ว่าเขาเป็นเก่ง มีความสามารถปกครองภรรยาหลายคน ได้ ตัวเขาก็ภาคภูมิใจ แถมคุยโวเสียด้วยว่าเขาสามารถผมอ่านแล้วตลึงเพราะผมคิดเห็นตรงกันข้าม ผมคิดว่าน่าอายน่าจะไปมุดหัวดำดินอยู่ที่ไหนสักแห่ง มากกว่ามาเต๊ะท่าให้ถ่ายรูปน่าสลอน ผมไม่ทราบเหมือนกันว่า ผู้อ่านคนอื่นจะรู้สึกอย่างไร การมากผัวมากเมียน่ายกย่องหรือ เมืองไทยเราโด่งดังกระทั่งการประกวดเทพีกะเทย เราชื่นชมคนเล่นหวยที่ถูกรางวัล นักการเมืองบางคน ถือเป็นนโยบายหาเงินเข้าประเทศ โดยการจะทำหวยออนไลน์ให้ได้ นักข่าวชอบสัมภาษณ์นักการเมืองที่สะสมเหล้านอกเหล้าในไว้เป็นห้องๆ การโฆษณาให้คนกินเหล้าของบริษัทดังๆ ดุได้ที่หน้าจอโทรทัศน์ทุกวัน ในขณะที่หนังบางเรื่อง ถูกทำให้นางเอกที่ถือแก้วดื่ม เห็นเป็นภาพเบรอๆ ลางๆ เพราะกลัวเด็กจะเอาอย่าง เรามีศีลข้อที่ห้าที่ห้ามคนกินเหล้า แต่ในเทศกาลสงกรานต์ คนไทยเสียชีวิตเพราะเหล้ายาปลาปิ้ง บนท้องถนนปีละ 300 -400 คนทุกปี การสนุกสนานไร้ขอบเขตของหนุ่มสาว ตลอดจนการพากันไปทำผิดศีลธรรมด้วยกัน ผมต้องถามผู้เชื่อว่า ฟังเรื่องเหล่านี้แล้วรู้สึกอย่างไร เห็นชอบ เฉยๆ หรือ รู้สึกว่าน่าสะอิดสะเอียน และน่าเศร้าใจ เปาโลบอกว่าให้เราเกลียดสิ่งที่ชั่วครับ
(5) อย่าทำชั่ว ตอบแทนการชั่วแก่ผู้ใดเลย ( โรม 12: 17) หนังจีน กำลังภายใน เป็นหนังแอคชั่นที่มีดาราเป็นคนมีความสามารถ กระโดด ตีลังกา ฟาดฟันศัตรูได้เหลือเชื่อ แค่ชักดาบออกจากฝัก ยังไม่ทันฟัน คู่อริการล้มลงไปนอน เลือดทะลักออกจากปาก คนดูกันทั้งเมือง สมัยเรียนหนังสือ ผมมีเพื่อนที่ชอบอ่านนิยายจีน อ่านกันเป็นตั้งๆ เล่มต่อเล่ม เริ่มเรื่องพระเอก ก็มายืนหน้าหลุมฝังศพพ่อ ก้มลงคาระวะ พร้อมกับสัญญากับพ่อว่า จะตามฆ่าคนที่ฆ่าพ่อให้ได้ จากนั้นพระเอกก็ตามแก้แค้น แล้วเรา คนดูก็เชียร์พระเอกไปทั้งเรื่อง แต่พระคัมภีร์สอนเราตรงกันข้าม สอนให้เราไม่แก้แค้น ท่านกล่าวว่า “ท่านผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า อย่าทำการแก้แค้น แต่จงมอบการนั้นไว้ แล้วแต่พระเจ้าจะทรงลงพระอาชญา .. อย่าแก้แค้นเลย ถ้าศัตรูของท่านหิว จงให้อาหารเขารับประทาน ถ้าเขากระหายน้ำ จงให้น้ำเขาดื่ม เพราะว่าการทำอย่างนั้น เป็นการสุมถ่านที่ลุกโพลงไว้บนศีรษะของเขา อย่าให้ความชั่วชนะเราได้ แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี” ผมขอจบการยกตัวอย่างแค่นี้เพราะหน้ากระดาษมีจำกัดแต่อยากหนุนใจเราว่า
4. สร้างนิสัยที่ดี ความคิดที่ถูก จะทำให้เราประพฤติถูก และจะสร้างนิสัยที่ดีให้เรา เพราะท่านกล่าวว่า “อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่” เวลาเราปฏิบัติสิ่งที่ถูก ครั้งแล้วครั้งเล่า เราจะตกเป็นทาสของความชอบธรรม คือติดนิสัยที่ดี ลองคิดซิ เราจะสวยงามขึ้นแค่ไหน เมื่อพระเจ้าดัดชีวิตให้เราเป็นคนถ่อมตน เป็นตัวของเราเอง ไม่เสแสร้ง แต่ยกย่องให้เกียรติพระองค์ รักคนจากใจ รักศีลธรรม และยินดีเสียเปรียบคนอื่น อันเป็นวิญญาณที่แตกต่างจากโลกนี้หน้ามือเป็นหลังมือ วิญญาณอย่างนี้เองทำให้เรารู้น้ำพระทัยพระเจ้าสำหรับเรา ว่าอะไรดียอดเยี่ยมสำหรับเรา
ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ
|