อธิษฐานเผื่อคนที่เรานำมาอย่างไร

 

   โดย ศบ.

        เอเสเคียล 22:30

 

 

       “และเราก็แสวงหาสักคนหนึ่ง ในพวกเขาซึ่งจะสร้างกำแพง และยืนอยู่ในช่องโหว่  ต่อหน้าเราเพื่อแผ่นดินนี้  เพื่อเราจะมิได้ทำลายมันเสีย  แต่ก็หาไม่ได้สักคนเดียว”

       พระคำตอนนี้บ่งบอกว่าพระเจ้า เสาะหาใครสักคนช่วยอธิษฐานเผื่อคนที่ต้องการการช่วยเหลือ  ครั้นพระองค์ทอดพระเนตรลงมาจากสวรรค์ พระองค์ไม่พบใครเลย

       ทำไมการอธิษฐานเผื่อคนบาป จึงเป็นเรื่องจำเป็น

       ทำไมพระองค์ไม่ทรงกระทำเสียเอง  โดยไม่ต้องรอให้มีคนอธิษฐานเผื่อ  ความจริง พระองค์ทำเช่นนั้นไม่ได้  เพราะพระองค์ต้องคงไว้ซึ่งความยุติธรรม

       ถ้าพระองค์จะทำการในจิตใจของใครคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ โดยไม่มีเหตุ ก็จะเป็นการเลือกที่รักมักที่ชัง  มารซาตานสามารถโจมตีพระเจ้า  ฟ้องพระองค์เหมือนที่มันฟ้องโยบ (โยบ 1:9;2:4-5)  แต่เมือ่มีคริสเตียนคนหนึ่งอธิษฐานเผื่อเขา  พระเจ้าทรงสามารถยื่นพระหัตถ์ไปช่วยเขา โดยอ้างได้อย่างชอบธรรม ว่าทรงทำการเพราะเห็นแก่การขอร้องของผู้เชื่อที่ชอบธรรม

      ปกติการเป็นพยาน นำใครมาเชื่อพระเจ้า ต้องคำนึงถึง 3 ฝ่าย

ผู้นำวิญญาณ (2) คนที่เราจะนำ และ(3) พระเจ้า

 

 

 

     เราจะอธิษฐานเผื่อคนใหม่ เรื่องอะไร

     นอกจากผู้นำวิญญาณ ต้องช่วยให้คนใหม่เข้าใจความจริงแล้ว  เขายังสามารถ ยืนระหว่างช่องโหว่ กราบทูลพระเจ้า ให้พระองค์ทำการในจิตใจของเขาเป็นพิเศษ   แน่นอน  การกลับใจ เป็นการเลือกของคนใหม่ แต่พระเจ้าสามารถทำการเป็นพิเศษช่วยเขา

     (1) ทูลขอให้เขา ชนะโลกแห่งวัตถุนิยม (ลก 18:24-27 ) (2) ทำสงครามสู้กับมาร  (มธ 12:28-29)

     (2) พระเยซูตรัสว่า คนที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า  อยู่ภายใต้อำนาจของมาร เหมือน บ้านที่มีผู้มีกำลังเฝ้าอยู่ ใครก็เข้าไปไม่ได้  ดังนั้นเราต้องกราบทูลพระเจ้า ให้พระองค์   ผู้มีกำลังเหนือกว่า สยบอำนาจของมัน

     (3) ขอพระวิญญาณ ช่วยนำให้เขาสำนึก                ( ยน 16:8 )

        พระเยซูตรัสว่า งานของพระวิญญาณ คือ การทำให้คนรู้สึก สำนึกถึงความผิดบาป  และเราที่เป็นมนุษย์ไม่อาจทำสิ่งนี้ได้อย่างพระวิญญาณ

     (4) ขอการตื่นตัว ( 2พศด7:14)

        การตื่นตัวขึ้น ก็เช่นเดียวกัน  เป็นงานของพระวิญญาณ  คนที่อยู่ในสภาพเฉยเมย  ไม่สนใจเรื่องฝ่ายวิญญาณ  หากเราพยายาม ถ่ายทอดพระกิตติคุณให้เขาฟัง เขาจะไม่รับฟัง  แต่ถ้าเขาตื่นขึ้น ใจเปิด เขาจะเปิดหูออกฟัง  เราจึงควรทูลขอพระเจ้าช่วยปลุกเขาให้ตื่นขึ้นก่อน

     (5) ขอให้ประตูแห่งการเป็นพยานเปิดออก  (คส 4:2-4)

        ผู้เป็นพยานรู้ดีว่า  เราอาจไม่สบโอกาสในการคุยกับใครเรื่องพระเจ้า  ถ้าบรรยากาศไม่เหมาะ  เราเอื้อนเอ่ยผิดจังหวะ เขาจะไม่ไสนใจ  เปาโลสอนให้เราทูลขอให้ประตู หรือช่องทางนั้นเปิดออก

  (6) ขอความกล้าหาญ ( คส 4:3 )

       มารมีวิธีขู่ให้ผู้นำวิญญาณกลัว  เหมือนสิงห์คำราม และบางครั้งความหวาดกลัวเข้ามาครอบงำคริสเตียนเสียเอง  ทำให้เราไม่กล้าพูด กล้าแสดงออก  พระเจ้าสามารถประทานความกล้าหาญให้เรา

 

ครับ  เราสามารถอุดช่องโหว่ โดยการอธิษฐานเผื่อ คนที่เราจะนำเขามาหาพระเจ้าอย่างมีประสิทธิภาพ   ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ             เราคงจำเรื่องเศรษฐีหนุ่มที่ถอยจากพระเยซูไป เพราะหวงทรัพย์ และพระองค์ตรัสกับสาวกว่า เศรษฐีเข้าสวรรค์ยาก  ตัวอูฐลอดรูเข็มยังง่ายกว่า  แต่ พระองค์ก็ให้ความหวังว่า “สิ่งที่มนุษย์ทำไม่ได้  พระเจ้าทรงกระทำได้” คนทุกวันนี้ก็เช่นกัน วัตถุความมั่งคั่ง ความสบายบดบังสายตา เราต้องขอพระเจ้าช่วย

 

 

 




 

 

 

 

 



Visitor 274

 อ่านบทความย้อนหลัง