ระบบย่อยอาหาร (1)

 

        ศิษยาภิบาล

 

ผมเคยเรียนวิชาสรีรวิทยา  วิชานี้เกี่ยวกับการทำงานของร่างกาย น่าสนใจมาก  วันนี้ขอพูดเรื่องระบบย่อยอาหารของคนเรา เพื่อเทียบเคียงกับการรับอาหารฝ่ายวิญญาณ

        ก่อนอื่นขออธิบาย เบื้องต้นเสียก่อนว่า  ระบบย่อยอาหารของคนเรานั้น  มันเกี่ยวข้องมาตั้งแต่  การเคี้ยวอาหารในปาก ฟัน ลิ้น  น้ำลาย  หลอดอาหาร  กระเพาะ ตับ ตับอ่อน  ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่  จนถึงทวารหนัก  ทั้งหมดนี้เราใช้มันทุกวัน  และพระเจ้าสร้างมาให้เราอย่างอัศจรรย์เหลือเกิน

         พระเจ้าสร้างให้ระบบย่อยอาหารของเราทำหน้าที่  3 อย่าง  ตามลำดับ

ย่อยอาหาร  (2) ดูดซึม  (3) ขับถ่าย  ซึ่งผมจะขอบรรยายตามลำดับ

ย่อยอาหาร  

 

      ปากและฟัน  อาหารที่เรากินเดินทางสู่กระเพาะลำไส้ ผ่านประตูแรกคือ ปาก  ที่มีปลายประสาทมากมาย เพื่อจะรับรู้อาหารที่เรากิน  ร้อนจนลวกปาก เย็นจนลิ้นชา แสบจนร้องโอย  เกิดขึ้นมาตั้งแต่คำแรกที่เรากินทั้งนั้น  คนเราถึงต้องเลือกเสียก่อนยังไงล่ะ ว่าจะเอาอะไรเข้าปาก  ทำนองเดียวกัน  เวลาจะรับฟังอะไรมาสู่ความจิตใจ  เราต้องพินิจพิเคราะห์  ข้อมูลที่มาสู่คนเรา ทางเสียงเพลง  ทีวี หนังสือพิมพ์  หรืออินเทอร์เน็ทวันนี้  น่ากลัวเหลือเกิน  มันลวกปากฝ่ายวิญญาณเรามั่งหรือเปล่า  ใช่ว่าใครให้อะไรมาก็บริโภคทั้งนั้น  ฟันช่วยเคี้ยวบดอาหาร (Mastication) ให้ขนาดมันเล็กลง ไม่ยังงั้น ก็กลืนไม่ลง  ติดคอ  ทารกยังไม่มีฟัน  ก็ต้องกินน้ำนม  อาหารบด กล้วยน้ำว้าขูด  คือบดให้ละเอียดก่อนป้อนแก  เปโตร บอกว่า  “ทารกแรกเกิด  ปรารถนาน้ำนมฝ่ายวิญญาณ โดยน้ำนมนั้นทำให้ท่านจำเริญขึ้นสู่ความรอด” ( 1 ปต 2:2-3)  นี่เป็นเหตุผลที่ผมแนะนำว่า  ผู้เชื่อใหม่ คริสเตียนใหม่ ควรเรียนชั้นผู้สนใจ ผู้เชื่อใหม่  หรือชั้นฟูมฟักเสียก่อน ครูสอนก็เหมือนกัน  ต้องให้น้ำนม  หรือบดพระคำเสียก่อน  

 

     น้ำลาย (Saliva)  หรือที่บางคนเรียกว่า “น้ำบ่อน้อย”  เป็นน้ำย่อยตัวแรก  การย่อยอาหารนี่ เริ่มตั้งแต่ปากเลย พระเจ้าสร้างให้เรามีต่อมน้ำลาย 3 คู่ที่ปาก ในน้ำลายมีน้ำย่อยสำหรับย่อยแป้ง ให้เป็นน้ำตาล ไม่เชื่อ ลองเคี้ยวข้าวเปล่าดู  เคี้ยวนานสัก สองนาที อย่าเพิ่งกลืน เราจะได้ลิ้มรสหวานในปาก เพราะข้าวถูกย่อยเป็นน้ำตาลแล้ว  พระคำ บางตอนไม่ต้องไปรอย่อยที่บ้าน  ฟังปั๊บ ย่อยปุ๊บ หวานปั๊บ เกิดประโยชน์ได้ทันที มีพระคำตั้งเยอะที่ไม่ต้องแปล  เช่น“จงรักด้วยใจจริง จงเกลียดชังสิ่งที่ชั่ว” “จงอธิษฐานเสมอ”  “จงให้เกียรติบิดามารดาของเจ้า” ไม่เห็นต้องอาศัยปราชญ์ที่ไหนมาช่วยแปล  ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก  เคี้ยวสักสองนาทีก็ลิ้มความหวานแล้ว

 

ลิ้น (The Tongue)  ไม่ได้มีไว้แลบใส่หน้า  เวลาไม่ชอบใคร  แต่พระเจ้าสร้างไว้สำหรับการพูด  ลิ้มรสอาหาร เคี้ยว และกลืน  คนลิ้นขาดพูดไม่ได้  ที่สำคัญสำหรับระบบย่อยอาหาร คือลิ้นมีต่อม รับรสอาหาร( Taste Buds) ประมาณ 9,000 ต่อม บนผิวลิ้น  แยกเป็น 4 ประเภท เพื่อลิ้มรสที่แตกต่างกัน (1) รสหวาน (2) รสเปรี้ยว (3) รสเค็ม และ (4) รสขม  ต่อมใครต่อมมัน  เอายาขมไปแตะต่อมรับรสหวาน  จะไม่รู้สึกขมเลย  พระเจ้าสร้างอย่างนี้ ก็เพราะรักเรา  อยากให้เรามีความสุขเวลากิน  ลองเอาต่อมรับรสออกไปสิ คนเราคงแย่  กินอะไรก็ไม่อร่อย  เวลาผมไปนอนที่โรงพยาบาล  หมอให้อาหาร และน้ำเกลือ ทางเส้นเลือด  ได้รับประโยชน์ก็จริง  แต่มันไม่อร่อยอะไรเลย  ถ้าให้อย่างนี้ตลอดชีวิต สงสัยชีวิตนี้หมดความสุขแน่ๆ  การเตรียมอาหารฝ่ายวิญญาณ ก็เหมือน แม่ครัวทำกับข้าว  ต้องน่ากิน และรสชาติดี  ผมนิยมโต๊ะอาหารที่ ใส่ภาชนะงาม ในจานผัดก็ดูดี มีพริกหยวกสีเขียวอ่อน บอกเคอรี่สีเขียวเข้ม ข้าวโพดอ่อนสีเหลือง  หอมใหญ่สีขาว เห็ดหอมสีดำ และแครอทสีส้ม คละกับแฮมชิ้นบางๆ  โอโฮ!  เสิร์ฟร้อนๆ หอมแตะจมูกอีกต่างหาก  ไม่ใช่โซ๊ะโล๊ะเละตุ้มเป๊ะยังกะก้อนผักเสี้ยนดอง  แม้อร่อยคนก็อาจเมินตั้งแต่ยังไม่ได้กิน  นอกจากดูดีแล้ว กินยังอร่อยด้วยนี่สิ  เยี่ยมยอด!  อาหารฝ่ายวิญญาณควรน่าฟัง  รื่นหู  เอร็ดอร่อย  

     

       เปาโลบอกว่า “จงให้วาจาของท่านประกอบด้วยเมตตาคุณเสมอ  ปรุงด้วยเกลือให้มีรส เพื่อจะได้ตอบให้จุใจแก่ทุกคน” (โคโลสี 4:6) ความอร่อยที่เปาโลว่า นี่ไม่ใช่ talk show ที่เรียกเสียงฮาอย่างเดียว แต่ไม่ได้เนื้อ  เปาโลว่า ประกอบด้วย “เมตตาคุณ” และ “จุใจคนฟัง”  คือฟังแล้วมันโดนเลย

 

การกลืน (Swallowing)

            พระเจ้าสร้างให้ คนเรากลืนอาหาร อย่างน่าอัศจรรย์  เป้าหมายคือ อาหารจากปากจะต้อง ไปผ่านหลอดอาหาร ไปยังกระเพาะ  ธรรมดา โพรงจมูกที่เราหายใจ มันเชื่อมต่อกับ กระพุ้งปาก นี่เป็นเหตุเรา หายใจทางปากก็ได้ ปิดจมูกเปิดปากก็หายใจได้  และนี่เป็นเหตุที่ เวลาเราหัวเราะตอนกินข้าว  เราอาจสำลักเอาเม็ดข้าวเข้าไปในโพรงจมูก เพราะมันเชื่อมกันยังไงล่ะ  แต่เวลาเรากลืนอาหาร  ปลายลิ้นผลักอาหารไปที่คอหอยส่วนบน   เพดานอ่อนยกสูงปิดทางเข้าไปโพรงจมูกอัตโนมัติ  แถมกล่องเสียงที่เชื่อมหลอดลมสู่ปอดก็จะปิด แต่หูรูด กล้ามเนื้อหลอดอาหาร เปิดให้อาหารลงไป ทำให้เราหายใจ ขณะกลืนอาหารไม่ได้  พระเจ้าสร้างให้เส้นประสาท ที่คุมการหายใจหยุดทำงาน ในขณะกลืนอาหาร  อัศจรรย์ไหมล่ะ  เหมือนรถไฟถูกสับราง  ปิดรางบน ปิดรางข้าง เปิดรางล่าง พร้อมพลังการขับเคลื่อนอาหารลงไป  พระเจ้ากำลังสอนเราว่า ทำอะไร ทำทีละอย่าง  ในยามเรียนพระคัมภีร์ หรือฟังเทศน์ นั่ง ร้องเพลงหนิงๆ ไปด้วย ไม่เหมาะแน่  ในยามนมัสการคุยกัน นั่งเขียนการ์ตูน หรือเล่นอะไรในมือถือ นอกจากตัวเองไม่ถึงพระเจ้าแล้ว ยังแถมกวนคนข้างๆด้วย  เปาโลว่า “จะพูดภาษาแปลกๆ ..ให้พูดทีละคนทีละคน  และให้อีกคนหนึ่งแปล  และถ้าไม่มีผู้ใดแปลได้  ก็ให้คนนั้นอยู่นิ่งเงียบ ๆ ในที่ประชุม”  ( 1 โครินธ์ 14:27-28)  ทำพร้อมกันระวัง จะสำลักฝ่ายวิญญาณนะจะบอกให้  

 

         อาการกลืน ยังเป็น การแสดงการรับอาหาร ผ่านไปสู่ระบบที่เราคุมมันไม่ได้โดยง่าย อยู่ในปาก ยังบ้วนได้  คายได้ หลุดจากปากลงท้องไปแล้ว  จะเอาออกต้องล้วงคอ ล้างท้อง ทีนี้  ต้องอาศัยหมอเชียวนา  ยุ่งยากยิ่ง 

         ฉะนั้น คำสอนอะไรก็ตามที่รับมา  ให้ยั้งคิดเสียก่อน วินิจฉัยเสียก่อน  เปาโลชมคริสตจักรเบโรยาว่า  มีใจสูงกว่าชาวเธสะโลนิกา  “เพราะเขามีใจเลื่อมใสในพระวจนะ  ค้นดูพระคัมภีร์ทุกวัน  หวังจะรู้ข้อความเหล่านั้นว่าจะจริงดังกล่าวหรือไม่” ( กิจการ 17:11)

 

         อันดับต่อไปก็คงจะลงไปถึงกระเพาะ

        ( เอาไว้ต่อฉบับหน้า นะครับ)

 

 

 

 






Visitor 128

 อ่านบทความย้อนหลัง