พระเยซูเสด็จมาทำไม ?
Why did Jesus come to the world?
ดร. บิลลี่ เกรแฮม เทศน์ประกาศครั้งล่าสุด ที่บัลติมอร์ แมรี่แลนด์ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2006 ท่านอายุ 87 ปี มีผู้มาฟังท่านเทศนา ครั้งประวัติศาสตร์ 35,000 คน มีผู้รับเชื่อ 1.800 คน วันนี้ ท่านมีอายุ 94 ปี
ผมรู้สึกเป็นสิทธิพิเศษที่มายังบัลติมอร์ ที่มีคุณ คลิฟ บาโรว์ และ คุณ จอร์จ เบฟเวอรี่ เชียร์ อยู่ที่นี่ด้วย ทั้งสองร่วมรับใช้กับผมมาอย่างสัตย์ซื่อ โดยการช่วยของพระวิญญาณ นานกว่า 60 ปี ผมมาที่นี่จากการเชิญของ แฟรงคลิน เกรแฮม (ลูกชาย)
ผมคิดถึง พระวจนะ “เพราะว่า พระเจ้าทรงรักโลก จนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์” (ยอห์น 3:16) ประโยคแรกแรก คือ “เพราะว่าพระเจ้า....” การที่เราทรงพระชนม์อยู่จริงนั้น เราไม่อาจพิสูจน์พระองค์ในหลอดแก้ว ด้วยวิธีวิทยาศาสตร์ เราไม่อาจพิสูจน์พระองค์ทรงพระชนม์อยู่จริง บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ พระองค์คือพระผู้สร้าง พระองค์สร้างสรรพสิ่งทั้งปวง ทรงสร้างดวงดาวบนท้องฟ้า สร้างกาแลคซี ความจริงกาแลคซีของเรานั้น เป็นเพียงส่วนน้อยในสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง ทรงสร้างกาแลคซีเป็นล้านๆ กาแลคซี ในปฐมกาลบทที่ 1 บอกว่า ในปฐมกาล พระเจ้าทรงเนรมิต สร้างฟ้าและแผ่นดิน เหมือนตู้เลี้ยงปลาขนาดยักษ์ ปลาที่แหวกว่าเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น พระองค์ ทรงสร้างทุกสิ่ง ทรงสร้างท่านด้วย พระองค์ทรงเป็นพระวิญญาณ แตกต่างจากเรา ที่มีร่างกายและจิตใจ พระองค์ทรงเป็นพระวิญญาณ สามารถประทับอยู่หลายที่พร้อมกัน พระองค์ทรงเป็นอยู่เหมือนเดิม ไม่ทรงเปลี่ยนแปลง พระคัมภีร์เปิดเผยว่าพระเจ้าทรงบริสุทธิ์ พระองค์ทรงเกลียดชังความบาป พระองค์ทรงเป็นผู้พิพากษาด้วย พระคัมภีร์บอกเราว่า มีกำหนดไว้แล้วว่า มนุษย์จะต้องตายหนหนึ่ง และภายหลังจะต้องเข้าสู่การพิพากษา ท่านจะต้องไปถึงความตาย พระคัมภีร์บอกเราว่า ถ้าเราขัดขืนพระบัญญัติ เราจะต้องรับโทษ แต่เราได้ทำผิดกฎของพระเจ้า เราต่างทำความผิดบาป ดังนั้นเราจึงต้องเข้าไปยืนหน้าบัลลังก์พิพากษาของพระเจ้า
ไม่นานมานี้ มีเพลงโด่งดังเพลงหนึ่ง ที่มีเนื้อร้องว่า “ผมจะไม่ขออาศัยอยู่ในโลกที่ปราศจากความรัก” ครับ ท่านไม่จำเป็นต้องอยู่ในโลกเช่นนั้น เพราะพระเจ้าทรงรักท่าน ไม่ว่าท่านจะเคยทำบาปมาสักแค่ไหน อดีตของท่านเป็นอย่างไร ท่านไม่อาจหนีไปอยู่นอก ความรักของพระเจ้า
พระเจ้าได้สร้างมนุษย์ให้อาศัยอยู่ในสวนเอเดน ที่สวยงาม อาดัม และอาวา ภรรยาของเขาอยู่ที่นั่น พระองค์ทรงสร้างเขาอย่างสมบูรณ์ เขามีอิสระในการเลือก เขาจะเลือกเชื่อฟัง หรือขัดขืนพระเจ้าก็ได้ แต่วันหนึ่งเขาเลือกขัดขืนพระองค์ ผมไม่เข้าใจว่า มารมาในรูปกายของงูล่อลวงทั้งสองอย่างไร แต่ผมรู้ว่า เมื่อเขาตกลงในความบาปแล้ว สังคมมนุษย์ยุคต่อมา มีโจรกรรม สงคราม ความโลภ การผิดประเวณี ความตึงเครียดระหว่างชาติ
คนทั้งหลายคาดหวังว่า เทคโนโลยีสมัยใหม่จะช่วยแก้ไขปัญหาได้ แต่แก้ไม่ได้ ตรงข้ามเทคโนโลยียิ่งทำให้โลกแย่ลง ส่งผลให้มนุษย์ทำบาปยิ่งมากขึ้น
ปลายทางของความบาปคือ การพิพากษา และบึงไฟนรก เราได้ขัดขืนพระบัญญัติไปแค่ไหน ลองนับสิ เราทำผิดพระบัญญัติสิบประการกี่ข้อ พระคัมภีร์บอกว่า เราเป็นเหมือนแกะหลงทาง เราเดินตามทางของเราเอง พระคัมภีร์กล่าวว่า ค่าจ้างของความบาปคือ ความตาย แต่ของประทานของพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์
เราได้ขาดจากความสัมพันธ์กับพระองค์ เราถูกพิพากษาถึงตาย ท่านพร้อมที่จะพบกับความตายไหม ไม่ว่าท่านจะเป็นคนหนุ่ม หรือชราอย่างผม วันหนึ่งท่านจะต้องจากโลกนี้ไป เราจะต้องเลือกเอาพระคริสต์ เพราะเราไม่ทราบว่าเราจะจากโลกนี้ไปเมื่อใด แต่ท่านจงทราบเถิดว่า พระเจ้าทรงรักท่านมาก วันหนึ่งผมกับลูกเดินทางไปเที่ยวภูเขา ผมเดินไปเหยียบเอารังมด จนมันพังพินาศ ผมคิดว่าผมน่าจะช่วยสร้างรังให้มันใหม่ และช่วยเอามดไปส่งโรงพยาบาล แต่ผมจะช่วยมันเช่นนั้นได้อย่างไร ผมตัวโตมาก มดปลวก ตัวมันเล็กนิดเดียว
พระเจ้าทรงทอดพระเนตรลงมาสู่โลก เหมือนผมมองมดเหล่านั้น พระเจ้าทรงตัดสินพระทัยส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ลงมา บังเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์เสด็จมาเพื่อบอกเราว่า พระองค์ทรงรักเรา พระองค์ทรงสั่งสอนสิ่งประเสริฐแก่เรามากมาย พระองค์ทรงสอนให้เราใช้ชีวิตในโลกอย่างมีสันติสุข และความยินดี พระคัมภีร์กล่าวว่า เมื่อพระองค์ทรงวายพระชนม์ที่ไม้กางเขน พระโลหิตของพระองค์ทรงชำระบาปของเรา พระองค์ทรงยอมรับโทษบาปแทนเรา ลองคิดสิ พระองค์ผู้ไม่บาป ทรงยอมเป็นคนบาปเพื่อเรา 1 เปโตร 2:24 กล่าวว่า “พระองค์ทรงรับแบกบาปของเราไว้ในพระกายของพระองค์ ที่ต้นไม้นั้น เพื่อเราทั้งหลายจะได้ตายจากบาปได้ และดำเนินชีวิตตามคลองธรรม ด้วยบาดแผลของพระองค์ ท่านทั้งหลายจึงได้รับการรักษาให้หาย”
แต่เรื่องยังไม่จบที่ไม้กางเขน เขาฝังพระองค์ไว้ในอุโมงค์ วันที่สามพระองค์ทรงฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นจากความตาย พระเยซูตรัสว่า “เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้น และมีชีวิต ผู้ที่วางใจในเรานั้น ถึงแม้ว่าเขาตายแล้ว ก็ยังจะมีชีวิตอีก ทุกคนที่มีชีวิต และวางใจในเรา เขาจะไม่ตายเลย” ( ยอห์น 11:25-26) พระคัมภีร์กล่าวว่า “ถ้าเรารับด้วยปาก และเชื่อด้วยใจ เราจะรอด”
แต่เรื่องก็ยังไม่จบแค่นั้น พระคริสต์จะเสด็จกลับมาอีก คุณแม่ของผม เคยบอกผมว่า เมื่อเธอตื่นขึ้นมาตอนเช้า เธอคิดว่า เป็นไปได้ไหมที่พระเยซูจะเสด็จมาวันนี้ ผมก็คิดเหมือนกัน เป็นวันนี้ได้ไหม วันหนึ่งเราจะเห็น “องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาจากสวรรค์ด้วยพระดำรัสสั่ง ด้วยสำเนียงเรียกของเทพบดี และด้วยเสียงแตรของพระเจ้า”
เราจะต้องทำอย่างไร
พระเจ้าทรงทำเพื่อเรามากมาย เราจะต้องตอบสนองอย่างไร ประการแรกเราจะต้องกลับใจจากบาป คำเทศนากัณฑ์แรกของพระเยซู คือ “จงกลับใจเสียใหม่ เพราะแผ่นดินของพระเจ้ามาใกล้แล้ว” บาปของ
ท่านจะได้รับการชำระ พระเจ้าทรงเรียกร้องให้มนุษย์ทั้งปวงทั่วทุกแห่งกลับใจเสียใหม่ การกลับใจ แปลว่าการหันหลังกลับไปสู่ทิศทางใหม่ ท่านไม่เพียงแต่ต้องกลับใจเท่านั้น พระเจ้าทรงบัญชาให้ท่านวางใจในพระองค์ด้วย “ปราศจากความเชื่อจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าไม่ได้” ในเอเฟซัส บทที่ 2 บอกว่า “ด้วยว่าซึ่งเราทั้งหลายรอดนั้น ก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ” เชื่อ แปลว่า เรามอบถวายตัวให้พระคริสต์ นี่คือสิงที่พระคัมภีร์บอกเรา เราไม่ได้เชื่ออย่างเลื่อนลอย แต่เราเชื่อในพระคริสต์
เดี่ยวนี้ผมจะขอเชื้อเชิญท่านให้ทำบางสิ่งบางอย่าง ทำสิ่งที่คนทั่วโลกเป็นพันเป็นหมื่นคน ในที่ต่างๆทำ ผมอยากให้ท่านบอกตนเองว่า ผมต้องการ เปลี่ยนแปลงชีวิต เพื่อผมจะมั่นใจว่า หากผมตายจากโลกนี้ไป ผมจะได้ไปสวรรค์ ผมจะขอเชื้อเชิญท่านตัดสินใจ ให้พระคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด และเป็นเจ้านายในชีวิตของท่าน สำหรับบางคน วันนี้อาจเป็นวันที่ท่านถวายตัวของท่านให้พระองค์อีกที
คำเทศนาของ ดร. บิลลี่ เกรแฮม ครั้งใหญ่ ครั้งล่าสุด ที่ Camden Yards ที่เมือง Baltimore Maryland เนื่องจากความชรา และความป่วยของท่าน ก่อนเทศน์ทราบว่า คุณแฟรงกลิน เกรแฮมจะเป็นผู้เทศน์ และท่านจะกล่าวอะไรกับที่ประชุมเพียงเล็กน้อย
|
