�
เมื่อตอนที่ผมไปฮอลแลนด์ครั้งแรก�ในปี 1974�ขณะที่ร่วมค่ายอนุชน Kick off Crusade ของ YWAM�ที่อัมสเตอร์ดัม�คอร์รี เทน บูมได้มาเยี่ยมเราที่ค่ายอนุชน�ทำให้ผมได้พบกับท่าน�ผมไม่เคยรู้เรื่องราวของ�คอรี เทน บูม�มาก่อน�ตอนนั้นท่านมีอายุ�82 ปี�ท่านเป็นสตรีสูงอายุที่สง่างามมากในสายตาผม ต่อมาผมทราบว่า ท่านเป็นหญิงกล้าที่ช่วยซ่อนเด็กยิว ไว้ในบ้านพักจำนวนมาก ถึงประมาณ 800 คน�ทำให้เด็กเหล่านั้นรอดตาย จนสงครามครั้งที่สองสงบลง�แต่ตัวของท่านเอง และครอบครัวกลับถูกจับไปอยู่ในค่ายกักกันของนาซีอันหฤโหด�
���������������� วันนี้ผมจึงขอนำเรื่องราวของท่านมาเล่าให้ฟัง
���������������� คอร์รี�� เทน บูม�เกิดที่เมือง ฮาร์เลม�ในประเทศฮอลแลนด์�เมื่อวันที่ 15 เมษายน 1892�เป็นลูกสาวคนเล็กของ�คาสปาร์�และคอร์เนเลีย เทน บูม คอร์รีมีพี่สาว 2 คน�คือ เบทซี และนอลเล มีพี่ชายคนหนึ่งคือ วิลเลม�คาสปาร์ คุณพ่อของเธอ เป็นช่างทำนาฬิกา�เมื่อคอร์รีโตขึ้นเป็นสาว�เธอเป็นช่างนาฬิกามือหนึ่งของฮอลแลนด์�
��������������� คอร์รี เป็นประธานสโมสร ยุวชนสตรี ของเมืองฮาร์เลม ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 1921 จนกระทั้งถึงปี 1940�และเป็นผู้ก่อตั้งองค์กรยุวชนสตรีคริสเตียน�ที่มีสมาชิกหลายพันคนทั้งในฮอลแลนด์ และอินโดเนเซีย
สงครามเริ่มขึ้น
������������
พวกคุณไม่ต้องหวาดกลัว�นายกรัฐมนตรีของฮอลแลนด์ประกาศทางวิทยุ ประเทศเราจะไม่ถูกโจมตี เนื่องจากสงครามนี้�พวกเขาได้ให้คำมั่นสัญญา
�
��������������� คุณพ่อคาสปาร์�ปิดวิทยุทันที ลูกสาวสองคน คือคอร์รีและเบทซี�หันมามอง
������������ นายกรัฐมนตรีเข้าใจผิด�ช่างทำนาฬิกาชรากล่าว จะเกิดสงครามอย่างแน่นอน�เยอรมันจะโจมตีประเทศของเรา และเราจะแพ้สงคราม�คืนวันนั้น คอร์รี�และเบทซีตืนขึ้นมาได้ยินเสียงระเบิดหลายลูกดังขึ้น�ฮิทเลอร์บุกโจมตีฮอลแลนด์ ประเทศที่สงบและเป็นที่รักของเรา อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย�กองทัพของชาวดัสท์ต่อต้านอยู่ 5 วัน�ผลคือสู้กองทัพของฮิทเลอร์ไม่ได้�
�
������������� ไม่นานนัก�ชีวิตของช่างทำนาฬิกา�และครอบครัวของเขาก็เปลี่ยนไป�ตามถนนในเมืองฮาร์เลม�มีทหารเยอรมันเต็มไปหมด�ไม่มีใครสามารถซื้ออาหารได้ เว้นไว้แต่มีบัตรปันส่วนอาหาร�หนังสือพิมพ์ของชาวดัชท์หายไปจากแผง�เครื่องรับวิทยุถูกยึด�(แต่ครอบครัว เทน บูม ยังคงซ่อนแอบไว้ฟังข่าว 1 เครื่อง)�มีการประกาศเคอร์ฟิว�ห้ามคนออกจากบ้านยามวิกาล ครั้งแรกก็ประกาศห้ามช่วงดึกหน่อย�ต่อมาก็เข้มขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด ก็ห้ามตั้งแต่ 6 โมงเย็น
����������
� แปลว่า คอร์รี ต้องปิดสโมสรยุวสตรีทั้งหมดของเธอลง�ทั้งๆที่เธอทำงานนี้มาร่วม�12-18 ปี�กิจกรรมยิมนาสติก การเดินป่า�จัดค่าย�และดนตรี�ไม่มีอีกต่อไป�แต่เธอยังดีใจลึกๆ�เมื่อนึกถึง การที่เธอได้เคยสอนเรื่องความรักของพระเจ้า�การอธิษฐานเมื่อพบปัญหา�การพึ่งพระเจ้า�ให้แก่เยาวชนเหล่านี้�
�
���������� ดาวของดาวิด
��������� ไม่นานนักเรื่องเลวร้ายกว่านั้นก็เกิดขึ้น�บ่ายวันอาทิตย์วันหนึ่ง�คนหนุ่มจำนวนมากถูกทหารเยอรมันต้อน�พาไปทำงาน�แต่ไม่มีใครได้เห็นหน้าหนุ่มๆเหล่านั้นอีกเลย�ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา�หนุ่มสาวชาวดัชท์ต้องหลบซ่อนในที่เร้นลับ�ทหารเยอรมันทุบตีกระจกร้านค้าของยิว�ขโมยของในร้าน�และครอบครัวชาวยิวทั้งหลายก็หายหน้าไป�สงครามโลกยุติแล้ว�ชาวโลกถึงรู้ว่า ฮิตเลอร์และทหารนาซี ฆ่าชาวยิวไป ประมาณ 6 ล้านคนในยุโรป�
�
�
��
วันหนึ่ง มีคำสั่งออกมาว่า�ชาวยิวทั้งหลายในฮอลแลนด์จะต้องไปรายตัวกับตำรวจ�ไม่ว่าพวกยิวจะไปที่ไหน พวกเขาจะต้องติดสัญลักษณ์รูป ดาวของดาวิด�ที่ทำด้วยผ้าสีเหลือง�คนยิวเคยภาคภูมิใจกับสัญลักษณ์อันนี้�แต่บัดนี้�นี่ตราที่แยกพวกเขาออกจากคนอื่น�
��������� ครอบครัว เทน บูม รู้สึกเศร้าใจในเรื่องนี้�� พวกเขารักชาวยิว�เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า�ยิวคือผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร�พระเยซูก็เป็นยิว�และเรื่องราวในพระคัมภีร์ก็ผ่านมาทางชาวยิวเป็นส่วนมาก�
��������� พี่ชายคนโตของคอร์รี�ชื่อ วิลเลม�เป็นศิษยาภิบาล ทำงานกับชาวยิวมาเป็นเวลานาน�ท่านมีบ้านหลังใหญ่ในฮิลเวอร์ซุม�ให้ชาวยิวหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่จากฮิทเลอร์ในเยอรมัน ตั้งแต่ก่อนสงคราม�บัดนี้วิลเลมต้องหาที่ใหม่เพื่อซ่อนชาวยิว ที่ปลอดภัยกว่าเดิม
�
�������� วันหนึ่งฝนตกหนัก เดือนพฤศจิกายน 1941�คอร์รี เห็นทหารเยอร์มันทุบกระจกร้านค้ายิว ซึ่งอยู่คนละฟากถนน คอร์รีแอบพาตัวมิสเตอร์เวล ยิวเจ้าของร้านหลบออกไปอยู่ที่อื่นได้สำเร็จ�ไม่นานนัก หลังจากนั้น�ชาวยิวหลายคนมาหาเธอ ขอให้เธอช่วยเหลือ�ถึงแม้ว่าครอบครัวของเธอรู้ว่าอันตราย�แต่ทุกคนก็ตกลงปลงใจว่า พวกเขาต้องช่วยเหลือชาวยิว�พวกเขามีบ้านเก่าๆหลายหลัง ที่มีห้องว่าง�แต่มันก็อยู่ห่างจากสถานีตำรวจฮาร์เลมแค่ร้อยหลาเอง�ที่แย่กว่านั้น ยังมีปัญหาว่าจะเอาอาหารมาเลี้ยงดูพวกเขาได้อย่างไร�
�
กองกำลังใต้ดินชาวดัชท์
�������
�������� คอร์รีปรึกษาเรื่องนี้กับวิลเลม�แต่ก็ไม่ได้คำตอบ�วิลเลมเองก็ช่วยหาที่ซ่อนให้ชาวยิว�จนเกินกำลังเขาอยู่แล้ว�น้องจะต้องหาที่ซ่อนให้พวกเขา�ทั้งต้องมีบัตรปันส่วนอาหารจำนวนมากด้วย วิลเลมบอกเธอ��� คอร์รีครุ่นคิดหนัก ในเรื่องนี้ขณะเดินทางกลับมายังฮาร์เลม�� เธอจะหาที่ซ่อนให้คนยิวได้ที่ไหน และเธอจะมีบัตรปันส่วนอาหารมาได้อย่างไร�เธออธิษฐาน�พระเจ้าตอบคำอธิษฐานของเธอ�เธอเริ่มคิดถึง�พ่อแม่ของที่เคยส่งลูกสาวมาอยู่สโมสรเยาวชนสตรี กับเธอ คนต่อคน�แต่ละคนที่เธอติดต่อ เธออธิษฐานจนเป็นที่แน่ใจว่า�คนเหล่านี้ไม่หักหลัง�แต่กล้าพอที่จะช่วยยักยอกบัตรปันส่วนอาหารมาให้�เพราะชาวดัชท์เองก็ไม่อยากเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง�ที่แย่กว่านั้น�มีชาวดัชท์บางคนกลับเป็นสปายให้เยอรมันเพราะเงิน�การมีสโมสรเยาวชนสตรีในอดีตของเธอ�ทำให้คอร์รีรู้จักคนในฮาร์เรมร่วมครึ่งเมือง��
�
����������� วันหนึ่ง คิก ลูกของพี่ชาย�พาเธอไปพบกับ�กองกำลังใต้ดินชาวดัชท์ที่บ้านหลังหนึ่ง�คนกลุ่มนี้ต่อต้านเยอรมันอย่างลับๆ�เพื่อช่วยพันธมิตร�เช่นถ้าเครื่องบินอังกฤษถูกเยอรมันยิงตก�พวกเขาก็จะพยายามช่วยนักบินออกมา�ถ้าพวกเขาทราบว่ารถไฟขบวนไหนส่งเสบียงไปให้กองทัพเยอรมัน พวกเขาก็จะระเบิดรถไฟนั้นเสีย ถ้าชาวดัชท์ถูกจับ เขาก็จะพยายามดักนำตัวกลับมา พวกเขาชำนาญในการทำบัตรปลอม คนกลุ่มนี้สัญญาว่าจะช่วยคอร์รีในสิ่งที่เธอต้องการ
�
����������� สิ่งที่เธอต้องทำนะ มิสเตอร์สมิท ชื่อสมมุติของหนึ่งในกองกำลังใต้ดินแนะนำเธอ�คุณจะต้องสร้างห้องลับๆในบ้านของเธอ�ที่แม้เกสตาโปเข้าไปค้นหา เขาก็หาไม่พบ�ไม่นานเธอก็ได้รับการช่วยเหลืออย่างแนบเนียน เปลี่ยนบ้านของเธอเป็นที่ซ่อนชาวยิว�มีผนัง ตู้หนังสือเก่าๆ�พรางตา�ทั้งมีระบบการส่งสัญญาณหากมีคนแปลกปลอมเข้ามา�เพื่อให้ยิวที่หลบซ่อนเข้าไปอยู่ในที่ปลอดภัยภายในเวลาไม่เกิน 2 นาที�ทุกวันนี้�ร้านขายนาฬิกาของคอร์รี เทน บูม ที่ฮาร์เรม เป็นสถานที่ ที่นักท่องเที่ยวไปชมกันไม่ขาดสาย�ตอนผมไปฮอลแลนด์ครั้งหลัง�ผู้รับใช้ก็ไปเยี่ยมชมกันมาก
�
�
����������� ในที่สุด คอร์รี่ติดต่อประสานกับ คนที่พร้อมช่วยชาวยิวมากถึง 80 คน บางคนยังเป็นแค่เด็กวัยรุ่น คอยส่งข่าวสาร�แม้ครอบครัวของเธอรู้ว่า อันตรายอย่างยิ่ง�แต่ทุกคนก็เห็นว่าพวกเขาจะละทิ้งชาวยิวเหล่านี้ไม่ได้�วันหนึ่งในเดือนกุมภาพันธ์�1944�เธอกำลังไม่สบาย�ชาวดัชท์คนหนึ่งที่ติดต่อกับเยอรมัน�เข้าในร้าน�เผอิญสัญญาณเกิดดังขึ้น�คนยิวทั้งหลายที่อยู่ชั้นบนเข้าไปหลบซ่อนตัว�ชาวดัชท์ที่นิยมนาซี 2 คน จึงเข้าไปค้นในร้านของเธอ�พยายามคาดคั้นให้เธอตอบว่า ซ่อนพวกยิวไว้ที่ไหน�เธอปฏิเสธ�ไม่ยอมตอบ�แต่อธิษฐาน พระเยซู ช่วยด้วย�วันนั้นพวกเขาพาตัวเธอ เบทซี พี่สาว และคุณพ่อ ไปโรงพัก�พวกเขาค้นหายิวไม่พบ ทั้งๆที่ทุบ ประตู�กระจก ตู้ แตกกระจาย ได้แต่บอกว่าจะให้ทหารมาเฝ้าอยู่�ถ้ามีคนอยู่ข้างในก็ให้มันอดอาหารตาย
�
������������ คอร์รีถูกพาตัวไปยัง เมืองเฮก ห่างจากฮาร์เรมไปทางใต้ 40 กม. ทุกคนถูกขังแยกกัน�คุณพ่อของคอร์รีเสียชีวิต ใน 10 วันต่อมา�เธอถูกขังในห้องเล็กๆแคบๆ ไม่มีเตียง มีแต่ฟางที่พื้น และผ้าห่มสกปรกผืนเดียว ซึ่งโหดร้ายมากในหน้าหนาว�ตอนเข้ามีข้าวโอด 1 ถ้วย�และขนม�
ปังดำ 1 ก้อนตอนเย็น�ไม่มีใครพูดกับใคร�แม้แต่ละคนอยากรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับญาติพี่น้องของตน�คอร์รี�แอบนำพระคัมภีร์พระกิตติคุณ�4�เล่มติดตัวไป�ทำให้เธออ่านแล้วอ่านอีก เธอซาบซึ้งในการทนทุกข์ของพระเยซู�และการให้อภัยของพระองค์�อันเป็นกำลังให้เธอในยามยากลำบากอย่างยิ่ง
�
���������� ผมเล่าให้สั้นลง
���������� เดือนมิถุนายน ปี 1944�คนอื่นๆได้รับการปล่อยตัว�เว้นแต่�เบทซี�และคอร์รีถูกพาตัว ขึ้นรถไฟย้ายไปยังค่ายที่ วัท�ตอนใต้ของประเทศฮอลแลนด์�ที่นี่เธอต้องพักในค่ายทหาร ทำงานในโรงงาน ทำวิทยุให้เครื่องบินเยอรมัน�การเฆี่ยนตีคนทำงานรุนแรงมาก ทุกคนรู้�ในเดือนกันยายน เราได้ยินข่าวว่ากองทัพของพันธมิตรกำลังบุกเข้ามา�ไม่ห่างจากฮอลแลนด์�� เยอรมันระเบิดสะพาน�และฆ่านักโทษทิ้ง 700 คน�ส่วนผู้หญิงและคนที่เหลือถูกขนขึ้นรถบรรทุกไปยังค่ายกักกัน ราเวนสะบักในเยอรมัน�ทั้งคอร์รี�และเบทซีถูกพาตัวมาที่ค่ายนี้�ค่ายนี้เลวร้ายที่สุด บางทีเธอต้องนอนกลางหาว ในห้องก็มีแค่ฟาง และตัวหมัดเต็มไปหมด มันคือนรกบนดินที่แท้จริง�คอร์รีมีพระคัมภีร์ที่หลบซ่อนพ้นสายตาผู้ตรวจอย่างอัศจรรย์�ช่วยให้เธอจัดประชุมกลุ่มในค่ายพัก�ที่ทหารเยอรมันไม่อยากเข้ามาเพราะเกลียดกลัวตัวหมัด�เบทซี�พี่สาวของเธอจากไปในเดือนธันวาคม 1944 ก่อนวันคริสตมาสเพียงไม่กี่วัน�แต่คอร์รีได้รับการปล่อยตัวอย่างอัศจรรย์ในวันที่ 31 ธันวาคม 1944 ทั้งๆที่�1 สัปดาห์หลังจากที่เธอได้รับการปล่อยตัว�พวกผู้หญิงรุ่นเธอถูกฆ่าตายทั้งหมด
�
���������� กองทัพพันธมิตรเข้ามายึดฮอลแลนด์คืนได้ในวันที่ 5�พฤษภาคม 1945�เยอรมันยอมแพ้ในวันที่ 8 พฤษภาคม 1945�� สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงคอร์รี เทน บูม�ใช้เวลาเขียนหนังสือหลายเล่ม ไปเยี่ยมประเทศต่างๆ หลังสงครามมากกว่า 30 ประเทศ เธอรู้ว่าพระเจ้าใช้เธอช่วยคนอื่นอย่างไร�และเธอก็กล้าหาญที่จะทำโดยไม่หวาดกลัวสิ่งใด�เธอเพิ่งจากไปอยู่กับพระเจ้าเมื่อวันที่ 15 เมษายน 1983 อายุของเธอคือ 91 ปี
�
������ ขอพระเจ้าอวยพรพรครับ
�
�
�
�