เจ็บครรภ์ ก่อนคลอด
ความยินดีของมารดาผู้มีบุตร

สูจิบัตร วันอาทิตย์ที่ 8 พย. 2009
ศจ.สมเกียรติ กิตติพงศ์
อิสยาห์ 66:8 “เพราะพอศิโยนปวดครรภ์ เธอก็คลอดบุตรทั้งหลายของเธอ” นี่คือหลักพื้นฐานของพระคัมภีร์ เป็นไปได้หรือที่เด็กคนหนึ่งจะคลอดออกมา โดยไม่มีการเจ็บปวดกันเลย
งานฝ่ายวิญญาณก็เหมือนกัน

1. เจ็บปวดด้วยการอธิษฐาน
ยาโคบ ปล้ำสู้กับบุรุษจากสวรรค์ทั้งคืนที่แม่น้ำยับบอก ก่อนที่ท่านจะประสบชัยชนะเรื่องการคืนดีกับ เอซาว พี่ชายในวันรุ่งขึ้น ก่อนการนำดวงวิญญาณมาหาพระเจ้า เราต้องอธิษฐาน พึ่งพระองค์ให้ฤทธิ์อำนาจแห่งความรักของพระองค์ ทำงานในจิตใจของคนที่เรานำเขามาหาพระเจ้า ชาร์ล จี ฟินนี กล่าวว่า “ ข้าพเจ้า แบกภาระหนัก ด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ในขณะที่ข้าพเจ้ากลับไปยังห้องพัก ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนจะทรุดลงไปเพราะภาระที่แบกอยู่ ข้าพเจ้าร้องครวญครางเจ็บปวด แต่ไม่รู้จะทูลบอกพระเจ้าอย่างไร ข้าพเจ้าร้องไห้โอดครวญด้วยน้ำตา พระวิญญาณทรงทูลขอแทนข้าพเจ้าภายใน ในขณะที่ข้าพเจ้าพูดไม่ออก”
การอธิษฐานเผื่อผู้ที่เราจะนำมาหาพระเจ้า ด้วยภาระใจเป็น สิ่งที่ขาดไม่ได้ จอห์น เนลสัน กล่าวว่า “ถ้าท่านใช้อธิษฐานวันละหลายชั่วโมง ทุกวัน ท่านจะเห็นสิ่งยิ่งใหญ่เกิดขึ้น” สัปดาห์ที่แล้ว ผมนำจดหมายที่ ดร. บิลลี่ เกรแฮม เขียนในวาระทีท่านเชื่อพระเจ้าครบ 75 ปีมาแปลให้พี่น้องฟัง ท่านเชื่อพระเจ้าเมื่อท่านอายุ 16 ปี เราเห็นชัดเจนว่า มี 2 คนอธิษฐานเผื่อการรับความรอกดของท่าน คนหนึ่งคือคุณแม่ และอีกคนคือเพื่อนของท่าน การอธิษฐานเป็นการปล้ำสู้ กับเนื้อหนัง และวิญญาณชั่ว โยเอลเชิญชวน ผู้นำในสมัยของท่านว่า “จงคาดเอวด้วยผ้ากระสอบและโอดครวญ” ( โยเอล 1:13) ก่อนถึงวันของพระเจ้า เมื่อดาเนียลกราบทูลพระเจ้าเรื่องการสร้างเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ “ท่านก็หันหน้าไปหาพระเจ้า แสวงหาด้วยการอธิษฐาน และการวิงวอน ทั้งด้วยการอดอาหาร และนุ่งห่มผ้ากระสอบและนั่งบนมูลเถ้า” (ดาเนียล 9:3) นี่คือความหมายของการเจ็บปวดครรภ์อันดับแรก

2.เจ็บปวดด้วยการประกาศพระกิตติคุณ
ความเจ็บปวดอันดับต่อมาคือการ ประกาศนำวิญญาณ อิสยาห์กล่าวถึง เท้าของผู้ประกาศที่นำข่าวดีออกไปสู่ผู้คน ว่างดงามนักหนา นี่ไม่ใช่คำพูดกระแทกแดกดัน แต่เป็นการยกย่อง ว่าผู้ประกาศต้องเดินไปเผชิญความยากลำบาก แต่ด้วยความเชื่อผู้ประกาศก็เอาชนะอุปสรรค ดร.บิลลี่ เกรแฮม ได้กล่าวกับผู้ประกาศ 4,000 คนที่มาร่วมประชุมที่อัมสเตอร์ดัม เมื่อ ปี 1983 ว่า “ในโมงนี้ ท่านผู้ประกาศทั้งหลาย ท่านต้องจ่ายค่าในการรับใช้ บางคนต้องทนทุกข์เพื่อพระคริสต์ฝ่ายกาย ท่ามกลางพวกท่านมีบางคนถูกเฆี่ยน ถูกเอาหินขว้าง ถูกขังคุก ถูกตบ เตะ และบางก็ถูกยิง บางคนเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า กลั้นน้ำตาไม่อยู่ เป็นการทนทุกข์ในอารมณ์เพื่อพระเยซู บางคนถูกการปฏิเสธ สาปแช่ง หัวเราะเยาะ เย้ยหยัน ถูกทอดทิ้ง กดขี่ บางคนต้องทำงานหนักเกินกำลัง มีค่าตอบแทนแต่น้อย เข้าใจผิด ถูกดูถูกเหยียดหยามจากครอบครัว เพื่อนบ้าน ผู้นำในเมือง ในหมู่บ้าน ในจังหวัดหรือประเทศทีท่านกำลังรับใช้อยู่ ในขณะที่บางคนต้องทนทุกข์ด้วยบาดแผลในจิตใจ”

ผู้รับใช้ต้องทนทุกข์ในการนำพระกิตติคุณไปสู่ผู้คน อาจารย์เปาโล เป็นแบบอย่างในเรื่องนี้ ท่านเขียนจดหมายถึงคริสเตียนชาวเธสะโลนิกาที่ท่านนำมาหาพระเจ้าว่า “ถึงแม้ว่าเราต้องทนการยากลำบาก และได้รับการอัปยศต่างๆ มาแล้วที่เมืองฟิลิปปี ซึ่งท่านก็ทราบอยู่แล้ว เราก็ยังมีใจกล้าในพระเจ้าของเราที่ได้ประกาศข่าวประเสริฐ ของพระเจ้าแก่ท่านทั้งหลาย ทั้งๆที่ต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย” ( 1 เธสะโลนิกา 2:2) และท่านก็กล่าวต่อไปว่า “ท่านคงจำได้ ถึงการทำงานอันเหน็เหนื่อย และความยากลำบากของเราเมื่อเราประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้าให้ท่านฟัง เราทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อเราจะไม่เป็นภาระแก่ผู้ใดในพวกท่าน” (9)

ในการประกาศในประเทศของเราวันนี้ เราอาจไม่ต้องพบอันตรายถึงขั้นเลือดตกยางออก แต่เราต้องเจ็บปวดในอีกหลายๆเรื่อง ที่ดร.บิลลี่ เกรแฮม กล่าวถึง อาจารย์เปาโล กล่าวว่า นอกเหนือจากความทุกข์ยากฝ่ายกาย ท่านกล่าวว่า ความกระวนกระวายใจถึงคริสตจักรทั้งปวงบีบตัวของท่านอยู่ทุกวัน มีใครบ้างที่อ่อนกำลัง และข้าพเจ้าไม่อ่อนกำลังด้วย มีใครบ้างที่ถูกนำให้สดุด และข้าพเจ้ามิได้เป็นทุกข์เป็นร้อนด้วย”( 2 โครินธ์ 11:28-29)

3. ความชื่นชมยินดี เมื่อลูกคลอดออกมา
เมื่อลูกคลอดออกมานำความยินดีมาให้ ดูเหมือนความเจ็บจะมลายหายไปหมดสิ้น แม่ที่ร้องครวญคราง 2 นาทีก่อน กลับยิ้มละมัย ขณะเหงื่อยังท่วมหน้า เมื่อเห็นลูกน้อยที่คลอดออกมา ฝ่ายวิญญาณก็เช่นเดียวกันมิใช่หรือ เปาโลกล่าวถึงผู้เชื่อที่ท่านนำมาถึงพระคริสต์ว่า “เพราะอะไรเล่าจะเป็นความหวัง หรือ ความชื่นชมยินดี หรือสิ่งภูมิใจ จำเพาะพระพักตร์พระเยซูคริสต์เจ้า เมื่อพระองค์เสด็จมา ก็มิใช่ท่านทั้งหลายดอกหรือ เพราะว่าท่านทั้งหลายเป็นศักดิ์ศรีและความชื่นชมยินดีของเรา” (1 เธสะโลนิกา 2:19-20)
ผมเคยแต่งเพลงจากสดุดี 126 พอพระเจ้านำให้เรากลับมายังศิโยน เราหัวเราะ เราคิดว่า มันฝันไปหรือเปล่าที่มีวันนี้ พอพระเจ้าให้น้ำท่วมทะเลทรายที่แห้งแล้ง เราก็ตกตะลึงว่ามันเป็นไปได้อย่างไร คนที่ออกไป หว่านพืชด้วยน้ำตา ก็จะกลับบ้านโห่ร้องด้วยความชื่นบาน พระเจ้านี่น่ารักมาก ไม่ยอมให้เราจำความเจ็บ เราลืมมันไปสิ้นแล้ว มีแต่ความยินดีเท่านั้น

4.ให้เรายินดีพบความทุกข์ เพราะหวังใจในลูกที่จะคลอดออกมา
นี่คือพระเยซูคริสต์ เวลาพระองค์แบกกางเขน พระองค์ทรงแลเห็นพวกเราที่จะเข้ามาเชื่อพระองค์ ในยุโรป อัฟริกา อเมริกา อาเซีย ในประเทศไทย พระองค์ทรงแลเห็นเราตั้งแต่เรายังไม่มาเชื่อ และพระองค์ก็สู้ทนแบกกางเขนด้วยความยินดี ( ฮีบรู 12:1-2) เราก็เช่นเดียวกัน วันนี้ต้องพร้อมเจ็บครรภ์ฝ่ายวิญญาณ เพราะเห็นหน้าผู้เชื่อในหมู่บ้าน ในโรงเรียน ในที่ทำงาน ที่จะเข้ามาเชื่อถือในพระองค์ พันธกิจจะไม่หนักสำหรับเรา เพราะความยินดี ด้วยกำลังพิเศษที่พระเจ้าประทานให้นั้นยิ่งใหญ่กว่าอีก

ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ


Visitor 236

 อ่านบทความย้อนหลัง