หน้าหลัก
แนะนำเวปไซท์
ความรู้พระคัมภีร์
แนะนำคริสตจักร
ติดต่อเรา
พลังประจำสัปดาห์
ของฝากจากสูจิบัตร
ลับสมอง ประลองปัญญา
บ้านดีมีสุข
ข่าวประเสริฐ
เรื่องน่าประทับใจ
เพลงชีวิตคริสเตียน
มุมเยาวชน
บทกลอนสอนใจ
ข่าวสารน่ารู้
คำเทศนา
วันพิเศษเหตุการณ์สำคัญ
ศูนย์ฝึกอบรมผู้รับใช้
พันธกิจของเรา
แนะนำการเป็นพยานส่วนตัว
คำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม 2007
ศ.จ.สมเกียรติ กิตติพงศ์
ยอห์น 9:1-39
วันนี้ผมขอพูดเรื่อง วิธีการเป็นพยานส่วนตัว หรือการเล่าคำพยานที่พระเจ้าทรงกระทำบางสิ่งบางอย่างกับเรา
วันหนึ่งพระเยซูทรงเสด็จมาเห็นชายคนหนึ่งตาบอดมาแต่กำเนิด นั่งขอทานอยู่ พวกสาวกทูลถามพระองค์ว่า
ชายคนนี้ตาบอดเพราะอะไร ใครทำบาป พ่อแม่หรือตัวเขาทำบาป พระองค์ตรัสตอบว่า ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง
แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นเพื่อ พระเราชกิจของพระเจ้าจะได้ปรากฏในตัวของเขา เรามักมองเห็นปัญหา และโทษโน่นโทษนี่ แต่พระเยซูสอนให้เรามองดูปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ว่าเป็นโอกาสที่พระเจ้าจะทรงกระทำการยิ่งใหญ่จากปัญหานั้น
พระองค์ทรงบ้วนพระเขฬะลงที่ดิน ปั้นเป็นโคลนมาป้ายตาคนตาบอด แล้วตรัสสั่งเขาว่า จงไปล้างโคลนออกเสียที่สระสิโลอัม ชายคนนั้นก็ไปล้างตามพระดำรัส แล้วตาของเขาก็เห็นได้
หลังจากนั้นชายตาบอดคนนี้ก็พบกับคนหลายคน เขาตั้งต้นเป็นพยานอย่างเป็นธรรมชาติ คำพยานของเขาในบทที่ 9 น่าสนใจมาก เป็นแบบให้เราใช้ในการเป็นพยานส่วนตัวอย่างดี ดังต่อไปนี้
1 เมื่อเราเป็นพยาน ชีวิตของเราต้องเปลี่ยนจริง
(7) ถ้าชีวิตของเรามิได้พบหรือสัมผัสการทรงช่วยเหลือของพระคริสต์แต่อย่างใด เราจะเป็นพยานเพื่อพระองค์ได้อย่างไร เราควรแสวงหาการสัมผัสของพระองค์ ซึ่งมิได้ยากอะไร เพราะพระองค์พร้อมช่วยเหลือในความต้องการของเราอยู่แล้ว
2 การเปลี่ยนแปลงนั้นๆต้องชัดเจน จนคนถามเรา
(8) 1 เปโตร 3:15 กล่าวว่า จงเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ เพื่อท่านจะสามารถตอบทุกคนที่ถามท่านว่า ท่านมีความหวังใจเช่นนี้ด้วยเหตุผลประการใด
3 เล่าคำพยานตรงไปตรงมา
(11) ไม่ต้องไปต่อเติมเสริมแต่งให้ไพเราะ หรือดุเดือดยิ่งขึ้น พระวิญญาณทรงเจิมคำพยานที่เป็นความจริง คำพยานของชายตาบอดคนนี้ ชัดเจนเข้าใจง่าย
4 ไม่ต้องแสร้งทำเป็นผู้รู้
ถ้าไม่ทราบคำตอบ ก็ตอบตรงไปตรงมาว่า ไม่ทราบ ไม่ต้องแสร้งทำเป็นผู้รู้ ไม่มีใครตำหนิการที่เรายังไม่รู้ในวันนี้ แต่เราควรค้นคว้าหาคำตอบ หาความรู้สำหรับอนาคต
5 ไม่ต้องกลัวซ้ำ
(15) เมื่อเป็นเรื่องจริง เล่ากี่ครั้งก็ต้องเหมือนเดิม เป็นธรรมดา คนอื่นๆอีกหลายคนไม่เคยได้ยินคำพยานของเรา
6.ตอบเรื่องพระเยซูตามความเห็นของเรา
(17) เขาถามคนตาบอดคนนี้ ว่า พระเยซูเป็นใคร เขาตอบตามความเข้าใจของเขาว่า พระองค์คือ ผู้เผยพระวจนะ วันนี้เราเข้าใจพระเยซูว่าพระองค์คือผู้ใด?
7.หากมีใครมาค้นหาข้อมูลเรื่องของเรา จากคนอื่น เช่นพ่อแม่ พี่น้อง ฯลฯ ข้อมูลที่เขาให้ควรตรงกับคำพยานของเรา
(20-23) เมื่อพวกฟาริสีมาถามข้อมูลเรื่องคนตาบอดจากพ่อแม่ของเขา เขาก็ได้คำตอบอย่างเดียวกัน
8. กล้าหาญเล่าประสบการณ์ ประสบการณ์จริงของเราย่อมมีชัยเหนือปรัชญาผิดๆที่คนเข้าใจ
(24-25) วันนี้เขาอาจโต้แย้ง แต่เมื่อเขาได้ไตร่ตรอง พิจารณา เขาต้องยอมต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจริง
9. แนะนำเหตุผลสนับสนุนประสบการณ์
(30-32) ชายคนนี้เสนอแนะอย่างชาญฉลาดว่า ถ้าผู้รักษาตาของเขามิได้มาจากพระเจ้า พระเจ้าก็คงมิได้การสนับสนุนการอัศจรรย์นี้ ท่านลองพิจารณาเหตุผลมาหนุนประสบการณ์ของท่าน
10.ศึกษาเพื่อรู้จักพระเยซูดีขึ้น
(35-39) ชายคนตาบอดคนนี้ถูกขับไล่ออกไปจากธรรมศาลา วันนั้นเขาไปเห็นพระเยซู และรู้จักพระองค์จึงก้มลงกราบพระองค์ เราต้องรู้จักพระองค์ดีขึ้น แล้วท่านจะมีคำพยานดีขึ้นอีกครับ
Click here listening to the sermon.
Follow @bfcbkk
Tweet to @bfcbkk
Visitor 478
อ่านบทความย้อนหลัง