เรื่องของคนต้นเรือน

คำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 1 พย. 2009
ศจ.สมเกียรติ กิตติพงศ์
มัทธิว 25:14-30
เรื่องคนต้นเรือน
แต่ก่อนอื่นผมได้นำจดหมายของดร. บิลลี่ เกรแฮม มาลงในสูจิบัตร วันนี้ (1 พย 2009)
เป็นวันที่ท่านมีอายุฝ่ายวิญญาณครบ 75 ปีพอดี ท่านเชื่อพระเจ้า เมื่อท่านมีอายุ 16 ปี ท่านรับใช้พระเจ้าตั้งแต่บัดนั้นจนถึงปัจจุบัน อีกไม่กี่วันท่านจะมีอายุครบ 91 ปี ท่านมีของประทานเป็นผู้ประกาศ ท่านเป็นแบบอย่างของคนที่รับผิดชอบภาระที่พระเจ้าประทานให้ ผมเคยไปประชุมที่ท่านจัด 3 ครั้งแรกที่โลซาน ในปี 1974 และอีก 2 ครั้งที่อัมสเตอร์ดัม ประเทศฮอลแลนด์ ในปี 1996 และปี 2000 ท่านเป็นเจ้าของวาทะที่ว่า “ไม่ใช่ท่าน แล้วใคร? ไม่ใช่เดี๋ยวนี้ แล้วเมื่อไหร่?” เมื่อพระเจ้ามอบหมายให้เรารับใช้ อย่ารีรอ
วันนี้ผมขอพูดเรื่องคนต้นเรือน
(1) คนต้นเรือน คือคนที่รับทรัพย์มาจากนาย เพื่อใช้ทรัพย์นั้นให้เกิดประโยชน์มีกำไร
ทรัพย์ที่เราได้รับมอบมานั้น เรารับมาตั้งแต่เกิด เช่น เวลา กำลัง สติปัญญา ตะลัน เรามีพรสวรรค์ตั้งแต่เราคลอดมาจากครรภ์มารดา บางคนร้องเพลงเพราะ บางคนพูดเก่ง วาดรูปเก่ง ทำอาหารอร่อย เล่นดนตรีได้ดี ความสามารถเหล่านี้ พระเจ้าฝากไว้กับเราให้เราใช้ให้เกิดประโยชน์ในแผ่นดินของพระเจ้า เมื่อเรามาเป็นคริสเตียน บังเกิดใหม่ พระเจ้าประทานความสามารถฝ่ายวิญญาณให้เราอีก บางคนเป็นครู ผู้เลี้ยง ผู้เตือนสติ ผู้ประกาศ ผู้เผยพระวจนะ ผู้บริจาค ผู้ปรนนิบัติ ผู้วางมือรักษาโรค นี่คือความสามารถพิเศษ ที่พระเจ้าประทานให้ เป็นทรัพย์ที่พระเจ้าฝากไว้ ทรัพย์เหล่านี้ เราไม่มีสิทธิใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน แต่ต้องการให้เป็นประโยชน์ส่วนรวม

(2) ฝากไว้ไม่เท่ากัน ตามความสามารถ (15)
เราไม่ควรอิจฉา หรือน้อยใจ เพราะนายเห็นความสามารถของเราแค่ไหน คนที่ได้ 5 ตะลัน ต้องทำกำไรมาให้ได้อีก 5 ตะลัน ส่วนคนที่ 2 ตะลันก็ต้องรับผิดชอบทำกำไรให้ได้ 2 ตะลัน ตามกำลัง ดร. บิลลี่ เกรแฮม ที่ผมยกตัวอย่างข้างต้น ท่านทำงานที่พระเจ้าให้ เราก็ต้องรับผิดชอบความสามารถของเรา

(3) ใช้ทรัพย์ทันที (16) โปรดสังเกตว่า คนต้นเรือนเหล่านี้ มิได้รีรอ เมื่อรับทรัพย์มาจาก
นาย ไม่ต้องรอว่าต้องเข้า โรงเรียนพระคัมภีร์ก่อน หรือรออีก 2 จึงค่อยรับใช้ พวกเขาเอาทรัพย์นั้นค้าขายทันที เราไม่ควรรีรอในการรับใช้

(4) ทรงคาดหวังให้มีกำไรเท่าตัว (16-17)
คนที่มี 5 ตะลัน ค้าขายแล้วก็ได้กำไรเพิ่มมาอีก 5 ตะลัน พวกเขาขยัน และทำให้เกิดประโยชน์ ผมเคยเป็นเซลล์ขายยา งานของผมคือออกไปพบแพทย์ เพื่อขายยาให้บริษัทมีกำไร ทำให้ถึงTarget

(5)นายให้เวลาเรา โดยมิได้ประเมินผลงานทันที (19)
อยู่มาช้านาน นายจึงมาคิดบัญชีจากบ่าวแต่ละคน นี่เป็นสิ่งที่หลายคนชะล่าใจ นายยังไม่มาก็คิดว่าสบายแล้ว แท้จริงเราต้องขยันขันแข็งในยามปกติ ไม่ต้องรอให้มีเสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงปร้าง เพราะวันหนึ่งนายจะมาคิดบัญชีจากทรัพย์ที่ให้ไว้

(6)นายชมเชยคนที่รับผิดชอบ (21)
คนที่ทำกำไร นายชมเชย เขา 2 ประการ (1) ดี (2) สัตย์ซื่อ
(7)นายตำหนิคนที่ไม่สัตย์ซื่อ (26) 2 ประการ (1) ชั่ว(2) เกียจคร้าน
เป็นคริสเตียน แต่ไม่ทำกำไร จากตะลัน หรือของประทานที่พระเจ้ามอบให้เราได้หรือ
ความจริงมันค้านอยู่ในตัวมันเอง เพราะคริสเตียนคือ คนที่มีเป้าหมายอยู่เพื่อพระเจ้าและคนอื่น ไม่เห็นแก่ตัว นายให้ทรัพย์จากบ่าวที่ไม่ทำกำไร เอาเงิน 1 ตะลันนั้นไปฝังดิน ไปให้แก่คนที่มี 10 ตะลัน คนที่มีความรับผิดชอบ นายจะเพิ่มความรับผิดชอบให้ ส่วนคนที่ไม่ทำอะไร นายเอาทรัพย์นั้นไปจากเขา

หนักกว่านั้น นายให้เอาเขาไปทิ้งเสียที่มืดภายนอก ที่นั่นมีการร้องไห้ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ท่านจะแปลสถานที่นี่ว่าอย่างไร เป็นไปได้หรือคนที่เชื่อในพระเจ้า แต่ไม่รับใช้ไม่ได้รับความรอด บางคนบอกว่าความรอด ไม่เกี่ยวกับการรับใช้ แต่ธรรมชาติของคนที่รอด คือคนที่รักพระเจ้าเป็นที่หนึ่ง รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง คนที่มีเป้าหมายเช่นนี้ย่อมรับใช้ และใช้เงินตะลันให้เกิดกำไร พฤติกรรมส่อจิตใจ คนที่เอาเงินตะลันเดียวไปฝังดิน ไม่ช่วยใคร นายคงเล็งเห็นว่า ใจไม่ได้รักพระเจ้าหรือคนอื่น แต่รักตนเองเท่านั้น อดีตเราเคยเป็นอย่างนั้น แต่วันนี้ เรารักพระเจ้า ย่อมทำให้ทรัพย์ของนายมีกำไร

ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ
Click ที่นี่เพื่อฟังคำเทศนา
Visitor 608

 อ่านบทความย้อนหลัง