หน้าหลัก
แนะนำเวปไซท์
ความรู้พระคัมภีร์
แนะนำคริสตจักร
ติดต่อเรา
พลังประจำสัปดาห์
ของฝากจากสูจิบัตร
ลับสมอง ประลองปัญญา
บ้านดีมีสุข
ข่าวประเสริฐ
เรื่องน่าประทับใจ
เพลงชีวิตคริสเตียน
มุมเยาวชน
บทกลอนสอนใจ
ข่าวสารน่ารู้
คำเทศนา
วันพิเศษเหตุการณ์สำคัญ
ศูนย์ฝึกอบรมผู้รับใช้
พันธกิจของเรา
การรับใช้ตามน้ำพระทัย
ศจ. สมเกียรติ กิตติพงศ์
วันอาทิตย์ ที่ 25 ตุลาคม 2009
โรม 12:1-8
วันนี้ขอพูดเรื่องการรับใช้พระเจ้าตามน้ำพระทัย
หนังสือโรม มี 16 บท ถูกแบ่งออกเป็น 2 ตอน ตอนแรก (บทที่ 1-11) เป็นภาคทฤษฎี พูดถึงพระคุณของพระเจ้าที่ประทานให้แก่เราทางพระเยซูคริสต์ เราทุกคนเป็นคนบาป คนยิวและคนต่างชาติ ไม่แตกต่างกัน และพระองค์ทรงไถ่เราออกมาจากความบาป โดยการวายพระชนม์ของพระเยซูที่ไม้กางเขน ตอนที่ 2 (บทที่ 12-16) เป็นภาคปฏิบัติ สอนเราว่าเราจะตอบสนองพระคุณของพระเจ้าอย่างไร
เริ่มต้นบทที่ 12 พระคัมภีร์กล่าวอย่างนี้
พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้ โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์ และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า (1)
อยากทราบน้ำพระทัย
อันดับแรกพระเจ้าทรงปรารถนาให้เรา ผู้ซาบซึ้งในพระคุณของพระเจ้า ถวายตัวเราให้พระองค์ ถวายตัวเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิต แปลว่าตนเองตาย ไม่ทำตามอำเภอใจของตนเองอีกต่อไป แต่พร้อมใช้ชีวิตตามน้ำพระทัยพระเจ้า นี่ไม่ใช่คำขอร้องเฉพาะนักเทศน์ หรือศิษยาภิบาล แต่สำหรับทุกๆคนที่รับพระคุณ
ไม่ดำเนินชีวิตตามอย่างโลก อย่างในอดีตอีก (2)
นี่คือเงื่อนไขพื้นฐานเพื่อการทราบน้ำพระทัย อจ.เปาโลบอกว่าเพื่อเราจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้าว่า อะไรดี อะไรชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม
น้ำพระทัยของพระเจ้าสำหรับคริสเตียน
มีเรื่องสำคัญ 2 เรื่อง
(1) จะดำเนินชีวิตคริสเตียนที่ดีอย่างไร (ไม่ประพฤติตามอย่างชาวโลกนี้ )
(2) จะรับใช้พระเจ้าอย่างไร ( รับใช้ด้วยของประทาน )
จะขอพูดเรื่องการรับใช้ตามน้ำพระทัย
คำตอบสำหรับการรับใช้พระเจ้า คือ การทราบว่าเรามีของประทานอะไร ของประทานฝ่ายพระวิญญาณ เป็นความสามารถพิเศษที่พระเจ้าประทานให้แก่สมาชิกแต่ละคนในพระกายพระคริสต์ ตามน้ำพระทัย ใช้ให้เกิดประโยชน์แก่สมาชิกในพระกายพระคริสต์
อยากรู้น้ำพระทัย เราต้องรู้ว่าเราเป็นอวัยวะส่วนไหนในพระกายพระคริสต์
เราเป็นมือ แขน ขา
ปาก หู หรือตา ของพระกาย หากเรารู้ได้ว่าเราเป็นเป็นอะไร เราก็จะรู้จักน้ำพระทัยของพระเจ้าในการรับใช้ มือย่อมรู้ว่า ตนมีหน้าที่ที่ในการจับ ถือ เขียนหนังสือ ปากมีหน้าที่ในการพูด ตามีหน้าที่ในการมอง สังเกต
ความสามารถพิเศษเหล่านี้พระเจ้าประทานให้ ตามขนาดความเชื่อ (3) ทรงให้แต่ละคนไม่เหมือนกัน ความเชื่อเกิดขึ้นจากการที่พระเจ้าสำแดงให้เราเห็น และเราตอบสนอง คือทำตามที่ทรงให้เราเห็น ไม่มีใครทำอะไรได้ ถ้าเราไม่เห็น คนที่มองดูอาคารโบสถ์ว่าสะอาดดีแล้ว ย่อมไม่คิดจะทำความสะอาด แต่คนที่เห็นว่ามันสกปรก ก็จะรู้ว่าต้องทำให้สะอาดอย่างไร
พระเจ้าทรงมอบของประทานให้เรา
1.หมวดการนำ
(1) อัครทูต
(อฟ 4:11)
อัครทูต คือผู้นำของผู้นำ เป็นผู้ที่รู้จักพระทัยพระคริสต์ เป็นผู้ใหญ่ที่ศิษยาภิบาลทั้งหลายให้ ความนับถือ
(2)ผู้ครอบครอง (ผู้นำ)
( โรม 12:8) ผู้นำเป็นคนที่มองเห็นอนาคต ก่อนคนอื่น และ
ชักชวนให้คนเดินตาม
(3)ผู้ครอบครอง (ผู้บริหาร)
(1 โครินธ์ 12:28) เป็นผู้ที่จัดการการทำงานภายในให้เป็น
ระบบระเบียบ มีประสิทธิภาพ
(4)ความเชื่อ
( 1 โครินธ์ 12:9)
2. หมวดความรู้ และสติปัญญา
(5)ความรู้
(1 โครินธ์ 12:8) คนที่มีของประทานนี้ จะมีความสามารถเมื่ออ่านพระคัมภีร์ เขา
จะแยกแยะ และขุดค้นเอาความจริงมาจากพระวจนะ
(6)สติปัญญา
(1 คร 12:8) สติปัญญา คือการเอาความรู้มาใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์
(7)ครู
(อฟ 4:11) ครูคือนักถ่ายทอดความจริง ให้ผู้ฟังเกิดความเข้าใจ
(8)ศิษยาภิบาล
(อฟ 4:11) ต้องเป็นครูด้วย แต่ศิษยาภิบาล สนใจนักเรียน เขาแบกภาระ
ปัญหาสมาชิกได้เป็นระยะเวลาอันยาวนาน เป็นปีๆ โดยไม่ปวดหัว
(9)ผู้เตือนสติ
(โรม 12:7) และผู้หนุนใจ ช่วยตักเตือนและแก้ไขปัญหาข้อผิดพลาดของคน
เขาให้การปรึกษา โดยไม่แบกภาระอย่างศิษยาภิบาล
3. หมวดการบริการ
(10) สำแดงเมตตา
(โรม 12:8) ผู้มีของประทานนี้ มักใช้ดอกไม้ การ์ด หรือของฝากเล็กน้อยๆ เพื่อให้ผู้ท้อถอย ได้รับกำลังใจ
(11) ปรนนิบัติ
(โรม 12:7) ผู้มีของประทานนี้ รับใช้พี่น้องในคริสตจักรด้วยกำลัง เช่นทำหน้าที่สวัสดิการ ปฏิคม หรืองานสำนักงาน บางที่เขาพร้อมดูแลเด็ก หรือคนชรา
(12) ผู้อุปการะ
ผู้ช่วย หรือผู้สนับสนุน(1 โครินธ์ 12:28) เขาคือคนที่หนุนของประทานอื่น ให้เขาทำงานได้ประสบความสำเร็จโดยง่าย นักเทศน์ต้องการผู้ช่วยเช่นนี้
(13) ต้อนรับแขก
(1เปโตร 4:9) คนมีของประทานนี้ หัวกระไดบ้านเป็นเทือก แปลว่าไม่
ขาดคนเยี่ยมเยียนบ้านเขา เราสามารถต้อนรับแขก ให้แขกรู้สึกเหมือนอยู่บ้านตนเอง
(14) บริจาค
(โรม 12:7) ของประทานต่างจากบทบาท ทุกคนต้องถวายสิบลด เมื่อมีผู้ขัด
สน พระเจ้าสอนให้เรามีน้ำใจบริจาค ช่วยพี่น้อง แต่คนที่มีของประทานพระเจ้าให้เขา
มีทรัพย์เข้ามาด้วย
4. หมวดฤทธิ์เดช
(15) เผยพระวจนะ
(โรม 12:6) พระเจ้าประทานถ้อยคำให้เขากล่าวแก่ที่ประชุม อาจเป็น
การหนุนใจ หรือนำคริสตจักร (Forth tell) หรือ พยากรณ์ ถึงสิ่งที่จะเกิดในอนาคต
(Foretell)
(16) ภาษาแปลกๆ
(โรม 12:7) ภาษาแปลกๆ หรือต่างๆ ตามที่พระวิญญาณโปรดให้พูด
ของประทานนี้ เป็นของประทานแฝดกับ
(17) แปลภาษาแปลกๆ
(1 โครินธ์ 12:10) เมื่อมีกาแปลภาษาแปลกๆในที่ประชุม ก็มี
ลักษณะเหมือนการเผยพระวจนะ
(18) สังเกตวิญญาณ
(1 โครินธ์ 12:10) เขาจะแยกแยะออก และรู้ว่าการที่คนหนึ่งพูด หรือ
กระทำอะไรออกมานั้น มาจากเนื้อหนังของเขา จากพระเจ้า หรือมาจากมาร
(19) รักษาโรค
(1 โครินธ์ 12:9) พระเจ้าให้บางคนมีความสามารถอธิษฐานรักษาโรคผู้ป่วย
หายโดยไม่ต้องใช้ยา ตามปกติ
(20) อิทธิฤทธิ์
(1 โครินธ์ 12:10) พระเยซูเรียกคนตายฟื้นขึ้น เปลี่ยนน้ำเป็นน้ำองุ่น เลี้ยง
คน 5000 คนนับแต่ผู้ชาย นี่ไม่ใช่การรักษาโรค แต่เป็นอิทธิฤทธิ์ การวางมือคนล้ม
เป็นเรื่องอิทธิฤทธิ์ ไม่ใช่การหายโรค
5. หมวดการประกาศ
(21) เผยแพร่ข่าวประเสริฐ
(อฟ 4:11) ผู้ประกาศสนใจคนภายนอก ผู้ที่ยังไม่เชื่อ และเขาเข้าใจพระกิตติคุณ และมีความสามารถอธิบายให้คนใหม่เข้าใจได้โดยง่าย
6. หมวดการใช้ชีวิต
(22)อยู่อย่างยากจน
( 1 คร 13:3) พระเจ้าใช้บางคนอยู่อย่างเบี้ยน้อยหอยน้อย เขาไม่ทุกข์
ใจ เขาห่างห้างสรรพสินค้า โดยไม่ลำบากใจ
(23)อยู่เป็นโสด
( 1 โครินธ์ 7:7) ผู้อยู่เป็นโสดรับใช้พระเจ้า โดยไม่ถูกรบกวน จากความ
ต้องการทางเพศ
(24)พลีชีพเพื่อพระคริสต์
( 1 โครินธ์ 13:3) สเตเฟน มีของประทานนี้ เป็นการพร้อมพลี
ชีพเพื่อพระคริสต์ โดยไม่หวาดกลัว
การค้นหาของประทาน
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าพระเจ้าประทานของประทานอะไรให้เรา หากท่านบังเกิดใหม่ ท่านมีของประทานอยู่แล้ว ท่านต้องค้นหาให้พบ เพื่อท่านจะรับใช้อย่างมีความสุข และมีประสิทธิภาพ
1.อธิษฐาน และพร้อมรับใช้
พระเจ้าสำแดงให้เราทราบ เมื่อเราถวายตัวเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิต
คือพร้อมรับใช้ตามน้ำพระทัย
2.เรียนรู้เรื่องของประทาน
อย่างที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เราต้องเรียนรู้มากขึ้น เพื่อแยกแยะได้
ว่าของประทานั้นๆ เป็นแบบไหน
3.ทดลองทำ
ลองหนุนใจคนอื่น ประกาศ สอน สอนรวีฯ วางมือรักษาโรค
4.สังเกตความรู้สึก
ทำแล้วให้สังเกตความรู้สึก ชอบหรือไม่ อึดอัดหรือสบายๆ ของประทาน
คือสิ่งที่เราถนัด เราทำแล้วเราต้องรู้สึกสบายๆ
5.สังเกตผล ดูว่าเกิดผลหรือไม่
ครูสอนนักเรียนต้องรู้เรื่อง หนุนใจคนต้องฟื้นขึ้น วางมือ
ผู้ป่วยคนต้องหายโรค เป็นผู้ประกาศต้องมีคนรับเชื่อ
6.ฟังการรับรองจากพี่น้อง
ให้พี่น้องในคริสตจักร ที่รู้จักเราลงความเห็นว่าของประทานดีง
กล่าวนั้นเรามีหรือไม่
Click เพื่อฟังคำเทศนาที่นี่
Follow @bfcbkk
Tweet to @bfcbkk
Visitor 1041
อ่านบทความย้อนหลัง