การเรียนรู้

คำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม 2009

ผป.ทิฆัมพร เปล่งศรีสุข
การเรียนรู้ รู้จักตนเอง เราชอบอะไร ไม่ชอบอะไร โมโห รู้จากที่ไม่ใช่ตัวเรา อยู่รอบ ๆ ตัวเรา สมาชิก เพื่อนร่วมงาน ใครเป็นอย่างไร จะพูดอะไรกับใคร เรียนจากสถานการณ์ จากวิกฤติที่เกิดขึ้น เศรษฐกิจ การเผชิญไข้หวัด เรียนรู้จักพระเจ้า เชื่อมโยงระหว่างสิ่งต่าง ๆ

เราเรียนรู้ได้อย่างไร? 2 วิธี

(1)“โดยการถูกสอน ตั้งแต่เด็ก จนเป็นผู้ใหญ่ เราถูกสอนโดยพ่อแม่ ครู โดยการฟัง,อ่าน เช่นการฟังเทศน์ อ่านพระคัมภีร์
(2)โดยเรียนจากประสบการณ์ ตอนสอนลูกเขายังเล็กบอกเขาว่า อย่าไปจับทุเรียน เพราะหนามมันคม เขาไม่เชื่อไปจับเข้าก็เจ็บ ไข้หวัดใหญ่ 2009 หลายคนทราบจึงไม่เดินทาง โดยทางเครื่องบิน


ทำไมถึงต้องเรียนรู้
ถ้าเรียนแล้ว ไม่ใช้ประโยชน์ ก็ไร้ผล รู้แต่ไม่ใช้ประโยชน์ ก็เหมือนคนมีความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด หนังสือสุภาษิตสอนเรามาก ความเข้าใจทำให้ฉลาด ใช้ชีวิตในทางที่ถูก โอกาสที่จะหลุดออกไปในทางอันตราย ก็น้อยคนที่ไม่สนใจคือคนโง่ คนเรียนรู้พร้อมฟัง พร้อมรับคำตำหนิ พร้อมเปลี่ยนแปลง คนที่โง่บอกว่ารู้หมดแล้ว อ่อนไหวกับคำตักเตือน อ่อนไหวต่อการ

บทเพลงคร่ำครวญ 3:27-33
“เป็นการดีที่จะแบกแอกในปฐมวัย...”

นี่เป็นท่าทีที่จะเรียน แอกคือหน้าที่แต่เรามักคิดว่าเป็นปัญหา แต่นี่เป็นโอกาสที่เราจะเรียนรู้วิกฤติ แต่มันหลบเลี้ยงไม่ได้ เราต้องเรียนแบกแอกตั้งแต่ยังเล็กอยุ่ เริ่มรับผิดชอบ มันเล็กตามวัย แต่เราจะเรียนรู้และเข้าใจรับแอกต่อไป

4 ขั้นตอนของท่าทีของการเรียนรู้
(1)เงียบ (28) ให้เขานั่งเงียบ ๆ แต่ลำพัง เพราะพระองค์ทรงวางแบบนั้นเอง เราหนีไม่ได้ ถ้าเราสงบไม่ได้แสดงว่าเราไม่ยอมรับ
(2) ถ่อมใจ (29) ให้เอาปากจดไว้ในผงคลีดิน นี่คือความถ่อมใจ คุกเข่าลงน้อมยอมรับผิดสารภาพบาปผิด ถ้าเราไม่ถ่อม เราจะไม่มีความหวัง
(3)การยอมรับ,มีสติ (30)
ให้เขาเอียงแก้มให้ผู้ที่ตบเขา ยอมรับความอับอายอย่างเต็มเปี่ยม แปลว่าเราต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราใหม่ มีสติ
(4)ความมั่นใจ (31-31)
พระเจ้าจะไม่ทรงละทิ้งเป็นนิตย์ดอก ก่อให้เกิดความมั่นใจ พระเจ้าจะไม่ทำให้เราเศร้าโศก

บทเรียนที่ 1 ไม่ประมาท
ผมกลับมาพิจารณาตนเอง ผมใส่ใจกับการเรียนรู้ ผมเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยพลาดการเรียนจากพระเจ้า ปีนี้ผมอายุ 60 ปี ผมเผชิญวิกฤติ 2540 หนักมาก สาหัสมาก ภาระหน้าที่นั้นใหญ่มาก ไม่เชื่อว่าจะแบกภาระหนักได้ ผมรับไม่ได้ ผมไม่สงบ ใจสับสนวุ่นวายไม่นิ่ง เกิดความรู้สึกว่า เราโดดเดี่ยว ไม่รู้จะพึ่งพิงใคร ไม่รู้จะไปวางใจใคร? ตอนนั้นเกิดความกลัว ขาดความกล้า พอ step แรกไม่ผ่าน ผมก็ไม่ถ่อม ไม่พร้อมรับความอับอาย ลืมหมดขาดความมั่นใจ สิ่งที่ยังช่วยคือ ความอดทน ความพากเพียร ไม่ได้คิดถึงการพึ่งพระเจ้า แต่รอเวลา เมื่อมองย้อนกลับไปผมพบว่ามีท่าทีไม่ถูกต้อง ไม่ประมาท สิ่งที่ไม่คาดคิดสามารถเกิดขึ้นได้ อย่าคิดว่าเราปลอดภัย ไม่ประมาท ทำให้เราเห็นสิ่งที่ควรเห็น เราอาจคิดว่ามันไกลตัวเรา

บทเรียนที่ 2 พระเจ้ายิ่งใหญ่
ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าเกินความคิดของเรา อำนาจของพระเจ้า ถูกมองในกรอบความคิดของเรา เมื่อผ่านตอนนี้ เราก็ถูกนำไปสู่ความเชื่อมั่น

บทเรียนที่ 3 พระเจ้ามีความรักมากมาย
“พระองค์ไม่ละทิ้งเป็นนิตย์ดอก” เมื่อผมมองย้อนกลับในช่วง 2 ปี พบว่าพระเจ้ามีแผนการให้ผมตลอด เราได้เห็นความรักที่ดำรงอยู่

บทเรียนที่ 4 พระเจ้าทีแผนการและมีเวลาของพระองค์ เราเป็นคนกำหนดเวลา และแผนการให้พระองค์ บริบทแต่ละคนไม่เหมือนกัน ความเหมาะสมของการแก้ไขปัญหาไม่เหมือนกัน บางคนเรียนขึ้นประถม บางคนอยู่ชั้นมัธยม บางคนไปถึงขั้นมหาวิทยาลัย ที่เราเรียนรู้ช้าไป เมื่อเรียนแล้ว ผมนำมาใช้ประโยชน์ ผมเอาสิ่งที่เรียนจากพระเจ้ามาสู่ความปลอดภัยมั่นคง พระเจ้าทรงส่งสัญญาณ ให้ผมรู้ล่วงหน้ามาเป็นปี เตรียมแผนการจากการเรียนรู้ เราต้องรู้ว่าอะไรที่ไม่ใช่เรา พระองค์ให้เราระวังรอบคอบ ไม่ประมาท ทำให้เราดำเนินธุรกิจที่ปลอดภัย ไม่ใช่เรามองวิกฤติแล้วไหวหวั่น พระเจ้าทรงเตรียมปัญหาสำหรับเรา การเข้าสู่ปัญหาทำให้เราอยู่ในความเสี่ยง พอกลัวเราก็หมดแรง แต่ตรงกันข้ามเรากลับดีใจ พระเจ้าจะให้เราพิสูจน์ตนเอง ว่าผมผูกพันกับพระเจ้ามากน้อยแค่ไหน

โรม 5:4 บอกว่าความอดทนทำให้เห็นว่าเราเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้ คนเรียนรู้ไม่ได้ เหมือนเด็กปัญญาอ่อน เราเติบโตโดยการเรียนรู้ เราเรียนไม่จบ เราเรียนผ่านทางสถานการณ์ วิกฤติ ปัญหา ซึ่งไม่มีจบสิ้น ปัญญาจารย์ 3:1-9 บอกว่าทุกอย่างมีวาระของมัน ทุกครั้งของการเรียนรู้ เราอย่ายอมให้มันผ่านไปง่าย ๆ เราไม่นำมาสู่การปรับปรุง มันก็จะไร้ค่า เราต้องให้การเรียนนั้นมีค่าทวีขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านมา 12 ปี แล้ว มันยังไม่จบสิ้น
Click เพื่อฟังคำเทศนาที่นี่
Visitor 76

 อ่านบทความย้อนหลัง