เรียนโดยเริ่มจากการแบกแอก

คำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2009

ศจ.สมเกียรติ กิตติพงศ์
จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพและใจอ่อนน้อม และจิตใจท่านทั้งหลายจะได้พัก ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา
( มัทธิว 11:29-30)

วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมพูดเรื่องนี้ พระเยซูตรัสว่า บรรดาผู้ลำบากเหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนักจงมาหาเรา เราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข เราอยู่ในโลกนี้ด้วยการแบกภาระหนักมาก ภาระหนักหลายเรื่อง ตั้งแต่พยายามแบกภาระพระบัญญัติอันหนักหน่วงในขณะที่ใจเราขาดความรัก เราสู้ไม่ไหว เราต้องต่อสู้กับความบาป และความผิดพลาด มารก็โจมตีเราด้วย ในสัปดาห์นี้ได้ยินเรื่องคนที่พบความเครียดแล้วฆ่าตัวตายถึง 2 คน คนหนึ่งเป็นเด็กนักเรียนชาวสมุทรปราการที่พ่อแม่ห้ามเล่นเกม ส่วนอีกคนเป็นอดีตประธานาธิบดีของประเทศเกาหลี กระโดดลงหน้าผาเพราะความเครียด นำความเศร้าสลดมาสู่ญาติมิตรที่อยู่ข้างหลังอย่างมาก ความจริงแล้ว นี่คือเรื่องที่เป็นข่าว แต่ที่ไม่เป็นข่าวยังมีอีกไม่น้อย จากการเก็บข้อมูลของกรมสุขภาพจิต พบว่า สถิติการฆ่าตัวตายของคนไทย โดยเฉลี่ยอยู่ที่ ประมาณ 5.77 คนต่อประชากรแสนคน หรือมีผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จประมาณ 3,612 คนต่อปี และถ้าคิด เฉลี่ยต่อวัน พบว่าในแต่ละวันมีคนฆ่าตัวตายถึง 12 คน หรือเฉลี่ย 1 คนต่อทุก ๆ 2 ชั่วโมง ฟังสถิติแล้วหดหู่ทีเดียว คนเหล่านี้แบกภาระหนัก เราก็เช่นเดียวกัน แต่พอเรามาพบพระเยซู พระองค์ทรงอภัยให้เรา ให้โอกาสเรา รักเรา สร้างเราขึ้นมาใหม่
วันนี้พระองค์ต้องการสร้างเรา พระองค์ต้องการให้ชีวิตเราเข้มแข็งสวยงาม พระองค์สร้างเราอย่างไร พระองค์สร้างสาวกอย่างไร
วิธีของพระเยซูคือ เมื่อพระองค์ทรงเห็นว่า เรามีหน่วยก้านดี คือสอนได้และพร้อมรับใช้
พระองค์ตรัสกับเราว่า“จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา”


1.เริ่มให้เร็ว
เพลงคร่ำครวญ 3:27 “เป็นการดีที่คนเราจะแบกแอกในปฐมวัย” หากเราต้องการเจริญเติบโตขึ้น เราต้องเรียนรับผิดชอบการงาน ตั้งแต่เริ่มชีวิตใหม่กับพระเจ้า ไม่ใช่รอไว้
2-3 ปี พระเยซูมีสาวก 12 คน วิธีสร้างสาวกของพระเยซูก็คือพระองค์ พระองค์ทรงเรียกและเลือกเขาก่อนสอน ก่อนฝึกฝนเขา

มาระโก 3:13-15
แล้วพระองค์เสด็จขึ้นภูเขา และพอพระทัยจะเรียกผู้ใดพระองค์ก็ทรงเรียกผู้นั้น แล้วเขาได้มาหาพระองค์ พระองค์จึงทรงตั้งศิษย์สิบสองคนไว้ให้อยู่กับพระองค์ เพื่อจะทรงใช้เขาไปประกาศ และให้มีอำนาจขับผีออกได้

พระเยซูมิได้รอไว้ ทดลองทำงานกับเขา ก่อน 2-3 ปี พอใกล้ๆถึงวาระที่พระองค์จะถูกตรึงที่กางเขน ค่อยเลือกและแต่งตั้งเขา หลายคนใช้วิธีนี้เพราะไม่แน่ใจ รู้ว่าตั้งคนผิดปลดออกยาก ก็เลยไม่ตั้งไม่มอบภารกิจอะไรให้ทำ




2. มอบความรับผิดชอบ
มาระโก 3:14
พระองค์จึงทรงตั้งศิษย์สิบสองคนไว้ให้อยู่กับพระองค์ เพื่อจะทรงใช้เขาไปประกาศ
คนที่รับแบกแอก ตั้งใจเรียน และเรียนได้เร็วกว่าคนที่เรียนเพื่อเก็บภูมิความรู้ไว้กับตัวโดยไม่คิดสอนใคร ก่อนที่พระเยซูจะฝึกพวกสาวกพวกเขารู้ภาระหน้าที่ของตนดีว่าพระองค์ประสงค์ให้พวกเขาออกไปประกาศ มีคริสเตียนไม่น้อยไม่ชอบรับตำแหน่งหน้าที่อะไร บอกว่า ไม่เป็นไรช่วยๆกัน ผมจะช่วยเอง ไม่ต้องให้ใครมามอบความรับผิดชอบหรือมอบแอกอะไรให้ จากประสบการณ์ของผม พอเอาเข้าเข้าจริงเขาก็ไม่ทำ หรือทำไปไม่กี่น้ำก็เลิก วิธีของพระเยซู พระองค์แต่งตั้งก่อนการสอน เพราะคนที่ต้องไปสอนคนอื่นเป็นคนที่ตั้งใจเรียน


3.ทำไปสอนไป
ลูกา 10:1
ภายหลังเหตุการณ์เหล่านั้น พระเยซูทรงตั้งสาวกอื่นอีกเจ็ดสิบคนไว้ และใช้เขาออกไปทีละสองคนๆ ให้ล่วงหน้าพระองค์ไปก่อน ให้เข้าไปทุกเมืองและทุกตำบลที่พระองค์จะเสด็จไปนั้น วิธีของพระเยซู พระองค์มิได้สอนในชั้นโดยไม่ให้พวกเขาทำงาน ตั้งเขาแล้วก็ให้เขาออกไปทำงานเลย

4 ประเมินผลเป็นระยะ
ลูกา 10:17-20
ฝ่ายสาวกเจ็ดสิบคนนั้นกลับมาด้วยความปรีดีทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ถึงผีทั้งหลายก็ได้อยู่ใต้บังคับของพวกข้าพระองค์โดยพระนามของพระองค์” พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “เราได้เห็นซาตาน ตกจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ ดูเถิด เราได้ให้พวกท่านมีอำนาจเหยียบงูร้ายและแมงป่อง และมีอำนาจใหญ่ยิ่งกว่ากำลังศัตรู ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะทำอันตรายแก่ท่านได้เลย แต่ว่าอย่าเปรมปรีดิ์ในสิ่งนี้ คือที่พวกผีอยู่ใต้บังคับของพวกท่าน แต่จงเปรมปรีดิ์ เพราะชื่อของท่านจดไว้ในสวรรค์”

อย่างคราวนี้พวกเขาออกไปประกาศ ขับผีออก ก็มารายงานสิ่งที่ตนเองได้ไปทำ และประสบความสำเร็จ ตื่นเต้นกันใหญ่ พวกเขากลับมาเล่าให้พระเยซูฟังว่ามีอะไรเกิดขึ้น พวกเขาคงคิดว่า ต่อแต่นี้ไปเขาจะมีอำนาจเหนือผี และขับมันออกทุกๆครั้ง แต่พระเยซู เตือนให้พวกเขาทราบว่า อย่ายินดีเพราะเหตุนี้ แต่จงยินดีเพราะ ชื่อของท่านจดอยู่ในสวรรค์ ให้ความยินดีของพวกเขาอยู่ที่ความสัมพันธ์กับพระเยซู เพราะนี่คือความยินดีถาวร

มี 3 เรื่องหลักที่เราเรียนจากพระเยซู
(1) การดำเนินชีวิตคริสเตียน (กิจการ 2:42-47)
ได้แก่ การเรียนพระคำ การสามัคคีธรรมกับพี่น้อง การอธิษฐาน การถวาย การประชุมตามบ้าน การสรรเสริญ การประกาศ สิ่งเหล่านี้ไม่เป็นภาระสำหรับคนที่รักพระเยซู ตรงกันข้ามกลับเป็นความสุข สนุกสนาน
(2) การรับใช้ด้วยของประทาน
เมื่อเราบังเกิดใหม่ในพระคริสต์ พระเจ้าทรงประทานความสามารถพิเศษให้แก่เราฝ่ายพระวิญญาณ เช่น ผู้ประกาศ ผู้เผยพระวจนะ ผู้สำแดงเมตตา ผู้อุปการะ ผู้ปรนนิบัติ ผู้รักษาโรค ผู้หนุนใจ ศิษยาภิบาล ครู ผู้ครอบครอง ฯลฯ เมื่อเรารับใช้ พระเยซูก็จะสอนเรา เมื่อเรารับใช้ด้วยของประทานเราจะมีความสุข เราจะสบาย ไม่เป็นภาระ เราจะมั่นใจ เพราะเมื่อเราใช้ของประทานจะเกิดผลแล้วเราจะมั่นใจ ในการรับใช้ด้วยของประทานพระองค์สอนให้เรามีผลของพระวิญญาณด้วย เราจะสอนคนด้วยความรัก ความอดทน ประกาศด้วยใจกล้าหาญ ต้อนรับแขกด้วยไม่บ่น ฯลฯ
(3) ความทุกข์ยาก
ในความทุกข์ยากที่เราพบเราจะมีความสุข
เปาโลกล่าวว่า ข้าพเจ้าชื่นใจในความยากลำบาก ( 2 คร 12:10) ผู้เขียนฮีบรูบอกว่า เรามีพระเยซูเป็นผู้บุกเบิกความเชื่อ พระองค์อดทนต่อกางเขน การพบความทุกข์ยากการข่มเหงเราทนได้เพราะเรามีพระเยซูเป็นแบบ และมีพระวิญญาณชูกำลังเรา แอกนี้จึงไม่หนัก (ฮีบรู 12:2-3)

พระเยซูตรัสว่า ใจเราจะได้พัก เราจะเบาแรง แสดงว่าเราจะเติบโตขึ้นด้วยมีสันติสุขในใจเสมอ ตรงกันข้ามกับเมื่อก่อนที่เรามีชีวิตอยู่เพื่อตนเอง เราเหน็ดเหนื่อย และว้าวุ่นมาก เดี๋ยวนี้ ยิ่งรับใช้เรายิ่งสนุกครับ
Click เพื่อฟังคำเทศนาที่นี่
Visitor 269

 อ่านบทความย้อนหลัง