สาวกเต็มร้อย

คำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม 2009
ศจ.สมเกียรติ กิตติพงศ์

มัทธิว 11:12
"และตั้งแต่สมัยยอห์นผู้ให้บัพติสมา มาถึงทุกวันนี้ แผ่นดินสวรรค์ก็เป็นสิ่งที่คนแสวงหาด้วยใจร้อนรน และผู้ที่ใจร้อนรน ก็เป็นผู้ที่ชิงเอาได้"



นี่คือเรื่องที่อยู่ในใจผม เรื่องการเป็นสาวกพระเยซู ทุกเรื่องในชีวิตคริสเตียน พระเจ้าต้องการให้เราเต็มร้อยกับพระองค์ ไม่ใช่ชีวิตแบบ พอเป็นพิธี พอให้สบายใจ และ ดำเนินชีวิตคริสเตียนแบบ "อย่าให้ใครว่าเราได้" ทุกเรื่องครับ ลองพิจารณาพระคัมภีร์ต่อไปนี้

1. เราจะรักพระเจ้าอย่างไร

มาระโก 12:30-31
พวกท่านจงรักพระเจ้าด้วยสุดจิต สุดใจของท่านด้วยสุดความคิด และด้วยสิ้นสุดกำลังของท่าน และธรรมบัญญัติที่สองนั้นคือ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
เวลาพระคัมภีร์พูดถึงความรักของคนที่มีต่อพระเจ้า พระคัมภีร์พูดว่าอย่างไร
“สุดใจ" แปลว่า เลือกตามพระเจ้าสุดๆ สุดจิตแปลว่ามีอารมณ์เมื่อรักพระเจ้า ในหนังJesus Christ Super Star มารีมักดาลา ร้องเพลง ด้วยอารมณ์ที่รักพระเยซูมาก “I don’t know how much I love Him.” ท่านละ รู้สึกอย่างไรกับพระเยซู สุดความคิด แปลว่ามีปัญญาแค่ไหนเอามายกให้พระองค์หมดสิ้น และสุดกำลัง แปลว่าพร้อมทำทุกอย่างโดยไม่ออมแรงไว้เลย มิใช่หรือ


2.เราจะเชื่อพระเจ้าอย่างไร
สดุดี 56:11
ในพระเจ้า ข้าพระองค์วางใจอย่างปราศจากความกลัว คนจะกระทำอะไรแก่ข้าพระองค์ได้ ผมนึกถึงลูกที่วางใจพ่อ ลูกชายอายุ 3 ขวบ ยืนบนกำแพง สูง 2 เมตร เห็นพ่อยืนอ้าแขนอยู่ข้าล่าง พ่อบอกว่ากระโดดลงมาซิ พ่อจะอุ้ม ลูกชายที่วางใจพ่อไม่ลังเล กระโดดลงมา ไม่สงสัย หรือขลาดกลัวแม้แต่น้อย ไม่ซักถามก่อนว่าพ่อรับไหวไหม พ่อจะรับเขาจริงหรือ สาวกพระเยซู วางใจในพระเจ้าเช่นนั้น

3. เราจะติดตามพระเยซูอย่างไร
ลูกา 9:62
พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ผู้ใดเอามือจับคันไถแล้ว หันหน้ากลับเสีย ผู้นั้นก็ไม่สมควรกับแผ่นดินของพระเจ้า”
เวลาเราติดตามพระเยซู สาวกไม่หวงสมบัติ ทรัพย์ ชื่อเสียง หรือตัวเอง พระเยซูกล่าวว่าผู้ใคร่ตามเรามาให้คนนั้นชนะตนเอง แบกกางเขนของตนตามเรามา พระองค์กล่าวต่อไปว่า ผู้ใดรักบิดามารดา สามี ภรรยา บ้านเรือนไร่นา คอนโด บ้าน รถ มากกว่าเรา คนนั้นไม่สมควรกับเรา ครั้งนั้น มีคนหนึ่งบอกพระองค์ว่า ข้าพระองค์จะตามพระองค์ไป แต่ขอให้ข้าพระองค์ ไปฝังศพบิดาของข้าพระองค์ก่อน พระเยซูตอบเขาว่าอย่างไร “ให้คนตายฝังคนตายเถิด ส่วนท่านจงตามเรามา" แล้วพรองค์ก้ตรัสข้อความนี้ “ผู้ใดเอามือจับคันไถแล้ว หันหน้ากลับเสีย ผู้นั้นก็ไม่สมควรกับแผ่นดินของพระเจ้า” ตามพระเจ้าต้องตามสุดสุด และตลอดไป
เหมือนนางรูธ แม่หม้ายชาวโมอับติดตามแม่ผัว “แม่อยู่ที่ไหน ฉันจะอยู่ที่นั่น แม่ตายที่ไหนฉันจะตายที่นั่น พระเจ้าของแม่จะเป็นพระเจ้าของฉัน” เธอไม่ได้มีความคิดว่า อนาคตเธอจะได้อะไร แต่เธอรักและสัตย์ซื่อต่อแม่สามี พระเยซูตรัสกับเราในมัทธิวบที่ 6:33 "แต่ท่านต้องแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าและความชอบธรรมก่อน แล้วพระองค์จะประทานสิ่งสารพัดเหล่านี้” คำว่าแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าก่อน ไม่ใช่หมูไปไก่มา ฉันตามพระองค์แล้วน่ะ แล้วฉันจะได้อะไร หมดโดยไม่หวังอะไร สิ่งสารพัดพระเจ้าให้มาเป็นของแถมต่างหาก

4. การโตขึ้นฝ่ายวิญญาณก็เหมือนกัน
2 เปโตร 1:5-7
เพราะเหตุนี้เอง ท่านจงอุตส่าห์จนสุดกำลังที่จะเอาคุณธรรม เพิ่ม ความเชื่อ เอา ความรู้ เพิ่มคุณธรรม เอาความเหนี่ยวรั้งตนเพิ่มความรู้ เอาขันตีเพิ่มความเหนี่ยวรั้งตน และเอาธรรมเพิ่มขันตี เอาความรักฉันพี่น้องเพิ่มธรรม และเอาความรักคนทั่วไป เพิ่มความรักฉันพี่น้อง คริสเตียนคือคนที่จะต้องเติบโตขึ้นฝ่ายวิญญาณ จะโตขึ้นเราต้องเรียนพระคัมภีร์ เราเรียนพระคัมภีร์อย่างไร สาวกในคริสตจักรสมัยแรก พอเปโตรนำเขารับบัพติสมา 3000 คน ประโยคแรกที่พระคัมภีร์พูดถึงเขา คือเขาขะมักเขม้นฟังคำสอนของพวกอัครทูต เขาอยากรู้ อยากเรียน คริสเตียนบางคนไม่ค่อยอยากเรียนอยากรู้ เกรงว่าจะต้องรับผิดชอบ ฟังเปโตรพูดเรื่องการโตขึ้นฝ่ายวิญญาณซิ
จงอุตส่าห์สุดกำลัง ที่จะเอาคุณธรรมเพิ่มความเชื่อ เอาคุณธรรมเพิ่มความรู้ ฯลฯ สุดกำลัง การเรียนเรื่องต่างๆฝ่ายวิญญาณ ที่ผมเรียกว่าขัดเอาขี้ทั้งหลายออกไปจากชีวิตเรา เช่นขี้เกียจ ขี้สดุด ขี้น้อยใจ ขี้เหนียว นั้น ไม่ใช่ ทำอย่างเหยาะแหยะ แต่การตือรือร้นสุดกำลังครับ

5.ว่าอย่างไรเรื่องการสู้สงครามฝ่ายวิญญาณ
เอเฟซัส 6:10-11
สุดท้ายนี้ขอท่านจงมีกำลังขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้า และในฤทธิ์เดชอันมหันต์ของพระองค์
จงสวม ยุทธภัณฑ์ทั้งชุด ของพระเจ้า เพื่อจะต่อต้านยุทธอุบายของพญามารได้
เรารู้ใช่ไหมว่า ผู้เชื่อมีศัตรูคือมาร มันจ้องเล่นงาน มันล่อลวง โจมตีเรา มันมีกำลังกว่า ตัวต่อตัวเราสู้มันไม่ได้ เหมือนโกลิอัทกับดาวิด แต่เราสู้มันได้ โดยอาศัยพระกำลังของพระเจ้า เปาโลพูดถึงวิธีสู้ศึกฝ่ายวิญญาณว่าอย่างไร สุดท้ายนี้จงมีกำลังขึ้นในองพระผู้เป็นเจ้า ในฤทธิ์เดชอันมหันต์ของพระองค์ พึ่งพระเจ้าสุดๆ สวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุด พูดง่ายๆคืออาศัยทุกอย่างที่พระเจ้าประทานให้เรา ความจริง ความรอด ความชอบธรรม ความเชื่อ พระคำ พระวิญญาณ ไม่ใช่เอาแต่บางชิ้น นี่คือคริสเตียนเต็มร้อย ไม่เอาจริงก็สู้ศัตรูไม่ได้ นี่เป็นเหตุผลที่หลายคนหลงไปจากพระเจ้า

6. การอธิษฐานล่ะครับ
เอเฟซัส 6:18
จงอธิษฐานวิงวอนทุกอย่าง จงขอโดยพระวิญญาณทุกเวลา ทั้งนี้จงระวังตัวด้วยความเพียรทุกอย่าง จงอธิษฐานเพื่อธรรมิกชนทุกคน
พระเจ้าสอนให้เราอธิษฐานอย่างไร แม่หม้ายวิงวอนผู้พิพากษาไม่อ่อนระอาใจ ทุ่มเท ในเอเฟซัสบทที่ 6 อาจารย์เปาโล ใช้คำว่า “ทุกอย่าง” “ทุกเวลา” “ทุกอย่าง” “ทุกคน” บางทีเราขออะไรจากพระเจ้า ขอเช้าเย็นลืมไปแล้วว่าขออะไร อย่างนี้จะเรียกว่ามีภาระใจได้อย่างไร อยากได้อะไรจากพระเจ้าไม่ใช่ทำพอเป็นพิธี พอได้ชื่อว่าทำไปแล้ว ตรงกันข้าม เราต้องทุ่มเท ขอไม่หยุด ไม่ได้ไม่ยอมมิใช่หรือ

7. การถวาย พระคัมภีร์สอนเรื่องการถวายไว้ว่าอย่างไร
2 โครินธ์ 8:2-3
เมื่อคราวที่พวกเขาได้รับความทุกข์ยาก ลำบากยากจนอย่างที่สุดของเขานั้น ก็ล้นออกมาเป็นใจศรัทธาอย่างยิ่ง เขาศรัทธาถวายโดยสุดความสามารถของเขา ที่จริงก็เกินความ สามารถของเขาเสียอีก นี่คือการถวายมากกว่าทศางค์ เปาโลหนุนใจคริสตจักรโครินธ์ซึ่งอยู่ในแคว้นอาคายะ ให้บริจาคเงินช่วยพี่น้องที่เยรูซาเล็ม โดยการยกเอาคริสตจักรในแคว้นมาซิโดเนียมาเป็นแบบอย่าง คริสตจักรในแคว้นมาซิโดเนียได้แก่ ฟิลิปปี เธสะโลนิกา เบโรยา สมาชิกในคริสตจักรเหล่านี้ไม่ได้สุขสบาย หรือร่ำรวยน่ะครับ พระคัมภีร์ใช้คำว่า ทุกข์ลำบาก ยากจนจนถึงที่สุด แต่เวลาเขาถวายเขาถวายอย่างไร สุดความสามารถ เกินความสามารถ ครับนี่คือคริสเตียนเต็มร้อย

ถ้าผมทำเป็นChart ให้พี่น้องเห็นชัดๆได้ Chart คงเป็นอย่างนี้
0% ไม่มีเลย
25% มีเล็กน้อย พอให้สบายใจ
50% มีพอควร ไม่ให้ใครว่าได้
75% มีให้พระเจ้าพอประมาณ แต่ในใจก็รู้ดีว่า ยังไม่ได้สุดๆกับพระเจ้า
100% เต็มที่

8. การประกาศก็เหมือนกัน
1 โครินธ์ 9:22-23
ข้าพเจ้ายอมเป็นคนทุกชนิดต่อคนทั้งปวง เพื่อจะช่วยเขาให้รอดได้บ้างโดยทุกวิถีทาง ข้าพเจ้าทำอย่างนี้ เพราะเห็นแก่ข่าวประเสริฐเพื่อข้าพเจ้า จะได้มีส่วนในข่าวประเสริฐนั้น นี่คือ คนที่คิดช่วยคนจริงๆ ตอนคริสตมาสมีผู้ออกมารับเชื่อ หลังจากนั้นเรามีการติดตามผล คริสตจักรของอาจารย์เดวิด โชยองกี เขาเรียกคนที่มายังคริสตจักรของเขาว่า Caught in the Web คือเขาติดตามเพื่อช่วยคนเหล่านั้นไม่เลิกง่ายๆ

9. ในการรับใช้
เราต้องใช้ทุกอย่างที่มี ไม่ว่าเป็นตะลัน หรือของประทาน เวลา หรือทรัพย์
ตะลันได้แก่
ร้องเพลง เล่นดนตรี ทำอาหาร วาดเขียน สอนหนังสือ มีประสบการณ์ วิชาช่าง มีภาษาอังกฤษ คอมพิวเตอร์ หาทุนทรัพย์ ขับรถ การพูด บทกลอน ฯลฯ

ของประทาน
ได้แก่ เผยพระวจนะ วางมือคนป่วย หนุนใจ เตือนสติ สำแดงเมตตา ครู อภิบาลศิษย์ เผยแพร่ ปรนนิบัติ ต้อนรับแขก บริหาร ผู้นำ ความรู้ สติปัญญา ไม่มีใครมีทุกอย่าง เรามีผสมกันระหว่างตะลันและของประทาน ที่มีเราได้เอามามอบให้พระเจ้าสุดๆไหม ผมปรารถนาอย่างยิ่งที่จะใช้ทั้งหมดที่มีให้เกิดประโยชน์ในงานพระเจ้า เพื่อช่วยคริสเตียนให้โตช่วยคนให้รอด
เด็กคนนั้นมอบขนมปัง 5 ก้อนกับปลา 2 ตัวให้พระเยซู พระองค์ทรงใช้เลี้ยงคนได้ถึง 5000 คนนับแต่ผู้ชาย ชาวสะมาเรีย เมื่อช่วยคนเจ็บเขาใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อทำปฐมพยาบาล ดาวิดใช้ภูมิรู้ความสามารถในการเหวี่ยงสลิงมอบให้พระเจ้า แล้วท่านก็ล้มยักษ์ได้ โมเสสใช้ไม้เท้าที่มีอยู่ในมือ พระเจ้าใช้ท่านนำชาวยิวเป็นล้านออกจากอียิปต์

Visitor 292

 อ่านบทความย้อนหลัง