หน้าหลัก
แนะนำเวปไซท์
ความรู้พระคัมภีร์
แนะนำคริสตจักร
ติดต่อเรา
พลังประจำสัปดาห์
ของฝากจากสูจิบัตร
ลับสมอง ประลองปัญญา
บ้านดีมีสุข
ข่าวประเสริฐ
เรื่องน่าประทับใจ
เพลงชีวิตคริสเตียน
มุมเยาวชน
บทกลอนสอนใจ
ข่าวสารน่ารู้
คำเทศนา
วันพิเศษเหตุการณ์สำคัญ
ศูนย์ฝึกอบรมผู้รับใช้
พันธกิจของเรา
วันนี้เป็นวันข่าวดี
คำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2008
ศจ.สมเกียรติ กิตติพงศ์
(2 พงศ์กษัตริย์ 6:14 7:16)
ให้เรามาเรียนรู้เรื่องข่าวประเสริฐที่พระเยซูทรงจัดเตรียมไว้ให้เรา จากบทเรียนพระธรรม 2 พงศ์กษัตริย์บทที่ 6
สมัยที่กษัตริย์เยโฮรัมปกครองกรุงสะมาเรีย มีเอลีชาเป็นผู้เผยพระวจนะ เบนฮาดัด กษัตริย์ของซีเรียยกกองทัพมาล้อมกรุง คราวนี้เป็นกองทัพใหญ่ยกพลเรือนแสน จะเข้าจะออกจากกรุงไม่ได้เลย ในกรุงเกิดการกันดารอาหารอย่างหนัก กษัตริย์เยโฮรัมเองก็สิ้นหวัง ส่งคนมาขอพึ่งเอลีชา แล้วพระเจ้าก็ทรงทำการอัศจรรย์ จากข่าวร้ายกลายเป็นข่าวดี ขอให้พิจารณากันเป็นตอนๆดังนี้:-
1.กองทัพซีเรียล้อมกรุง
(6:24-25)
และอยู่มาภายหลัง เบนฮาดัดพระราชาแห่งซีเรียทรง จัดกองทัพทั้งสิ้นของพระองค์แล้วได้เสด็จขึ้นไป ล้อมกรุงสะมาเรีย มีการกันดารอาหารอย่างหนักในสะมาเรีย
หนักขนาดหัวลาเขาขายกัน 80 เชเขล คือขายแพงมาก ผู้หญิงคิดกันถึงขนาดจะเอาลูกของตนมาต้มกิน
ภาพเช่นนี้เหมือนมารซาตานบีบรัดเราทุกด้าน ก่อนรู้จักพระเจ้า เราถูกโจมตีย่ำแย่ไม่ว่า เรื่องความผิดบาป การล่อลวง สิ่งเสพย์ติด ความเจ็บป่วย ฯลฯ เราตกอยู่ในสภาพหมดหวัง ดิ้นไม่ออก
2. กำลังมนุษย์ช่วยไม่ได้
(6:26-30)
พระองค์ตรัสว่า ถ้าพระเจ้ามิได้ทรงช่วยเจ้าเราจะช่วยเจ้าได้จากไหน จากลานนวดข้าว หรือจากบ่อย่ำองุ่นหรือ นี่คือคำพูดของกษัตริย์กับราษฎรในภาวะที่กรุงถูกปิดล้อมไว้ ไม่มี ใครสามารถช่วยเราได้
พระเยซูเคยทอดพระเนตรดูประชาชน เขาเหมือนแกะที่ไม่มีผู้เลี้ยง สุนัขป่าไล่ตามล่า คนเรามาถึงความสิ้นหวังจากการช่วยเหลือไม่ว่าจากใครที่ไหน
3. กษัตริย์ตามหาเอลีชา
(6:31-33)
และพระองค์ตรัสว่า ถ้าศีรษะของเอลีชาบุตรชาฟัทยังอยู่บนบ่า ของเขาในวันนี้ ก็ขอพระ
เจ้าทรงลงโทษแก่เราและยิ่งหนักกว่า กษัตริย์โยธาม มองเห็นทางออกทางเดียวคือผู้รับใช้
ของพระเจ้า
ในเวลาที่หมดหวัง พระเจ้าเท่านั้นคือคำตอบ
4. เอลีชาประกาศชัยชนะ
(7:1-2)
แต่เอลีชาทูลว่า ขอฟังพระวจนะของพระเจ้า พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า พรุ่งนี้ประมาณเวลานี้ ยอดแป้งถังหนึ่งเขาจะขายกันหนึ่งเชเขล และข้าวบารลีสองถังเชเขลที่ประตูเมืองสะมาเรีย ในวิกฤติการณ์ กันดารอาหารอย่างหนัก หมดหวัง ไร้ที่พึ่งของผู้คน เอลีชากลับประกาศชัยชนะ ว่าของจะขายถูกอย่างอัศจรรย์ในวันพรุ่งนี้ ใครจะคิดล่วงหน้าว่า ตาชั่งจะพลิกกลับ ชัยชนะจะเกิดขึ้น มารจะถอยร่น ในชั่วข้ามคืน ในคืนวันนั้นเอง พระเจ้าได้ทรงกระทำให้กองทัพของคนซีเรียได้ ยินเสียงรถรบ เสียงม้า และเสียงกองทัพใหญ่ เขาจึงพูดกันและกันว่า ดูเถิด พระราชาแห่งอิสราเอลได้จ้างบรรดา พระราชาแห่งคนฮิตไทต์ และบรรดาพระราชาแห่งอียิปต์มารบเราแล้ว เขาจึงลุกขึ้นหนีไปในเวลาโพล้เพล้ และทิ้งเต็นท์ ม้า และลาของเขา ทิ้งเต็นท์ไว้อย่างนั้นเอง และหนีไปเอาชีวิตรอด
ไม้กางเขนของพระคริสต์ทำให้โลกมีความหวัง ทำให้มารพ่าย ชัยชนะเกิดขึ้น มวลมนุษย์มีโอกาสขึ้นมาทันที ฮาเลลูยา! นี่คือความหวังใหม่ของมวลมนุษย์
5. คนโรคเรื้อน 4 คนตัดสินใจ
(7:3-8)
มีคนโรคเรื้อนสี่คนอยู่ที่ทางเข้าประตูเมือง เขาพูดกันว่า เราจะนั่งที่นี่จนตายทำไมเล่า ถ้าเราว่า ให้เราเข้าไปในเมือง การกันดารอาหารก็อยู่ในเมือง และเราก็จะตายที่นั่น และถ้าเรานั่งที่นี่เราก็ตายเหมือนกัน ฉะนั้นจงมาเถิด ให้เราเข้าไปในค่ายของคนซีเรีย ถ้าเขาไว้ชีวิตของเรา เราก็จะรอดตาย ถ้าเขาฆ่าเรา ก็ได้แต่ตายเท่านั้นเอง ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นในเวลาโพล้เพล้ เพื่อจะไปยังค่ายของคนซีเรีย แต่เมื่อเขามาถึงริมค่ายของคนซีเรียแล้ว ดูเถิด ไม่มีใครที่นั่นสักคน
คริสเตียนพวกแรกคือคนกล้าหาญ เสื่ยงภัย กล้าเข้ามาเป็นคริสเตียน ไม่กลัวตาย พวกเขาเปรียบเหมือนคนโรคเรื้อน 4 คน ไม่ต้องแปลกใจ คนโรคเรื้อนทั้ง 4 กินอาหารจนแทบสำลัก อิ่มหมีพลีมัน จากเต็นท์หนึ่งไปสู่อีกเต็นท์หนึ่ง เพลิดเพลินกับทรัพย์ อาหาร เสบี่ยงที่ทหารซีเรียทิ้งไว้ มากมายล้นพ้นจนไม่รู้ว่าเอาไปไว้ที่ไหน เราอิ่มพระพรจนล้นมิใช่หรือ
6. วันนี้เป็นวันข่าวดี
(7:9)
แล้วเขาพูดกันและกันว่า เราทำไม่ถูกเสียแล้ว วันนี้เป็นวันข่าวดี ถ้าเรานิ่งอยู่ และคอย จนแสงอรุณขึ้นโทษจะตกอยู่กับเรา กินกันไปสักพักใหญ่ ก็เริ่มตระหนักว่า เราทำไม่ถูกเสียแล้ว หากเราจะเก็บพระพรเอาไว้แต่
พวกเรา ในขณะที่คนในเมืองอดอยากแสนสาหัส รอจนรุ่งเช้า
นั่นซี เราทำไม่ถูกเสียแล้ว หากเรารับพระพรจากความรอดที่ไม้กางเขนของพระคริสต์
โดยไม่ส่งข่าวให้คนอื่นทราบ ไม่เผยแพร่ ไม่ประกาศ รอจนหมดเวลา
7. บอกยังสำนักพระราชวัง
(7:9-10)
มาเถิด ให้เราไปบอกยังสำนักพระราชวัง
เวลาคนโรคเรื้อน 4 คนนี้ต้องการบอกข่าวดี เขาคิดถึงที่ที่สูงที่สุด นั่นคือสำนักพระราชวัง ไม่ใช่แอบๆบอก
เวลาเราประกาศพระกิตติคุณ เราควรทำแบบเดียวกัน ทำดีที่สุดสุดกำลัง ด้วยการนำเสนอที่ยอดเยี่ยมที่สุด
8. บอกต่อกันไป
(7:11)
แล้วนายประตูก็ตะโกนบอกไป และเขาก็บอกกันไปถึงสำนักพระราชวัง
ระบบปากต่อปาก ในที่สุดข่าวก็กระจายไปทั่วกรุงสะมาเรีย นี่คงจะเป็นบทเรียนของเรา ไม่ใช่ทำโดยใครบางคน แต่ทุกๆคนช่วยกันกระจายข่าว
9. ประชาชนก็พากันไปปล้นค่ายของคนซีเรีย
(7:16)
แล้วประชาชนก็ยกออกไปปล้นค่ายของคนซีเรีย ยอดแป้งจึงขายกันถังละเชเขล และข้าวบารลีสองถังเชเขล ตามพระวจนะของพระเจ้า
ในที่สุดพระกิตติคุณก็รู้กันไปทั่ว กระจายออกไปจนความรอดไปถึงคนทั้งมวล เหมือนหนังสือกิจการ ปัจจุบันผู้เชื่อมีจำนวนมากที่สุด และจะยิ่งกระจายออกไปมากที่สุด
10. นายทหารคนสนิท ไม่เชื่อ ไม่ลิ้มรสความรอด
(7:2, 17)
ฝ่ายพระราชาทรงแต่งตั้งนายทหารคน สนิทให้เป็นนายประตู และประชาชนก็เหยียบไปบนเขาตรงประตู เขาจึงสิ้นชีวิตตามซึ่งคนแห่งพระเจ้าได้กล่าวไว้ในวัน เมื่อพระราชาเสด็จลงมาหาท่าน
ผู้สงสัย คนไม่เชื่อคือคนที่จะไม่ได้รับพระพร และพลาดโอกาส
Click ที่นี่เพื่อฟังคำเทศนา
Follow @bfcbkk
Tweet to @bfcbkk
Visitor 102
อ่านบทความย้อนหลัง