น้ำพระทัยอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่อทุกคน
ยน. 17 : 15 – 20
แบ่งปัน วันศุกร์ 22 มีค. 2014
เป็นคำอธิษฐานของพระเยซู ที่สะท้อนถึงความรักและห่วงไยเราทั้งหลาย พระองค์ไม่ได้แยกเราจากโลกนี้ แต่ทรงให้
เราอยู่ในโลกนี้ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระองค์ด้วยถ้อยคำของเราที่เชื่อในพระเจ้าจะได้รับความรอด ได้รับการทรง
ไถ่ให้พ้นจากความผิดความบาป พระเยซูเท่านั้นเป็นทางแห่งความรอดที่อื่นไม่มีเลย พระเยซูได้เสด็จมาและทำ
งานของพระองค์จนสำเร็จที่ไม้กางเขน แต่งานของเราทั้งหลายยังไม่จบสิ้นถ้าถ้อยคำของเรายังไม่ทำให้คนบาปได้วาง
ใจในพระองค์ พระองค์จึงประสงค์ให้เราอยู่ในโลกนี้ และ ทรงบัญชาเรา ที่เราเรียกพระมหาบัญชา (มธ. 28: 19-20
มก. 16 : 15 ลก. 24 : 47 ยน. 20: 21 กจ. 1: 8) นี่ไม่ใช่คำสอนของพระองค์ แต่เป็นคำสั่งสุดท้าย คำสั่งนี้พระ
องค์ทรงสั่งเราทุกคน ดังนั้นทุกคนที่เชื่อพระเจ้าจึงไม่สามารถละเลยคำสั่งนี้ได้เลย การละเลยคำสั่งนี้ทุกคนอาจต้อง
รับผิดชอบ เราจึงเหมือนการเป็นยาม (อสค. 3:18) พระเยซูเสด็จมาในโลกนี้มีเป้าหมายเพื่อการไถ่มวลมนุษย์ พระ
เยซูเท่านั้นชำระความบาปผิดของมนุษย์ได้ (กจ. 4: 12) เราทุกคนจึงเป็นทูตของพระองค์ และ เวลาของเราเอง
ก็เหลือไม่มา ต้องเร่งวันเวลาการทำงาน เมื่อยังมีโอกาส ชีวิตของเราจะมีความหมายเมื่อได้ประกาศข่าวประเสร็จ
ของพระผู้เป็นเจ้า (ยน. 9:4, กจ. 20: 24-25)
เราไม่ควรจดจ่อว่า เมื่อไรพระเยซูจะเสด็จมา เมื่องานเราเสร็จพระองค์ก็จะเสด็จมา ดังนั้นเราจึงควรจดจ่อกับพระ
มหาบัญชาของพระองค์มากกว่าการจะเฝ้ามองการเสด็จมา (กจ. 1: 7-8) มารซาตานก็จะคอยเบี่ยงเบนงานของเรา
เป็นงานอื่นไปอยู่เสมอ ๆ ทำให้งานที่พระองค์ทรงบัญชาไว้สำเร็จช้าลง พระองค์ก็เสด็จมาช้าเมื่อเราหลงกลมาร
เราควรมุ่งมั่นตามพระบัญชา เพราะงานพระองค์เสร็จแล้ว งานเรายังไม่เสร็จ (ลก.9:62) มารซาตานรู้ว่าเวลา
พระองค์เสด็จมาเมื่อไร มารก็ถูกขังทันที
พระองค์ทรงห่วงไยเรามาก เมื่อเราอ่านคำอธิษฐานของพระเยซู ยน. 17 : 1-26 พระเจ้าทรงประทานทุกสิ่งให้เรา
ถ้าเราจดจ่อและรู้ว่าชีวิตนี้เราอยู่เพื่อพระองค์ เข้าใจน้ำพระทัยของพระองค์ (มธ. 6: 33) หากเราต้องการให้พระ
องค์ใช้ชีวิตของเรา เราต้องห่วงไยในสิ่งที่พระองค์ทรงห่วงไย สิ่งที่พระองค์ทรงห่วงไยมีสิ่งเดียว คือดวงวิญญาณจิต
ของมนุษย์ในโลกนี้
ขอพระเจ้าอวยพระพร
|