หน้าหลัก
แนะนำเวปไซท์
ความรู้พระคัมภีร์
แนะนำคริสตจักร
ติดต่อเรา
พลังประจำสัปดาห์
ของฝากจากสูจิบัตร
ลับสมอง ประลองปัญญา
บ้านดีมีสุข
ข่าวประเสริฐ
เรื่องน่าประทับใจ
เพลงชีวิตคริสเตียน
มุมเยาวชน
บทกลอนสอนใจ
ข่าวสารน่ารู้
คำเทศนา
วันพิเศษเหตุการณ์สำคัญ
ศูนย์ฝึกอบรมผู้รับใช้
พันธกิจของเรา
ความยินดีของพระเยซู
ศบ.
“เพราะพระเจ้าทรงปรีดีในประชากรของพระองค์”
(สดุดี 149:4)
เราที่อยู่ในโลกล้วนอยากได้ความสุขความยินดีกันทั้งนั้น มีผู้แนะนำวิธีสร้างชีวิตให้รื่นรมย์มากมากมาย หลายหลากวิธี เช่น ไปหาอาหารอร่อย ๆ ทาน เล่นกับเด็ก ๆ เล่นให้เหมือนเด็ก เล่นกับสัตว์เลี้ยง ท่องเที่ยว ยิ้มให้มาก หัดหัวเราะ หรือร้องเพลงเสียงดัง ฝึกเต้นรำ ฟังเพลงที่ปลุกเร้าใจ สมัครเป็นสตรีหรือบุรุษอาสา ออกกำลังกายแต่เช้า ตื่นให้ทันพระอาทิตย์ขึ้น ท่องจำบทกลอนดี ๆ งีบเสียบ้าง ตั้งเป้าทำอะไรสักอย่าง และทำให้สำเร็จ ที่เขียนมานี้ ผมคัดมาจากคำแนะนำของคนโน่นนี่นั่น คนไทยบางคนยังแนะนำว่า ทำสมองให้ว่าง หาที่ที่สงบ ก็จะได้ความยินดี บริษัทขายบ้านจัดสรร ชอบชูประเด็นว่า บ้านเขาดีมีสุข เพราะร่มรื่น เงียบสงบ บริษัทเหล้ายี่ห้อหนึ่ง แนะนำให้ดื่มเหล้าบริษัทเขาบอกว่าเป็น “ความสุขที่คุณดื่มได้” เอาเข้าจริง เมื่อเราใช้ชีวิต เราก็มีเรื่องชวนให้เศร้าแทบทุกวัน แล้วตำราอะไรที่เขียนมา ช่วยเราไม่ได้ จนอยากเผามันทิ้ง สุดท้ายก็มีคนสอนให้รู้จักปลงความทุกข์ เบนสมองจากความทุกข์ใจ มาสร้างสุขแทน
วันนี้ขอพูดเรื่องความยินดีของพระเยซู
ปกติ เราเรียกพระเยซูว่า “เป็นบุรุษแห่งความเศร้าหมอง” ที่เรียกอย่างนี้ก็เพราะ อิสยาห์ 53:3 บอกว่า พระองค์ทรงคุ้นเคยกับความเจ็บปวด ซึ่งก็เป็นความจริง เมื่อพระองค์ประทับในโลก ทรงถูกโจมตี ถูกดูหมิ่น ถูกเฆี่ยน จนกระทั่งถูกตรึงที่ไม้กางเขน ไม่มีใครทนทุกข์เท่าพระเยซู หนักยิ่งกว่านั้น คือ พระองค์ทรงทุกข์เพราะบาปของเรา ผมจะบอกให้ ทำไมพระองค์ได้ชื่อว่าเป็นบุรุษแห่งความเศร้า ก็เพราะพระองค์ทรงรักมนุษย์ทั้งหลาย ความรักที่ทรงมีให้เรานั้น สูงส่ง
พระเยซู มีความยินดี เมื่อใดบ้าง
1) ยินดีเมื่อทรงสร้างเรา สดุดี 104: 31 กล่าวว่า “พระเจ้าทรงเปรมปรีดิ์ในบรรดาพระราชกิจของพระองค์“ เมื่อพระเจ้าสร้างสรรพสิ่งต่างในโลกนี้ พระเยซูทรงร่วมสร้างกับพระบิดา ( ยน 1:3) อ่านปฐมกาล เรื่องการสร้างโลก มันช่างเหมือน พ่อหนุ่มสร้างเรือนหอ ต้อนรับเจ้าสาว เริ่มมาแต่วางฐานราก ขึ้นเสา มุงหลังคา ตีฝา เพดาน จนกระทั่งถึงการตกแต่งภายใน ปลูกต้นไม้ใหญ่น้อย สวนหย่อม ธารน้ำ จนถึงสัตว์เลี้ยง ทุกขั้นตอน พระองค์ทรงสรุปว่า “ทรงเห็นว่าดี” แล้วที่สุด ก็ทรงสร้างเราขึ้น เหมือนรับเจ้าสาวมาอยู่บ้าน “ให้เรา(พระบิดา พระบุตร พระวิญญาณ) สร้างมนุษย์ขึ้น ตามอย่างฉายาของเรา ตามอย่างฉายาของเรา ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง” วันนี้ เรารู้หรือเปล่าว่าพระเจ้าทรงรักเราแค่ไหน เพียงไร
2) ยินดีเมื่อทรงเตรียมสิ่งดีให้เรา “พระเจ้าผู้ทรงประทานทุกสิ่ง เพื่อความสะดวกสบายของเรา” (1 ทธ 6:17) ย้อนกลับไปยังสวนเอเดน เมื่อพระเจ้าสร้างมนุษย์คู่แรก ทุกอย่างที่ทรงสร้างนั้น เพื่อประโยชน์สุขของเรา ให้เราได้อิ่มเอม อากาศที่สดชื่น ต้นไม้เขียวชอุ่ม ดอกไม้หลากสี สดสวย ผลหมากรากไม้อุดม หวานหอม น่าดูน่ากิน ธารน้ำใสไหลเย็นรดแมกไม้ (ปฐก 2:8-13) แน่นอน ทรงสร้างด้วยพระปัญญาล้ำเลิศ สร้างทุเรียนหมอนทอง รสชาติกลมกล่อม ที่พ่อครัวคนไหนในโลกก็ทำขนมอร่อยได้ไม่เทียบ บรรจุไว้ในแพคเก็ทที่ทำด้วยหนาม ทำริ้วรอยไว้ให้เราแกะแพคเก็ตนี้ง่าย ๆ ยิ่งกว่าถุงปลาสติก ที่บากให้เราฉีกปากถุงได้เสียด้วย วันนี้เราสุขสำราญกับธรรมชาติรอบตัว สิ่งที่เราควรรู้ คือพระองค์ทรงมีความสุข ทรงปรีดาปราโมทย์ เมื่อทรงสร้างสิ่งเหล่านี้ ตอนภรรยาและผมจะมีลูกคนแรก เราตื่นเต้นไม่น้อย ผมแต่งห้องนอน หาสติ๊กเกอร์การ์ตูนมาติดที่ตู้เสื้อผ้า เตรียมเครื่องใช้ไม้สอย ของเล่นเด็ก หาคู่มือการเลี้ยงลูกมาอ่าน ตามประสาคนไม่เคยเป็นพ่อ มันไม่ได้เป็นภาระ ตรงข้ามยิ่งคิดประดิษฐ์โน่นประดิษฐ์นี่ เราสนุกสนานครับ ตอนลูกคนแรกคลอด ผมเขียนการ์ด แจกคนที่เคารพนับถือหลายคน ว่าเรามีลูกชาย “We have A Baby Boy!” ดาร์ลีน คันนิ่งแฮม เขียนจดหมายแสดงความยินดีกลับมา บอกผมว่า “ขอแสดงความยินดี คุณเป็นพ่อคนแล้ว เดี๋ยวนี้ คุณจะรู้จักพระทัยพระบิดาดีขึ้นเยอะ” ผมว่าเธอพูดถูก เพราะ แค่ผมตื่นเต้นที่มีลูก ผมซาบซึ้งยิ่งขึ้นว่า พระเจ้าทรงตื่นเต้น ปรีด์เปรมในพระทัยแค่ไหนเมื่อพระองค์ทรงสร้าง และจัดเตรียมสิ่งดีต่าง ๆ ในโลกให้เรา
3) ทรงชื่นชมยินดีเมื่อเตรียมความรอดให้ เมื่อมนุษย์ทำบาป พระเจ้าทรงโศกเศร้าในพระทัย เกินคำบรรยาย ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้พระองค์ทุกข์เท่าเทียม การที่มนุษย์ที่พระองค์ทรงรักหันหลังให้พระองค์ นี่เองที่พระเยซูถูกขนานนามว่า “บุรุษแห่งความเศร้า” แค่เราที่เป็นพ่อของลูกในโลก เวลาลูกที่เรารักออกนอกทาง ดื้อดึง เราก็ยังสัมผัสความทุกข์โศก และรู้ว่ามันสาหัสสากันแค่ไหน ถึงกระนั้น ความเศร้าของเรา ยังไม่อาจเทียบกับ ความทุกข์โศกในพระทัยของพระองค์ ถามว่า แล้วพระองค์สิ้นหวังหรือ ทอดอาลัยตายอยากหรือ ตรงกันข้าม พระเจ้าทรงคาดหวังการกลับมาของเรา ที่ทำความผิดบาป ยิ่งกว่านั้น พระองค์ทรงหาหนทางนำเรากลับคืนมา การเสด็จเข้ามาในโลก การวายพระชนม์ที่ไม้กางเขนเป็นช่องทางอันเป็นพระดำริของพระเจ้า ที่มารมิได้ล่วงรู้ แต่พระองค์ทรงทุ่มเทชีวิตลงเพื่อกู้เรากลับคืนมา
นี่เอง เมื่อพระเยซูแบกไม้กางเขน ถูกตรึงด้วยความเจ็บปวด ผู้เขียนพระธรรมฮีบรู บรรยายว่า “พระองค์ได้ทรงอดทนต่อกางเขน เพื่อความเริงยินดี ที่เตรียมไว้สำหรับพระองค์ ทรงถือว่าความละอายนั้น ไม่เป็นสิ่งสำคัญ” ( ฮีบรู 12:2) นึกถึงคนเลี้ยงแกะที่ตามหาลูกแกะหาย เขาเดินไปตามภูเขา ปีนหน้าผา ถูกหินบาด หนามตำ แดดเปรี้ยงกลางวัน นอนตากน้ำค้างกลางคืน หนาวเหน็บ เปียกปอนเมื่อฝนตก ถามว่าผู้เลี้ยงเศร้าไหม เปล่าเลย ความยากลำบากที่ตนต้องอดตาหลับขับตานอน นั้นซ่อนไว้ด้วยความปิติยินดี ขณะตามหาลูกแกะเพราะรัก ผมเคยพาลูกที่ถูกหมากัดคลุกฝุ่นยับเยิน ไปโรงพยาบาล ทั้งตกใจทั้งรีบเร่งขับรถให้ไปถึงหมอ เหงื่อท่วมตัวผมเชียว แต่ลึก ๆในใจนั้นซ่อนไว้ด้วยความยินดี เพราะนี่คือหนทางของการแก้ไขที่ดีที่สุด ลองอยู่เฉย ๆ ซิ นั่งรอนอนรอ อยู่ที่บ้าน เราจะเอาความปิติยินดีมาแต่ไหน พระเยซูไม่ได้รอในสวรรค์ เมื่อพระเยซู ทรงแบกกางเขน จึงแบกด้วยพระทัยยินดี วันนี้ เช่นเดียวกัน เมื่อเราออกไปประกาศ ตื่นแต่เช้า นอนดึก ควักเงินทองในกระเป๋า แต่มันซ่อนไว้ด้วยใจยินดี เพราะคนที่พระเจ้ารักกำลังจะรอด
4) ทรงชื่นชมยินดี เมื่อคนได้รับความรอด
พระองค์เองทรงบรรยายว่า ผู้เลี้ยงที่ตามหาลูกแกะ แบกแกะตัวเดียวกับมาบ้านนั้น “เมื่อพบแล้ว เขาก็ยกขึ้นใส่บ่า แบกมาด้วยความเปรมปรีด์ เมื่อถึงบ้านแล้วจึงเชิญพวกมิตรสหาย และเพื่อนบ้านให้มาพร้อมกัน พูดกับเขาว่า “จงเปรมปรีด์กับข้าพเจ้าเถิด เพราะข้าพเจ้าได้พบแกะของข้าพเจ้า ที่หายไปนั้นแล้ว” (ลูกา 15:5-6) หญิงที่ทำเหรียญหาย ได้เหรียญคืน ยินดียิ่ง และพ่อของบุตรน้อย เมื่อได้ลูกกลับมา ก็ดีใจที่สุด จัดงานเลี้ยงเอิกเกริก ถ้าเป็นบ้านเราก็ล้มวัวล้มควายจัดงานเลี้ยงใหญ่ เรื่องทั้งหมดนี้สะท้อนพระทัยพระเยซู พระองค์ทรงดีพระเจ้าแค่ไหนที่เรากลับใจใหม่มาหาพระองค์ ไม่มีความยินดีอันใดยิ่งใหญ่กว่านี้ พระองค์ตรัสว่า ถ้าผู้ใดได้ทรัพย์ทั้งโลก แต่ต้องสูญเสียชีวิตจะมีประโยชน์อะไร ใครจะเอาอะไรมาแลกกับชีวิต และผมก็อยากพูดตรงนี้ว่า ไม่มีงานอันใดมีค่าเท่านี้ ไม่มีงานอะไรในชีวิตที่น่าลงทุน เท่ากับการทุ่มเท นำวิญญาณผู้คนให้กลับมาหาพระเจ้า รับความรอด ไม่มีอะไรที่นำความปิติยินดี มาทูลถวายแด่พระเยซู เท่ากับการนำคนมารับความรอด
5) ทรงเปรมปรีด์เมื่อเราเชื่อฟัง
“พระเจ้าทรงปรีดีในประชากรของพระองค์” ขณะที่คนจำนวนมาก ปฏิเสธพระองค์ ทำให้พระเจ้าเศร้าพระทัย สิ่งที่สร้างความชื่นพระทัยก็คือ ลูกที่เชื่อฟัง “พระองค์ทรงเปรมปรีด์เพราะเจ้า ด้วยความยินดี พระองค์ทรงรื้อฟื้นเจ้าใหม่ ด้วยความรักของพระองค์ พระองค์ทรงเริงโลดเพราะเจ้า ด้วยร้องเพลงเสียงดัง ดั่งในวันทีมีงานเลี้ยง” ( เศฟันยาห์ 3:17-18) เมื่อพระเจ้าทรงสร้างคนเรา สิ่งที่ทำให้พระองค์มีความสุขที่สุด คือ ความสัมพันธ์กับเราเหมือนอาดัมอาวาสนิทสนมกับพระเจ้าในสวนเอเดน ในชีวิตสมรส สิ่งสำคัญที่สุดคือความผูกพันอันหวานชื่นระหว่างสามีภรรยา บทเพลงซาโลมอน บรรยายความผูกพันของเจ้าบ่าวเจ้าสาว โดยเปรียบเรากับพระเยซูคริสต์ ชื่นกันทั้งสองฝ่าย พระเยซูตรัสกับสาวกว่า “พระบิดารักเราฉันใด เราก็รักท่านทั้งหลายฉันนั้น” (ยอห์น 15:9) หากเรารักพระเยซู เราจะต้องไม่ออกนอกทาง แต่เป็นลูกที่เชื่อฟังเสมอ “นี่คือสิ่งที่เราได้บอกท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราดำรงอยู่ในท่าน และให้ความยินดีของท่านเต็มเปี่ยม” (ยอห์น 15:11) พระองค์จะทรงชื่นชมยินดีแค่ไหน เมื่อเรามีเวลาเข้าเฝ้าพระองค์ประจำวัน ระบายความในใจ และรับฟังพระดำรัสของพระองค์
6) ทรงชื่นชมยินดี ทำพระทัยพระบิดาให้สำเร็จ
นี่คือพระราชกิจที่พระเยซูทรงกระทำไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ขณะอยู่ในโลก หมอลูกาบันทึกว่า พระองค์ทรงเปรมปรีด์ในพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่พระบิดาทรงเปิดตา ให้บุคคลผู้เล็กน้อย ต่ำต้อย เข้าใจ (ลูกา 10:21) เมื่อพระเยซูนำหญิงชาวสะมาเรียให้กลับใจเป็นคนใหม่ ที่บ่อน้ำของยาโคบ พอพวกสาวกเดินทางกลับมา ทูลเชิญพระองค์รับประทานอาหาร แต่พระองค์ตรัสว่า “เรามีอาหารรับประทานที่ท่านไม่รู้” พวกสาวกคงเห็นความอิ่มเอิบที่พระพักตร์จึง ถามพระองค์ว่า “ใครเอาอาหารมาถวายพระองค์แล้วหรือ” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “อาหารของเราคือการกระทำตามพระทัยพระบิดา พระองค์ผู้ทรงใช้เรามา และทำงานของพระองค์ให้สำเร็จ” พจนานุกรมฉบับหนึ่ง เขียนไว้ว่า ความยินดี คือ อารมณ์ ที่เกิดเมื่อเรา ได้สิ่งที่ชื่นชอบ หรือประสบความสำเร็จ พระองค์ อิ่มเอม เพื่อทำให้พระทัยพระบิดาประสบความสำเร็จ ปกติคนเราชื่นใจเมื่อได้ทานของอร่อย ๆ หรือไปยังสถานบันเทิง แต่ ความยินดีของพระเยซู คือ การนำวิญญาณ และมุ่งมั่นให้พระราชกิจพระบิดาสำเร็จ วันนี้ การนำคนไทยมาหาพระเจ้า เป็นงานใหญ่ที่ดักหน้าเรา ไม่ใช่ ทำได้ก็ดี ไม่ได้ก็แล้วไป ถึงก็ชั่งไม่ถึงก็ชั่ง แต่มุ่งทำให้สำเร็จ “แล้วคนหว่านและคนเกี่ยวจะชื่นชมยินดีด้วยกัน” (ยอห์น 4:36)
แล้วเราจะไม่มุ่งหน้า ทำให้พระเยซูปิติยินดีหรือ
Follow @bfcbkk
Tweet to @bfcbkk
Visitor 222
อ่านบทความย้อนหลัง