หน้าหลัก
แนะนำเวปไซท์
ความรู้พระคัมภีร์
แนะนำคริสตจักร
ติดต่อเรา
พลังประจำสัปดาห์
ของฝากจากสูจิบัตร
ลับสมอง ประลองปัญญา
บ้านดีมีสุข
ข่าวประเสริฐ
เรื่องน่าประทับใจ
เพลงชีวิตคริสเตียน
มุมเยาวชน
บทกลอนสอนใจ
ข่าวสารน่ารู้
คำเทศนา
วันพิเศษเหตุการณ์สำคัญ
ศูนย์ฝึกอบรมผู้รับใช้
พันธกิจของเรา
วันนี้คุณคุยกับลูกกี่คำ
สวัสดีค่ะพี่น้องทุก ๆ ท่าน
บ้านคุณมีปัญหาบ้างไหมคะ?
มีแน่นอน อ้อ!! ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเป็นเรื่องเลวร้ายอะไรเลย เพราะไม่มีบ้านไหนบนโลกอันยุ่งเหยิงสับสนวุ่นวายใบนี้ ที่ดำรงอยู่อย่างราบรื่น ใสสว่างวาววับประดุจกระจกเงา ที่ไม่มีแม้รอยข่วนเท่าเส้นผม ตราบสิ้นอายุขัยของบ้านหลังนั้น
เรื่องราวของปัญหาที่ทุกบ้าน
มีมาตั้งแต่ครั้งพระเจ้าสร้างโลก เมื่อพระองค์สร้างชายหญิงคู่แรก สร้างครอบครัวแรก สร้างบ้านหลังแรก ปัญหาก็เกิดตามมา และเกิดขึ้นเรื่อยมาจนปัจจุบัน ยังจะเกิดต่อๆ ไปอีกในอนาคต จนกว่าพระเยซูคริสต์ จะเสด็จลงมาเพื่อยุติปัญหาต่าง ๆ ให้จบสิ้นไม่เกิดขึ้นอีกเป็นนิตย์นิรันดร์ เนื้อเรื่องความจริงของสรรพสิ่งและสรรพชีวิต มีให้ค้นหาอ่านได้ในหนังสือที่ดีที่สุดในโลก เสนอข้อเท็จจริงที่จริงที่สุดในโลก และมีคนอ่านมากที่สุดในโลก คุณต้องไม่พลาดอ่านหนังสือเล่มนี้ หนังสือพระคริสตธรรมคัมภีร์ค่ะ ถ้าคุณไม่ทราบจะหาซื้อได้ที่ไหน หรือต้องการรู้ต้นกำเนิดของจักรวาลตลอดจนสรรพสิ่งทั้งหลาย ติดต่อขอข้อมูลได้ที่
คริสตจักรสามัคคีธรรมกรุงเทพ
โทร.02-331-0861 ต่อ 101
ยินดีที่ได้รับใช้คุณค่ะ
ทุกครอบครัว ทุกบ้านไม่เคยร้างปัญหา มีมากบ้างน้อยบ้าง เรื่องเล็กบ้างเรื่องใหญ่บ้าง แต่ละเรื่องเมื่อถึงจุดจบผลลัพธ์ ย่อมขึ้นอยู่กับวิธีการแก้ปัญหาของผู้เกี่ยวข้องทุกคน และปัญหาภายในบ้านย่อมเกี่ยวโยงไปยัง พ่อ-แม่-ลูก-ญาติโกโหติกา-มิตรสหาย-เพื่อนบ้าน แต่วันนี้เราจะคุยกันเฉพาะประเด็นบุคคลในบ้านเท่านั้น
หลายครั้งปัญหาในบ้าน เกิดจากความห่างเหิน ทั้งที่อยู่ใกล้ชิดกัน คุณคิดยังไงกับคำกล่าวที่ว่า รักกันถึงอยู่ห่างไกลสุดขอบฟ้าเขาเขียวก็เหมือนอยู่ใกล้ชิดติดกัน แต่ชังกันแม้อยู่แนบชิดสนิทใกล้กันเหมือนห่างไกลกันเป็นร้อยโยชน์
คุณว่าจริงไหม? ทำไมจึงเป็นอย่างนี้?
อะไรทำให้เกิดช่องว่าง ความเหินห่าง ทั้งที่อยู่บ้านเดียวกัน นอนใต้หลังคาเดียวกัน กินข้าวหม้อเดียวกัน อยู่ด้วยกันเป็นปี ๆ
ฉันคิดว่า คุณรู้ค่ะ คุณเห็นแล้วว่าต้นตอของปัญหาทั้งหมด คือ การขาดการสื่อสาร พูดกันง่าย ๆ ฟังชัดเจนคือ ไม่มีการคุยกัน ลูกไม่อยากคุยกับพ่อแม่ คุยทีไรถูกด่าทุกที พ่อแม่เมื่อลูกพูดไม่รู้จักฟัง พี่ไม่อยากคุยกับน้องคุยกันไม่รู้เรื่อง น้องก็เหม็นหน้าพี่ถือว่าโตกว่าเอาแต่แอ๊ด ๆ ใส่ บางบ้านพ่อ-แม่ออกไปทำงานแต่เช้า ลูกตื่นสายเป็นหน้าที่ของแม่บ้านคอยดูแล ตกเย็นกว่า พ่อ-แม่ จะกลับลูกหลับไปแล้ว
หรือลูกเพลินทำกิจกรรมอะไรไม่รู้อยู่นอกบ้านจนดึกดื่นย่องเข้าบ้าน ทุกคนรวมทั้ง พ่อ-แม่ หลับกันหมดแล้ว เลยไม่ค่อยได้เจอะเจอหน้ากันทั้ง ๆ ที่อยู่บ้านเดียวกัน คุยกันน้อยมาก ฉันจึงถามคุณไงคะว่า
วันนี้คุณคุยกับลูกกี่คำ?
ถ้าคุณตอบได้ว่า
วันนี้คุณคุยกับลูกกี่คำ
ระวังสัญญาณอันตราย กำลังก่อตัวเตรียมฟักตัวเป็นปัญหาลูกมหึมาใหญ่กว่าสึนามิ พร้อมถล่มบ้านของคุณแล้ว ฉันพูดจริง ๆ ไม่ได้ล้อเล่นนะคะ เพราะปัญหาชีวิตทุกปัญหาไม่มีปัญหาใดเล็กน้อยจนไม่ต้องสนใจก็ได้ หลายคนโดยเฉพาะคนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องน้ำตาตกหัวใจแตกสลายมีเป็นข่าวให้รับรู้อยู่บ่อย ๆ เพราะชอบคิดว่า
ไม่เป็นไร
กว่าจะรู้ว่า
เป็นไร
ก็
สายเกินแก้
ฉันเชื่อว่าสมาชิกใน
บ้านดีมีสุข
ของพวกเราทุกคน รู้ถึงปัญหานี้ พวกเราทุกคนในบ้านจึงคุยกันทุกวัน และคุยกันทุกคนด้วย
คนอยู่บ้านเดียวกัน ต้องคุยกันมากพอจนไม่อาจนับออกมาเป็นจำนวนคำได้ อาจมีการถกเถียงปึงปังกันบ้าง เออออห่อหมกด้วยกัน หัวเราะกัน เครียดบ้าง โกรธกันนิด ๆ น้อยใจกันหน่อย ๆ ไม่ถูกใจกันบ้าง แต่ทั้งหลายทั้งมวลอยู่บนพื้นฐานของความรักใคร่ห่วงใยอาทรซึ่งกันและกัน ช่วยกันแก้ปัญหา ช่วยกันติเตือน ชมเชยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน บรรยากาศดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ จากความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของทุกคนในบ้าน และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันนี้จะเกิดขึ้นได้ เมื่อทุกคนเปิดเผยชีวิตซึ่งกันและกัน ไม่มีความลับต่อกัน เคารพสถานะของแต่ละคน และนั่นหมายถึงว่า ทุกคนในบ้านต้องมีเวลาพูดคุยกันทุกวัน เอาใจใส่ซึ่งกันและกัน ไว้วางใจกัน ศรัทธาเชื่อมั่นกัน เสาหลักของบ้านคือ พ่อ-แม่ ต้องมั่นคงเข้มแข็งเข้าใจชีวิต สามารถเป็นที่พึ่งและที่พักพิงให้ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย กับลูกทุกคน ขอย้ำว่าสำคัญมากที่สุดลูกทุกคนจริง ๆ นะคะ
ถ้าคุณไม่ค่อยคุยกับลูก หรือคุยกับลูกบางคน
(ถามใจตัวเองว่าลำเอียงหรือเปล่า ถ้าใช่! เลิกลำเอียงเดี๋ยวนี้ ก่อนที่จะทำลายจิตใจลูกมากไปกว่านี้ และไปก่อปัญหาไม่รู้จบในอนาคต) คุณต้องเริ่มคุยกับลูกทุกคนอย่างทั่วถึง ไม่น้อยหรือมากกว่ากันจนลูกจับสังเกตได้ วันนี้คุณเองที่เป็นพ่อเป็นแม่ ผ่านร้อนผ่านฝนเผชิญหนาวมาหลายปีดีดัก ถ้าเปรียบเป็นต้นไม้ก็ยืนต้นสูงตระหง่าน ให้ร่มเงาต้นไม้ใบหญ้าต้นเล็ก ๆ ที่กำลังจะแตกหน่องอกงามขึ้นมาก็คือลูก ๆ ของคุณเอง คุณจะใจดำสร้างร่มเงาหนาทึบดำมืด บดบังแสง กั้นลมและฝนไม่ให้ประปรายลงมาที่ต้นไม้ เล็ก ๆ เหล่านี้ จนต้องค่อย ๆ เฉาตาย หรือแคระแกรน ไม่อาจแทงยอดเติมใหญ่มั่นคง แข็งแรง เหมือนคุณในอนาคตได้ หรือ คุณจึงต้องเป็นฝ่ายรุก และรุกทันที
ถ้าทุกคนในบ้านคุยกันอยู่แล้วทุกวัน ดีมากค่ะ คุยกันต่อไป
แล้วอย่าลืมหาเรื่องดี ๆ ที่สร้างสรรค์เสริมสร้างสติปัญญา รอบรู้เท่าทันเกมชีวิตที่หลากหลายผันแปรจนแทบตามไม่ทันมาคุยกันนะคะ เพื่อทุกคนจะได้รู้ความจริงของชีวิต ทำให้สามารถเผชิญทุกปัญหาได้อย่างมีสติปัญญา และรับชัยชนะเป็นรางวัล
ถ้าไม่ค่อยได้คุยกับลูก เพราะไม่รู้จะคุยอะไรดี
อย่าคิดมาก เจอหน้าลูกวันนี้ชวนคุยเลย เรื่องสัพเพเหระดินฟ้า อากาศเรื่องอะไรก็ได้ที่ทำให้ต่างฝ่ายต่างสบายใจ ใหม่ ๆ อาจจะเขิน ทำทุกวันชินไปเอง วันไหนไม่ได้คุยกันอาจกินข้าวไม่ลง แต่อย่าชวนคุยเหมือนกำลังจะเสาะหาความจริงว่า ลูกไปไหนมา ไปทำอะไร มีเพื่อนดีไหม ทำไมสอบวิชานั้นเกรดไม่ดี...คนไม่ค่อยได้คุยกัน ขืนซักไซร้ไล่เลียงทำนองนี้ ลูกขวัญหนีดีฝ่อ พ่อแม่เล่นงานเราอีกแล้ว เปิดดีกว่า ขืนอยู่นาน เดี๋ยวงานเข้า บานเบอะรับไม่ไหว สู้ต่างคนต่างอยู่คุยกันนับคำได้น่ะดีแล้ว ทีนี้ความในใจของลูกก็อยู่กับลูก ความในใจของพ่อแม่ก็อยู่กับพ่อแม่ต่อไป สายใยใจไม่มีโอกาสวิ่งมาประสานกันสักที บรรยากาศในบ้าน และสัมพันธ์ภาพระหว่างลูกกับพ่อแม่เลยอึมครึมอึดอัดไปเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้คุณจึงต้องเข้าใจหาเรื่องดี ๆ มาคุยกับลูก ๆ นะคะ
ถ้าคุณไม่ค่อยแน่ใจ ฉันยินดีให้ข้อเสนอแนะค่ะ เพราะฉันคุยกับลูกมานานกว่า 30 ปี แล้ว และยังคุยอยู่ทุกวันนี้ แรก ๆ ก็คุยผิดบ้าง คุยถูกบ้าง จนเดี๋ยวนี้เข้าใจชีวิตมากขึ้น (ขอบคุณพระเยซูค่ะ พระองค์ใหสติปัญญากับฉัน) จึงคุยได้ถูกเรื่องมากขึ้นทุกวัน และลูกก็ชอบคุยกับฉัน บ้านฉันไม่เคยเงียบเหงา อยู่พร้อมหน้ากันคุยกันจนเอียน ฉันจึงมีประสบการณ์เรื่อง การคุยกับลูกค่ะ และยินดีแบ่งปันให้คุณด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง
สำหรับคุณผู้ไม่คุยกับลูก
จะเป็นเพราะงานยุ่งไม่มีเวลา หรือโกรธลูก หรือลูกโกรธคุณไม่อยากพูดด้วย วัน ๆ เลยนับคำได้ว่า วันนี้คุยกันกี่คำ สงสารลูกจังคงว้าเหว่หงอยเหงาทุกข์ใจ แอบร้องไห้อยู่คนเดียว คุณได้ยินเสียงสะอื้นของลูกไหมคะ? อย่าปล่อยจนสายเกินแก้ ณ.นาทีชีวิตนี้ คุณต้องหยิบหลักการตลาด มาแก้ไขอย่างฉับไวทันด่วน ลูกค้าไม่เข้ามาหาไม่เป็นไร เราเจาะตลาดส่งตรงถึงบ้านเลย รายไหนรายนั้นจับได้อยู่หมัด ถ้าสินค้ามีคุณภาพบริการดีประทับใจ แถมราคาเป็นกันเอง ลูกของเราก็เหมือนกัน ลูกไม่มาหาเราด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เราไม่รอช้าเข้าถึงลูกเลยโยนอัตตาตัวเบ้อเริ่มที่ฝังอยู่ในใจของคุณทิ้งลงไปในถังขยะให้รถ กทม.ขนไปฝังกลบที่ไหนก็ได้ ที่ห่างไกลจากชีวิตของคุณชนิดไม่มีวันหวนคืนกลับมาหาคุณได้อีก จากนั้นให้เวลากับลูกอย่างจริงใจ แสดงให้ลูกรู้ด้วยคำพูดด้วยวิธีการคุยกับเขา (รักลูกห่วงลูกแต่ไม่บอกไม่คุยไม่พูดเขาไม่รู้ค่ะ) บอกเขาว่าคุณรักเขา ห่วงใยเขาอยากคุยอยากใกล้ชิดเขา อยากเป็นผู้รู้ใจของเขาจริง ๆ ทำบ่อย ๆ ทำทุกวัน ไม่ช้าลูกจะกลับมาหาคุณ เมื่อนั้นคุณจะรู้สึกว่า คุยกับใครก็ไม่สุขใจเท่าคุยกับลูกของเรา
เวลาที่เหมาะจะคุยกันมากที่สุดอีกเวลา คือระหว่างกินข้าวด้วยกัน
และดีที่สุดคือมื้อค่ำ เนื่องจากไม่มีใครต้องรีบเร่งไปทำกิจกรรมอะไรต่ออีก จึงใช้เวลาร่วมวงคุยกันได้ยาวนานกว่ามื้ออื่น ๆ ควรเริ่มคุยกันด้วยเรื่องอาหารอย่างนั้นดี อย่างนี้มีประโยชน์ รสชาติเป็นไงบ้าง ใครชอบไม่ชอบ ถ้าคุณเป็นแม่บ้านทำอาหารเองลูกติอย่าโกรธ ขืนทำท่าฝึดฟัด เป็นเรื่องแน่จอดไม่ต้องแจว ถ้าคุณเป็นพ่อบ้านกิน ๆ ไปเถอะอย่าพูดมาก คนทำเขาเสียกำลังใจ ถือเสียว่า กินเพื่ออยู่ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน ถ้าคุณเป็นลูกโปรดเห็นใจแม่บ้างท่านทำงานเหนื่อยทั้งวัน กับข้าววันนี้อาจไม่ค่อยอร่อย ก็ขอให้นึกถึงวันที่แม่ทำอร่อยจนคุณหยุดไม่ได้ เพียงแต่ละคนคิดอย่างนี้วงสนทนาก็ไปได้สวย
จากเรื่องอาหารก็วกไปเรื่องข่าวดี ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม เรื่องราวอุทาหรณ์พึงจดจำนำมาใช้ในชีวิตเปิดโอกาสให้ลูก ๆ ได้พูด เมื่อลูกพูด คุณต้องหยุด ฟังเขาพูดอย่างตั้งใจ และต้องฟังทุกครั้ง ฟังจนจบ ห้ามลุกไปที่ไหน และ
เมื่อไรที่ลูกอยากคุยกับคุณ คุณต้องให้เวลาและฟังเขาทุกครั้ง
ถ้าคุณทำเมินเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญที่ต้องฟัง คุณจะเสียใจ เมื่อลูกไม่คุยกับคุณ แต่ไปคุยกับใครไม่อาจรู้ได้ หากในเวลานั้น คุณมีความจำเป็นจริง ๆ มีเทคนิคมากมายที่จะทำให้ลูกรู้ว่าคุณไม่มีเวลาเพราะจำเป็นไม่ใช่ไม่สนใจ เช่นถ้าคุณเป็นช่างเย็บผ้า นัดลูกค้ามารับตอน 4 โมงเย็นวันนี้ ลูกเข้ามาหาคุณตอนบ่าย 1 โมง บอกลูกตรง ๆเลยว่า ขอทำงานให้เสร็จก่อน แล้วจะคุยกัน ความจริงผสมผสานท่าทีของคุณที่ต้องการคุยกับลูกจริง ๆ ลูกสัมผัสได้ เขาจะรอคุณ คุณต้องรักษาคำพูดอย่าทำเป็นลืมเด็ดขาด เสร็จงานแล้วรีบไปหาลูกทันที อย่าคิดว่าถ้าเรื่องสำคัญลูกคงมาหาเอง เพราะถ้าคุณใช้ไม้นี้ แกล้งทำลืม คุณอาจจะเสียลูกไป เพราะลูกจะน้อยใจ โกรธคิดว่าคุณไม่รักเขาจริงไม่สนใจเรื่องของเขา มีปัญหาอะไรไม่อยากบอกพ่อแม่ คิดเองแก้ไขเองหรือปรึกษาเพื่อนดีกว่า แล้วคุณคิดว่าใครจะเป็นที่ปรึกษาดีที่สุดสำหรับลูกคุณล่ะ ถ้าไม่ใช่คุณเอง
การพูดคุยกับลูกทุกวัน ทำให้เกิดความสนิทสนมไว้วางใจกันสามารถเปิดใจกันได้ทุกเรื่อง
เมื่อไม่มีความลับต่อกัน ปัญหาของแต่ละคนจะถูกเทออกมาให้เห็นชัดเจนในวงสนทนา ซึ่งดีมาก ๆ ทุกคนมีโอกาสเสนอทางแก้ไข ระวังอย่าตำหนิ หรือ ปิดกั้น ความคิดของสมาชิกที่เล็กกว่า ด้วยคำพูดทำร้ายจิตใจเขา ทำนองว่า แกไม่รู้เรื่องอะไรอย่าพูด เพราะหลายครั้งแสงสว่างถูกจุดวาบขึ้นมาจากคำพูดของคนที่เราคิดว่าไม่ได้เรื่อง เมื่อปัญหาถูกเปิดเผย วิธีแก้ไขเกิดขึ้น การให้กำลังใจเพื่อทำให้ได้ต้องเกิดตามมาด้วย ควาเมป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ผูกพันแน่นแฟ้นด้วยความรักที่มีต่อกัน เป็นความรักที่ทุกคนในบ้านต้องแสดงให้ทุกคนรับรู้ได้ ความรักที่ถูกเก็บเงียบไว้ในใจไม่มีใครรู้ ไม่เกิดผลดีอะไร
เปรียบเหมือนคุณได้กินมะม่วงพันธุ์ดี แล้วอยากปลูกมะม่วงต้นนี้ในบ้านให้ทุกคนได้ลิ้มรสบ้าง แต่คุณเอาเมล็ดพันธุ์ไปฝังดินไว้ ไม่รดน้ำไม่ใส่ปุ๋ย ไม่บอกใคร แถมยังยกหินก้อนใหญ่หนักอึ้งมาทับบนดินที่ฝังเมล็ดมะม่วงนั้นอีกแล้วคุณก็ได้แต่รอให้มะม่วงแตกยอด เมื่อมันไม่อาจแตกยอด เพราะคุณเองแต่คุณไม่รู้ คุณก็ได้แต่บ่นคร่ำครวญอยู่คนเดียว ทุกข์ใจอยู่คนเดียวอันเนื่องมาจากอยากให้ทุกคนในบ้านได้กินมะม่วง แต่มะม่วงไม่เกิดสักที ทีนี้ถ้าคุณทำใหม่ บอกทุกคนว่าคุณกำลังปลูกต้นมะม่วงพันธุ์ดี ขอความร่วมมือทุกคนช่วยรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ย เชื่อโดยไม่ต้องดีดลูกคิดเลยว่า คุณกับลูก ๆ ได้กินมะม่วงอร่อย ๆ แถมมีมากพอไปฝากใครต่อใครด้วย
ความรักก็เช่นเดียวกัน ต้องหมั่นรดน้ำพรวนดิน
แสดงให้เห็นให้รู้อยู่ทุกวัน กระตุ้นไม่ให้ความรักนั้นจืดจางเยือกเย็นลง และเครื่องมือสำคัญที่ต้องนำมาใช้ทุกวันให้ทุกคนได้ประจักษ์ในความรักความเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน คือ การคุยกัน คุยกันอย่างมีความเข้าใจ คุยกันอย่างเห็นอกเห็นใจ คุยกันด้วยความรัก คุยกันแล้วก็คุยกัน เมื่อนั้นปัญหาดั่งขุนเขาหนักอึ้งจะถูกทำลายลงไป ด้วยการผนึกกำลังของคุณกับทุกคนในบ้านคุณ
เอาละค่ะ คุยกันมาพอหอมหอมคอแล้ว พอก่อนนะคะ ลูก ๆ ลังรอคุยกับฉันอยู่ และโน่นแน่ะ...ลูก ๆ ของคุณกำลังรอคุยกับคุณด้วยเหมือนกัน เชิญเลยค่ะ แล้วพบกันใหม่นะคะ
ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรค่ะ
ข้อคิดจากพระคัมภีร์
จงตีสอนบุตรชายของตนเมื่อยังมีความหวัง อย่าจงใจให้เขาถึงพินาศไป
(สุภาษิต 19:18)
ท้องจะอิ่มก็จากผลแห่งปากของเขา เขาหนำใจเพราะผลอันเกิดจากริมฝีปากของตน ความตาย ความเป็น อยู่ที่อำนาจของลิ้น และบรรดาผู้ที่รักมันก็จะกินผลของมัน
(สุภาษิต 18:20-21)
จงให้เขา และท่านจะได้รับด้วย และในตักของท่านะจได้รับตามด้วยทะนานถ้วนยัดสั่นแน่นพูนล้นใส่ให้ เพราะว่าท่านจะตวงให้เขาด้วยทะนานอันใด พระเจ้าจะได้ทรงตวงให้ท่านด้วยทะนานอันนั้น
(ลูกา 6:38)
Follow @bfcbkk
Tweet to @bfcbkk
Visitor 159
อ่านบทความย้อนหลัง