|
วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม 2008
ทำไมฉันจึงรักพระเยซู |
สวัสดีค่ะพี่น้องทุก ๆ ท่าน
คุยกันมาหลายอาทิตย์แล้ว วันนี้ขอถามพี่น้องตรง ๆ สักเรื่องได้ไหมคะ อย่าหาว่าเสียมารยาทเลยนะคะ แต่ถ้าจะต่อว่าจริง ๆ ก็ยอมค่ะ คำถามมีอยู่ว่า
คุณคิดว่า คุณรักใครคะ
แล้วคุณคิดว่า มีใครรักคุณไหมคะ
รัก ที่ว่านี้เป็น รัก จริง ๆ นะคะ เป็นความรักที่พร้อมจะเสียสละให้ได้ทุกสิ่งทุกอย่างของตัวเองแม้กระทั่ง ชีวิต เพื่อคนที่เรารัก โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น
ฉันเคยถามตัวเองว่า ฉันรักใคร คำตอบคือ รักพ่อแม่ รักลูก รักสามี รักคนโน้น รักคนนี้ แต่อดสงสัยใจตัวเองเหมือนกันว่า ฉันรักพวกเขาจริง ๆ หรือ ฉันทำอะไร ให้พวกเขาบ้าง ฉันคิดอย่างไรเวลาพวกเขาขัดใจฉัน ฉันรู้สึกอย่างไรยามที่เขาทำให้ฉันพอใจ
| |
ฉันรักพวกเขา เพราะคิดว่าพวกเขา เป็นของฉัน หรือฉันรักพวกเขา เพราะฉันรักพวกเขาจริง ๆ โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ พูดไปพูดมาชักงง งงจริง ๆ ถ้างั้นกลับมาอีกคำถาม
มีใครรักคุณไหมคะ ถ้าคำตอบคือ มีเยอะเลย ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ
แต่ถ้าคำตอบคือ ไม่มี หรือ ไม่รู้เหมือนกัน หรือ ก็สงสัยอยู่ นั่นแสดงว่าคุณกำลังมีความรู้สึก น้อยอกน้อยใจ คนรอบข้างเอามาก ๆ หรือไม่คุณก็เป็น คนที่ชอบคิดถึงแต่ตัวเองเท่านั้น (ขอโทษที่ต้องพูดตรง ๆ) เพราะในความเป็นจริง ไม่มีคนไหนที่เกิดมาแล้ว (แม้แต่คนที่ไม่มีโอกาสได้เกิด) จะไม่มีคนรัก เพียงแต่ว่ามี อะไร บางอย่างมาปิดกั้นใจจนไม่อาจรู้สึก หรือ รับรู้ ได้ถึงความรักนั้น
ไม่เป็นไร คุยกันคราวหน้า เราจะมาช่วยกัน ค้นหา ความรักที่ถูกคุณหลงลืมไป เพราะ ความรัก นั้นมีมากมายรอบ ๆ ตัวคุณจริง ๆ
กลับมาคำถามเดิม คุณรักใคร ถ้าคำตอบคือ ไม่รักใครเลย หากเป็นจริงฉันอยากคุยกับคุณค่ะ เพราะฉันรู้ว่า คุณก็มีความรักในใครสักคน หรือสองคนหรือ...แต่คุณไม่ยอมรับ หรือไม่เข้าใจตัวเอง ทำไมล่ะคะ?
ถ้าคุณถามฉัน ฉันกล้าบอกคุณว่า ฉันรู้จักรักคุณมากมาย รักคนที่ไม่รู้จัก รักคนที่รู้จัก รักคนที่ไม่น่ารัก รักคนที่น่ารัก รวมทั้งรักคุณด้วย เพราะตั้งแต่ฉันได้รู้จักกับ พระเยซู ความรักก็ถูกบ่มเพาะในใจ ฉัน จนเบ่งบานเต็มล้นไหลรินไป รัก ใครต่อใครเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน ๆ ๆ ฉันมีความสุขอยู่ลึก ๆ ที่สามารถขจัดความเกลียด ซึ่งเป็นต้นเหตุของความทุกข์ ออกไปจากใจวันละเล็กวันละน้อย ไม่ใช่ด้วยความเก่งของฉัน แต่ด้วย กำลัง และพระคุณของ พระเยซู
แต่เดิมแล้ว ฉันเป็นคนแข็งกระด้าง หยิ่งยโส คิดว่าตัวเองเป็นคนเก่ง แต่เชื่อไหมค่ะคนเก่งอย่างฉัน (ตามความคิดตัวเอง) ล้มเหลวในหน้าที่การงานทุกอย่าง นอกจากงานดูแลครอบครัว ถือว่าพอใช้ได้ในระดับหนึ่ง ทุกวันนี้ยังคงมุ่งมั่นทำต่อไปให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น ภายใต้การทรงนำ และรับสติปัญญาจาก พระเยซู มาพัฒนาชีวิตของสามี-ลูก ๆ และตัวฉันเองอย่างไม่ย่อท้อต่อความทุกข์ยากลำบาก หรือปัญหาอุปสรรคใด ๆ เพราะฉันตระหนักรู้อยู่ในจิตใจทุกลมหายใจเข้าออกว่า พระเยซู พระองค์อยู่กับฉันและอยู่กับสามี-ลูก ของฉันตลอดเวลา และพระองค์เต็มใจยินดีที่จะอยู่กับคุณ อยู่กับทุกคนที่ต้อนรับพระองค์เช่นกัน
พระเยซู เปลี่ยนแปลงชีวิตฉันมากมายมโหฬาร ทรงปรับปรุงชีวิตฉันทุกวัน เพื่อให้ฉันเป็นคนที่ใช้การได้ ตามพระประสงค์ของพระองค์ พร้อมกันเป็นคนดีเพื่อความดีจริง ๆ
พระองค์เปลี่ยนฉันจากคนหยิ่งยะโส เป็นคนถ่อมใจ , จากคนใจเร็วด่วนได้เป็นคนที่มีความอดทนรอคอย,จากคนที่หลงว่าตัวเองเก่ง เป็นคนที่มองเห็นความจริงว่า ความสามารถทุกอย่างของฉันมาจากพระเจ้า เพราะเรื่องง่าย ๆ บางเรื่องฉันทำไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ฉันจึงสำนึกได้ว่า ถ้าพระเจ้าไม่ให้สติปัญญาด้านใดกับใครแล้วละก้อ คน ๆ นั้นไม่มีวันทำเรื่องนั้นได้
ฉันจึงขอบคุณพระเจ้า ในความสามารถของตัวเองที่มีอยู่หลาย ๆ เรื่อง
พระเยซู สอนฉันให้รู้จักแบ่งปันสิ่งดี ๆ ที่ฉันมีให้กับพี่น้อง เพื่อนบ้าน สังคม ด้วยความเต็มใจ สุดกำลังของตัวเอง
พระองค์ สอนฉันให้รู้จักฟังคนอื่น แทนที่จะให้คนอื่นฟังฉัน
พระองค์ สอนฉันให้พยายามเข้าใจคนอื่น แทนที่จะเรียกร้องให้คนอื่นเข้าใจฉัน
พระองค์ สอนฉันให้มองชีวิตในแง่มุมของความจริง ยอมรับกับทุกสถานะการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกพฤติกรรม ทุกการกระทำทั้งดี และเลว สุขหรือทุกข์ ลำบากหรือสบาย ด้วยความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ เต็มใจช่วยเหลือถ้าทำได้ เต็มใจยอมรับเมื่อต้องเผชิญกับตัวเอง
พระองค์สอนฉันให้ยอมรับ ความเป็นตัวตนของบุคคลอื่น ให้เพ่งมอง ค้นหา ชื่นชมในความดีของเขา แทนที่จะเพ่งมองเพื่อหาโอกาสประณามเขา
พระองค์สอนให้ฉันกล้าที่จะตักเตือน ต่อต้านความไม่ถูกต้องใด ๆ แม้ว่าจะต้องถูกเกลียดชัง และกล้ายอมรับความผิด เมื่อทำผิด ไม่โทษสิ่งแวดล้อม ไม่โยนบาปให้คนอื่น
ตั้งแต่รู้จัก พระเยซู มุมมองชีวิตของฉันเปลี่ยนไป ฉันรู้จักให้กระแสของความรัก ความเข้าใจ ไหลออกจากใจฉัน ไปสู่ผู้อื่น โดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ กลับมาเลย
เพราะเพียงแต่รู้สึกว่า ได้ให้ออกไป ก็มีความสุข และเพียงพอแล้ว
เมื่อฉันรู้จัก พระเยซู พระองค์ไม่ได้เปลี่ยนสถานะการเงินของฉัน พระองค์ไม่ได้ดึงเอาความทุกข์ หรือปัญหาออกไปจากชีวิตของฉัน มิหนำซ้ำบางช่วงเวลากลับมีความยากลำบากเพิ่มขึ้น เจ็บป่วย ขาดเงิน ปัญหาจิปาถะรุมเร้า แต่ พระเยซู ทรงอยู่เคียงข้างฉัน ให้กำลังใจ ปลอบโยนให้ฉันอดทน และมอบความทุกข์ทุกอย่างให้พระองค์ พระองค์สัญญาว่าจะไม่ทอดทิ้งฉันเลย แม้สักเสี้ยววินาที
พระเยซู พระองค์ปลดล็อกปัญหา ชีวิตของฉันออกไปทีละเปลาะ ๆ อย่างช้า ๆ แต่ไม่เคยสายเกินกว่าจะแก้ไข พระองค์เติมเต็มในประสบการณ์ชีวิตให้ฉัน ทั้งความเจ็บปวด ความสุข ความทุกข์ ทำให้ฉันมีขีดความอดทนรอคอยสูงขึ้น ๆ เชื่อฟังและพยายามทำตามคำสอนของพระองค์เพิ่มขึ้น ไว้วางใจพระองค์อย่างไม่สงสัยอีกเลย
ฉันเลิกถามพระองค์ว่า ทำไมต้องเกิดเรื่องนี้ กับชีวิตของฉัน
แต่ฉันถามพระองค์ว่า พระองค์กำลังสอนอะไรลูกหรือ? และพระองค์ยากให้ลูกทำอย่างไรต่อไป เพื่อเกิดเป็นประโยชน์กับคนอื่น ๆ ขอประทานสติปัญญาให้ลูกด้วย
ด้วยเหตุนี้ (อันนับไม่ถ้วน) ฉันจึงรักพระเยซู
วันนี้พระเยซู กำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตูใจของคุณแล้ว ได้ยินเสียงเคาะประตูไหมคะ หากยังลังเลที่จะเปิดประตู ทดลองเปิดหน้าต่างทักทายพระเยซูซิคะ ทำความรู้จักกับพระองค์ก่อนก็ได้ พระเยซู เต็มใจและยินดีแหงนหน้าคุยกับคุณทางหน้าต่าง ไม่ว่าหน้าต่างของคุณจะสูงแค่ไหนก็ตาม
รู้จักพระองค์แล้ว คุณต้องตัดสินใจด้วยตัวคุณเอง ว่าจะเปิดประตูต้อนรับพระเยซูเข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอด ไถ่ความผิดบาปทั้งปวงในชีวิตของคุณ เพื่อนำคุณกลับไปสู่อ้อมอกของพระเจ้าพระบิดา ผู้เฝ้ารอคอยคุณด้วยความห่วงใย หรือไม่
คุณต้องตัดสินใจ ??
ข้อคิดจากพระคัมภีร์
เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชิวตนิรันดร์ (ยอห์น 3:16)
บทเพลงประทับใจ
วันที่แดดจะแผดเผา ทรงเป็นเงาร่มเย็น
เป็นความหวังเป็นทางรอดอยู่เสมอ
คืนและวันที่เหน็บหนาว พระองค์อยู่ข้างเรา
เป็นพระเจ้าของเราอยู่เรื่อยไป
ต่อไปนี้ฉันจะไม่ต่อสู้เพียงลำพัง
เพราะพระองค์ผู้ทรงมีชัย
เหนือความตายความบาป
ทรงเดินไปเคียงข้างฉัน
|
|
|