|
สวัสดีครับ น้องอนุชน และผู้อ่านทุกท่าน
สรรเสริญและขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ได้ทรงรักเรา และสำแดงพระองค์เองให้กับเรา
ขอพระเจ้าสัมผัสและแตะต้องพี่น้องผู้อ่านทุกคน พระเจ้าทรงมีวิธีการของพระองค์ที่จะตรัสกับเรา
และเวลานอนเป็นเวลาจิตใจของเราสงบที่สุด ง่ายต่อการฟังพระสุรเสียงของพระองค์
และเมื่อนั้นวิญญาณจิตของเราก็พร้อมที่จะรับนิมิต ความฝัน
การทรงสำแดงและการเยี่ยมเยียนของพระองค์ ในโลกฝ่ายวิญญาณมีอยู่ 3 อำนาจเสมอ
1) จากพระเจ้า 2) จากมาร 3) จากเราเอง
และทุกครั้งที่เราฝันหรือเห็นนิมิต เราต้องรู้ 3 ข้อนี้ว่า
1) ขัดต่อพระคำพระเจ้าหรือเปล่า ?
เพราะพระเจ้าจะไม่สำแดงอะไรที่ขัดต่อน้ำพระทัยของพระองค์ที่ได้ทรงสำแดงแล้วในพระคำของพระองค์
2) มีความหมายต่อเราอย่างไร ?
และ 3) จะนำไปใช้ได้อย่างไร ?
สำคัญคือ
หากเป็นิมิตความฝันที่มาจากพระเจ้าเรื่องเกี่ยวกับแผนงานและเป้าหมายที่พระเจ้าให้คุณเป็นส่วนตัวที่จะกระ
ทำ เราจะต้องไม่ไปเที่ยวบอกคนอื่นครับ เราจะจดไว้ อธิษฐานต่อไป และกระทำตามคำสั่งต่อไปที่พระเจ้าจะให้
เพราะหากเราไปเล่าให้ใครฟังแล้ว เหมือนกับเราไปเปิดเผยแผนลับของแผนการของพระเจ้า
หากศัตรูได้ยินมันก็จะส่ง "วิญญาณแห่งความอิจฉา" ที่ทำงานร่วมกับ
"วิญญาณแห่งความเกลียด" และพา "วิญญาณแห่งความตาย" มาด้วย เพราะว่ามันรู้ว่า
พระเจ้ากำลังจะใช้คุณให้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากมายเพื่ออาณาจักรของพระองค์
และอาณาจักรแห่งความมืดของมันกำลังจะถูกทำลาย ที่คือ สิ่งที่เกิดขึ้นกับโยเซฟ
เมื่อเขาเล่าความฝันที่พระเจ้าให้เขาตอนเขาอายุ 17 ให้พี่ชาย และพ่อแม่ฟัง ว่า
พวกเขาทั้งหมดจะก้มกราบโยเซฟ (พระเจ้าไม่ได้หมายถึงตอนนี้ แต่หมายถึงอีกหลายปีข้างหน้า
เมื่อโยเซฟได้กลายไปเป็นนายกรัฐมนตรีของอาณาจักรอียิปต์)
นักวิทยาศาสตร์บอกว่าเราฝันกันทุกคน และฝันกันทุกคืน
แต่ที่เราตื่นขึ้นแล้วบอกว่านอนหลับสบายมากไม่ได้ฝันเลยเมื่อคืนนั้น จริง ๆ แล้วนั้น
เราฝันแต่ลืมไปแล้วต่างหากครับ
สำหรับเราผู้เชื่อไว้วางใจในองค์พระเยซูคริสต์ เมื่อฝันนั้นมาจากพระเจ้า เราเองก็จะรู้
ผมรู้เสมอมาว่าฝันนั้นเป็นการทรงสำแดงของพระเจ้า ถึงสภาพจิตวิญญาณของตัวผมเอง ต่อมาผมเริ่มเรียนรู้ว่า
พระเจ้าส่งคำเตือน และบอกสิ่งที่พี่ควรจะทำ หรือ สิ่งที่พระองค์กำลังจะทรงกระทำ ผ่านมาทางความฝัน
และบางครั้งก็ให้เกิดอาการ เดจาวู ด้วย
เมื่อสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นจริงตามที่เราได้ฝันไว้ คนที่ไม่รู้จักพระเจ้าเขามักจะพูดว่า
"เหมือนเคยเห็นเหตุการณ์นี้ที่ไหนมาก่อน" บางเหตุการณ์เราถึงกับรู้เลยว่าบุคคลที่อยู่ข้าง ๆ
เราจะพูดประโยคอะไรต่อไป
คนที่พบประสบการณ์เหล่านี้ พระเจ้าได้สำแดงเหตุการณ์ในอนาคตให้เขาเห็นแล้ว
เพราะว่าสมองของเรานั้นก็เต็มไปด้วยกิจวัตรประจำวัน กิจกรรมต่าง ๆ ที่เราต้องกระทำเมื่อตื่นขึ้น
จึงลืมความฝันเหล่านั้นไป แต่พระเจ้าผู้ทรงสร้างเรา พระองค์สร้างสมองของเราอย่างมีกลไกซับซ้อน
แม้ว่าเราคิดว่าเราลืมว่าฝันอะไรไปนั้น จริง ๆ แล้ว ความฝันนั้นถูกบันทึกไว้ในส่วนลึกของสมอง
ด้วยเหตุนี้เมื่อเหตุการณ์ที่พระเจ้าสำแดงในความฝันนั้นเกิดขึ้นจริงแล้ว เราถึงระลึกได้ว่า
เราเคยเห็นเหตุการณ์นี้ที่ไหนมาก่อน
คนในสมัยโบราณมีประสบการณ์เหล่านี้และรู้เสมอว่าหากเป็นความฝันที่เมื่อเขาตื่นขึ้นมาแล้วยังงงงวย
และเป็นทุกข์ใจ สิ่งนั้นมาจากพระเจ้าแน่ ๆ และเขาต้องการหาผู้ที่จะมาแปลความหมายของความฝันให้เขาได้
ซึ่งบางคนไม่รู้จักพระเจ้าก็พยายามคิดหาวิธีการแปลความฝันเอง
บางพวกก็ใช้สติปัญญาของมนุษย์เดาผิดเดาถูกไป
บางพวกแย่กว่านั้นหันไปพึ่งพาพวกผีวิญญาณชั่วเพื่อจะแปลความฝันและเข้าใจนิมิต
แต่พระคำพระเจ้าบอกชัดเจนว่า ไม่มีใครแปลความฝันได้นอกจากพระเจ้า นั่นหมายความว่า เราต้องมาถามพระองค์
เราต้องมาเสาะหาและพึ่งพระองค์ เพื่อเราจะเข้าใจสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เราทำ หรือ เลิกทำ
แต่เราจะถามพระเจ้าได้ เราก็ต้องมีความฝันมาถามก่อน
เพราะความฝันนั้นจะยังอยู่ชั่วครู่เมื่อเราเริ่มลืมตา หากไม่จดบันทึกเขียนไว้
ความฝันนั้นก็จะหายไปโดยเร็ว และก็ถูกลืมไป และเราก็พลาดโอกาสสิ่งที่พระเจ้ากำลังบอกเรา
ฉะนั้น สิ่งที่ผมทำก็คือผมจะมีสมุดจดบันทึกความฝันไว้ข้างเตียงเสมอ เมื่อได้รับฝันที่มาจากพระเจ้า
ก็จะรีบจดไว้ทันทีที่ตื่นขึ้น สองสามวันต่อมากลับมาอ่านก็จะพบสิ่งน่าอัศจรรย์มากมาย
และขอพระเจ้าที่จะเข้าใจในความหมายของความฝันเหล่านั้นด้วย
ในยุคสุดท้ายนี้ พระเจ้าสัญญาที่จะเทพระวิญญาณของพระองค์ลงมา คนเฒ่าคนแก่ เด็กชาย เด็กหญิง จะฝันเห็น
นิมิต จะพยากรณ์ (กิจการ บทที่ 2)
เพราะว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังเรียกคนให้กลับใจมาหาพระเยซูคริสต์ให้มากที่สุด
ก่อนที่วันที่พระองค์จะเสด็จกลับมารับบรรดาผู้เชื่อเท่านั้นไป
และวันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าจะเทการพิพากษาลงมาเหนือมารซาตานกับวิญญาณชั่วของมัน
เหนือมนุษย์ผู้ปฎิเสธความรักของพระเจ้า และเหนือโลกนี้ พระเจ้ากำลังเรียก "โยเซฟ"ทั้งหลาย
และ "ดาเนียล" ทั้งหลายของพระองค์ขึ้นมาในคนชั่วอายุนี้
เพราะเขาทั้งหลายจะมีอิทธิพลทั้งในทางโลก และประกอบไปด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า
เขาทั้งสองพวกจะใช้สติปัญญาที่พระเจ้าประทานให้ และพึ่งฤทธิ์เดชของพระเจ้า
เขาทั้งสองพวกจะทำงานด้านบริหารและเป็นผู้นำของสังคมโลก
แต่หัวใจของเขาจับจ้องอยู่ที่พระเจ้าและเชื่อฟังพระองค์
เขาทั้งสองพวกจะใช้ตำแหน่งหน้าที่การงานที่พระเจ้าให้เขาเพื่อจะช่วยคนในโลกนี้ และ
เขาจะปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าและสนับสนุนงานและช่วยxxx้คนของพระเจ้าด้วย พระเจ้าทรงเรียกแล้ว
คุณจะเป็นคนตอบสนองหรือเปล่า ? พระเจ้าตรัสว่า "ใครจะไปแทนเรา ?"
คุณเป็นคนนั้นที่พระเจ้าเสาะหาหรือเปล่า ? คุณเป็น "โยเซฟ" และ "ดาเนียล"
ของยุคนี้ของเราหรือเปล่า ? จงเชื่อฟังพระเจ้า และถวายตัว อาชีพ การงาน ตำแหน่งที่คุณทำ ที่คุณได้รับ
ให้กับพระเจ้า เปิดหัวใจของคุณให้ออกกว้างต่อการทรงสำแดง นิมิต ความฝัน และ
เป้าหมายที่พระเจ้าจะบอกให้คุณทำ
คุณจะเห็นเหตุการณ์อย่างนี้ และอีกมากมาย อันเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ยุคที่เราอยู่นี้เป็นยุคสุดท้ายแล้ว
ฉะนั้น ในวันธรรมดา ๆ ที่ไม่มีการทรงสำแดง นิมิต หรือ ความฝันอันมหัศจรรย์สิ่งใด คุณก็จงรีบทำงาน
ประกาศนำคน ทั้งที่มีโอกาส และ ไม่มีโอกาส
และเพราะพระเจ้ารักเรามากพระองค์ไม่ต้องการที่จะเก็บเราไว้ในความไม่รู้ ด้วยว่าพระเจ้าทรงเป็นความสว่าง
ผู้ที่เดินตามพระองค์จะมีความสว่างในชีวิต เราเป็นลูกของความสว่าง เราจึงต้องสวมชุดเกราะของความสว่าง
และ ความสว่างนั้น คือ พระเยซูคริสต์ ให้คุณเกาะติดสนิทแน่นกับพระคำของพระองค์ และนมัสการพระองค์
อธิษฐานเผื่อผู้เชื่อและผู้ที่ยังไม่เชื่อทุกคนเวลานี้ ที่สำคัญที่สุด จงรู้จักพระเจ้า
และทำตามใจพระบิดา พระเจ้าว่าอย่างไรเราก็ต้องทำตาม มีความสัมพันธ์สนิทกับพระองค์ทุกวัน
พึ่งพระวิญญาณทุกเวลา นี่แหละคือน้ำพระทัยพระเจ้า นี่แหละคือ งานของพระเจ้า ที่ให้เรากระทำในวันนี้
รักในพระคริสต์
เอ็ม สุรชัย
Surachai.Org
|
|
|